“พลังงานเยอะนะอีคุณโส...เขาให้ทำงานสามชั่วโมงหล่อนล่อไปซะห้า แล้วดูสภาพซิ พรุ่งนี้จะไหวไหมเนี่ย” ประภาดาบ่นอุบ
“ไหว...” แต่สภาพอันอิดโรยกลับขัดแย้งกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง ร่างในชุดปลาหมึกหนวดพะรุงพะรังนั่งหมดสภาพอยู่บนโซฟา ส่วนหัวถูกถอดออกวางบนโต๊ะ
“ไม่ไหวอย่าบอกไหว แล้วช่วยถามเพื่อนด้วยว่าไหวไหม” การะเกดแผ่หลาลงบนโซฟาตัวตรงกันข้ามบ้าง เกือบตีสองแล้วพวกหล่อนเพิ่งจะลากสังขารกลับมาถึงที่พัก
“ถ่ายได้เยอะไหมล่ะ...” โสรยาหันไปถามการะเกด ผู้มีหน้าที่เป็นตากล้อง
“เออ...เดี๋ยวคลิปแรกมะรืนคงตัดต่อเสร็จ แต่อีคุณโสคะ ถ้าจะบ้าบิ่นขนาดนี้ วันหลังหล่อนไปคนเดียวเลยนะ ฉันไม่ไปด้วยแล้วแม่คุณ”
“ไม่ได้นะเว้ย...พรุ่งนี้มีถ่ายรีวิวร้านต่อ ต้องไปเตรียมตัวตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดด้วย คืนนี้แยกย้ายกันนอนดีกว่าไหม จะมานั่งเถียงกันให้มันได้อะไรขึ้นมา” พรชัยนั่งลงข้าง ๆ การะเกดเอ่ยขึ้น ในขณะที่ประภาดาเดินเข้าห้องน้ำและดาหวันก็นั่งทรุดอยู่กับพื้นข้าง ๆ โซฟาที่โสรยานั่ง
ทุกคนดูเหนื่อยล้า แม้จะทำงานหามรุ่งหามค่ำกันมาเยอะแต่ครั้งนี้คงเว้นระยะนานไปหน่อย เมื่อต้องเริ่มต้นใหม่ อะไร ๆ จึงยังไม่ลงตัวดีนัก
“หวันนอนก่อนนะคะพี่ ๆ ขออาบน้ำพรุ่งนี้ละกัน เพลียมากค่ะ จะกระดิกนิ้วยังไม่มีแรงเลยเนี่ย”
“ตามที่พี่แพทว่าแหละ...คืนนี้นอนเอาแรงกันก่อนนะพวกเรา พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ” โสรยาสรุป ทุกคนจึงเตรียมตัวทยอยอาบน้ำเพื่อจะได้พักผ่อนเป็นลำดับถัดไป
ตัวหล่อนเองเป็นแม่งานย่อมอ่อนแรงกว่าใคร แต่ก็รู้สึกภูมิใจที่ได้ทำอย่างเต็มที่ และดูจากสีหน้าเจ้าของร้านตอนที่เข้าไปบอกลากัน ก็บ่งบอกถึงความพึงพอใจในตัวหล่อนเป็นอย่างมาก แถมยังได้ทิปจากลูกค้ามาอีกเป็นพัน
นี่เป็นครั้งแรกที่รับงานเอ็นเตอร์เทนแบบนี้ ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง...การตกลงจากที่สูงอย่างกะทันหันก็เป็นบทเรียนหลาย ๆ สิ่งให้กับหล่อน
อย่างน้อยก็เรื่องความอดทน และการยอมรับความจริง...