บทที่ 5 ตอนที่ 3

1609 Words
แทนที่จะช่วยกันห้าม...คนพวกนั้นทั้งยิ้มทั้งหัวเราะอย่างชอบใจ “ทำเป็นเล่นตัว มีงานได้เงินก็รับ ๆ ไปเถอะ อีกหน่อยก็เหี่ยวแห้งไม่มีใครจ้างแล้ว ขนาดตอนนี้ยังเป็นแค่เน็ตไอดอลตกอับมาเสิร์ฟหมูกระทะละว้า” คำพูดแต่ละคำและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยามเย้ยหยัน “ปล่อยนะไอ้บ้า!” โสรยาปัดป้องตัวเองแล้วรีบลุกหนีออกมาทันที แต่มิวายผู้ชายคนนั้นก็ยืนขึ้นแล้วทำท่าจะคุกคามหล่อนอีก แต่ร่างใหญ่ร่างหนึ่งแทรกตัวเข้ามาระหว่างกลางกันเอาไว้เสียก่อน “คุณลูกค้า...มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ” “นาย...” โสรยาหายใจหอบถี่ด้วยความโกรธและตกใจ มองแผ่นหลังของร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนประจันหน้ากับกลุ่มลูกค้าที่มีปัญหากับหล่อน เขาอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟ และประสานมือไว้ด้านหน้า พูดจาด้วยความนอบน้อม “พี่แค่อยากคุยกับน้องฮอลล์เอง...ไม่เห็นมีอะไรเลย ใช่ไหมพวกเรา” ชายคนนั้นแก้ต่างอย่างหน้าไม่อาย บรรดาเพื่อนในกลุ่มก็เห็นพ้องต้องกัน ต่างเอะอะโวยวายว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย “ถ้างั้นผมขอตัวพาเธอไปก่อนนะครับ เพราะหมดเวลางานของเธอแล้ว” “เอางี้ ๆ หมดเวลางานแล้วพี่จะซื้อเวลาต่อเอง ว่ามาจะเอาเท่าไหร่...แค่มานั่งช่วยพี่ ๆ หยิบนั่นหยิบนี่ คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอกมั้ง” “เห็นจะไม่ได้หรอกครับ เพราะทางร้านไม่มีนโยบายให้พนักงานนั่งกับลูกค้า” “ก็จ่ายเงินให้ไง ทำไมเรื่องมากจังวะ” “ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วย เราอนุญาตไม่ได้จริง ๆ” มาคีส์ยังคงต่อรองด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จนโสรยาเองที่เป็นฝ่ายเกรงว่าเขาอาจจะถูกพวกอันธพาลนั่นชวนทะเลาะไปด้วยอีกคนก็ได้ “เป็นแค่เด็กเสิร์ฟ อย่ามาสะเออะตัดสินใจเลยไอ้น้อง ไปทำงานของมึงเถอะถ้าไม่อยากเดือดร้อน เดี๋ยวต้องบอกผู้จัดการให้หัดสั่งสอนพนักงานเสียบ้างแล้วมั้งถ้าเป็นแบบนี้” “ผมนี่แหละครับผู้จัดการ” เขาบอก หญิงสาวค่อนข้างอึ้งไปเล็กน้อยไม่ต่างจากคนพวกนั้น เพราะหล่อนไม่เคยรู้มาก่อนถึงตำแหน่งหน้าที่แท้จริงของเด็กหนุ่ม คิดว่าเป็นเพียงพนักงานเสิร์ฟเท่านั้น มิน่า...เพนนีถึงได้ดูไว้ใจเด็กคนนี้กว่าใคร ๆ “อ้อ หน้าอ่อนไปหน่อยนะเราน่ะ...ดูแลร้านยังไง ไม่ดูแลลูกค้ากันเลย” เสียงของชายคนนั้นฉุนเฉียวมากขึ้น “คุณกลับไปได้แล้ว...หมดเวลาของคุณแล้ว” เขาไม่ได้สนใจ กลับหันมาคุยกับหญิงสาว “ไม่สนใจลูกค้าแบบนี้คงต้องคุยกับเจ้าของร้านเสียหน่อยแล้วมั้งไอ้น้อง ว่าไง...ไปเรียกเจ้าของร้านมาสิ” ดูเหมือนเรื่องจะยิ่งบานปลาย เมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นเริ่มเข้ามาห้อมล้อม จนกลายเป็นที่สนใจของบรรดาลูกค้าทั้งร้าน...พนักงานทุกคนก็เดินมารวมตัวอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างเฝ้าระวัง “เจ้าของร้านเป็นแม่ผมเองครับคุณลูกค้า แล้วตอนนี้ท่านก็นอนหลับไปแล้ว ผมสามารถตัดสินใจทุกอย่างในร้านแทนแม่ได้ เพราะอีกหน่อยมันก็ต้องเป็นของผม คุยกับผมได้เลยครับ” โสรยาถึงกับเอามือปิดปากที่อ้าค้างเมื่อได้ยินดังนั้น ค่อนข้างเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายสำหรับหล่อน แถมยังเคยบ่นบ่อย ๆ ว่าเขาเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟแต่ชอบทำตัวแปลกแยก “เซ็ง! ร้านห่วยแตก อย่าหวังว่าพวกเราจะกลับมากินของพวกแกอีก” “เชิญครับ...ทางออกตรงไปทางนั้น ขอบคุณที่มาอุดหนุนในวันนี้นะครับ มื้อนี้ถือว่าผมเลี้ยงก็แล้วกัน” มาคีส์หันไปคุยกับกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วผายมือเป็นการเชื้อเชิญให้คนเหล่านั้นออกไปจากร้าน พนักงานต่างก็เดินล้อมวงกันเข้ามา ในขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุบางคนทำท่าจะเข้าไปทำร้ายมาคีส์ “หมาหมู่นี่หว่า...” “จะให้ผมเชิญหรือจะให้โยนออกไปดีครับคุณลูกค้า” คราวนี้น้ำเสียงของเขาเข้มดุขึ้น และจ้องหน้าผู้ชายเหล่านั้นทีละคน ๆอย่างสุขุม แต่น่าเกรงขาม... “เออ! ถ้ารู้ว่าเรื่องมากขนาดนี้พวกกูไม่มาเหยียบร้านห่วย ๆ นี่ให้เสียเวลาหรอกโว้ย” พวกเขายังมิวายส่งเสียงเอะอะโวยวายขณะที่พากันเดินกึ่งวิ่งจากไป “คุณเป็นยังไงบ้าง...” เขาหันกลับมาถามโสรยา “ไม่...ไม่เป็นไร ก็แค่ตกใจ แต่ขอบคุณนายมากนะที่เข้ามาช่วย” หล่อนหลบสายตาของเขาที่มองมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยทันควัน ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก... น่ากลัวกว่ากลุ่มคนเกือบสิบคนเสียอีก บุคลิกของเขาที่เคยเห็นก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่วันนี้กลับเผยอีกมุมหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แบบอยู่หมัด “เป็นหน้าที่ของผมน่ะ...เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่รถดีกว่า คุณโทร. บอกเพื่อนคุณให้ออกมาได้เลยนะ” “อือ...ได้ หวันคงเก็บของอะไรเสร็จหมดแล้วละ” ปากคอยังสั่นกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ อดหวั่นไม่ได้ว่าหากเกิดเรื่องตีรันฟันแทงกันในร้านแล้วหน้าที่การงานของหล่อนจะเป็นอย่างไร คงมิวายตกกระป๋อง แล้วยังต้องหามัดจำมาคืนเพนนีอีก ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก เพราะเงินก้อนนั้นได้นำไปแบ่งสันปันส่วนกันหมดแล้ว ที่สำคัญ ตอนนี้อาจไม่มีใครเหลือเก็บเลยสักบาทเดียวด้วย... ชายหนุ่มเดินมาส่งหล่อนที่รถ โสรยาเปิดประตูเข้าไปประจำที่นั่งคนขับเพื่อรอดาหวัน ซึ่งเขาก็ยังคงรออยู่เป็นเพื่อน เมื่อหล่อนจะปิดประตูเขาก็จับเอาไว้ “ยังตกใจอยู่หรือเปล่า” “ไม่แล้ว...ก็ดีขึ้น” หล่อนตอบ ละมือจากที่จับประตูรถ ยอมให้เขายืนค้ำอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มก้มตัวลงแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “แน่ใจนะ” “อือ...” หล่อนเงยขึ้นไปสบตากับเขาพอดี ทำให้รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้มาก ด้วยดูออกมาตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นลูกครึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมีปัญหาส่วนตัวให้คิดมากมาย แต่พอได้พินิจดี ๆ เพียงเสี้ยววินาที...ใจหล่อนก็คิดเหมือนว่าเคยเห็นเขามาก่อนที่ไหนสักแห่ง ที่ที่ไม่ใช่นัวในหม้อ... “ผมชื่อมาคีส์นะ...เรียกแม็กซ์เฉย ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเรียกน้องหรอก ผมไม่อยากมีพี่สาว” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง พลางยิ้มมุมปากและจ้องหล่อนด้วยแววตาเป็นประกาย “เพื่อนฉันมาแล้ว กลับก่อนนะ” โสรยารีบบอก ไม่รู้ทำไม หล่อนลนลานจนทำอะไรไม่ถูกเพียงได้แลเห็นสายตาคู่นั้น แต่โชคดีที่ดาหวันมาได้ถูกจังหวะ และส่งเสียงวี้ดว้ายมาแต่ไกล “พี่คุณโส! เป็นยังไงบ้างคะ ยังอยู่ครบสามสิบสองใช่ไหมคะพี่” สาวสองคนน้องสุดหิ้วของพะรุงพะรังวิ่งมายืนหอบอยู่ตรงประตูด้านคนขับ มาคีส์จึงปล่อยมือจากประตูรถแล้วก้าวถอยออกห่าง ให้ทั้งคู่ได้สนทนากัน “ไม่ได้เป็นอะไร ดูทำท่าเข้า อย่างกับฉันจะโดนปาดคอ” “ก็พี่โทร. ไปบอกว่ามีเรื่องกับลูกค้าหวันก็กลัวสิคะ นี่ถ้าพวกแม่ ๆ รู้เข้ามีหวังหวันโดนด่าสามวันเจ็ดวันไม่ซ้ำคำแน่ค่ะ” ดาหวันโวยวาย พลางเดินเข้าไปสำรวจโสรยาเพื่อความมั่นใจ “ไม่ใช่ความผิดของหวันเสียหน่อย กลับกันเถอะ ดึกแล้ว” หล่อนว่าพลางเหลือบมองมาคีส์แล้วปิดประตูรถ ส่วน ดาหวันก็หิ้วของเดินอ้อมไปอีกด้าน “ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้ล่ะพี่” ดาหวันถามเมื่อนั่งลงด้านข้างคนขับแล้วเอื้อมเอาของในมือไปวางไว้ตรงเบาะหลัง ก่อนจะรีบคาดเข็มขัดนิรภัย สายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยืนกอดอกอยู่ด้านนอก “เขาเป็นคนช่วยฉันจากลูกค้าบ้าบอพวกนั้น แล้วก็เลยเดินมาส่งที่รถ” โสรยาว่าพลางสตาร์ตรถแล้วเหยียบคันเร่ง ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากที่จอด “โห...เจ้าชายขี่ม้าขาวเลยนะคะเนี่ย” ดาหวันหันไปมองด้วยความปลื้มปีติจนสุดสายตา “มันเป็นหน้าที่ของเขา...นี่รู้ไหมเขาเป็นลูกคุณเพนนีเชียวนะ ตอนแรกนึกว่าเด็กเสิร์ฟธรรมดา ๆ เสียอีก” “ว้าว! หล่อ เท่ ลูกครึ่งด้วย แถมดีกรีเป็นถึงลูกเจ้าของร้าน” สาวสองหันกลับมา ใช้สองมือแนบหน้าแล้วร้องวี้ดว้ายด้วยความตื่นเต้น “น้อย ๆ หน่อยนังหวัน...เขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นก็ได้ อีกอย่างหน้าที่หลักคือทำงานย่ะ” “แหม ออปชันมาเต็มขนาดนี้จะไม่ให้กะเทยหวั่นไหวได้ยังไงคะ” “รู้แล้วก็ช่วยเก็บอาการหน่อยนะคะคุณน้อง ถ้าหล่อนตกมันไปไล่ปล้ำลูกชายเขา ฉันคงถูกเฉดหัวออกจากงานนี้แน่ แล้วเราก็จะอดตายกันหมด” หล่อนหันไปจิกตามองเพื่อนรุ่นน้อง “จ้าแม่...” ปากก็ว่าดาหวัน แต่ตัวเองกลับมีความคิดแปลก ๆ เข้ามาในหัวเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนั้น มันเป็น...ความรู้สึกที่อยู่ลึกและกระจัดกระจายจนไม่อาจเก็บเอามาเป็นคำตอบได้ว่าคืออะไร...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD