3

1333 Words
เขามองเธอแล้วส่ายหัว “แล้วตอนเข้ามาทำไมไม่กลัว เข้ามาได้ยังไงจนถึงบริเวณนี้ มันลึกมากเลยนะรู้ไหม” สิตาลทำหน้าสำนึกผิด เธอชอบดอกไม้ป่า “ฉันแค่เผลอมองกล้วยไม้ป่านิดเดียว เพื่อนๆ ก็ขับหายไปหมด แล้วฉันก็ได้ยินเสียงร้องของสัตว์เหมือนจะเป็นช้าง ฉันเลยตกใจ เครื่องยนต์ก็มีปัญหาติดๆ ดับๆ ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาเลี้ยวไปทางไหนทำให้เลี้ยวผิด เลยหลงทางมาแบบนี้ ในป่าก็อับสัญญาณ ติดต่อใครไม่ได้ แล้วคุณตามมาถูกได้ไงคะ” “ผมมากับคนงานอีกหลายคน เราแยกกันแกะรอยตามหาคุณ เพราะถ้าหาไม่เจอคืนนี้ รับรองว่าที่นี่คงถูกสั่งปิด เพราะมีนักท่องเที่ยว...” เขาไม่อยากพูดต่อ ปล่อยให้เธอคิดเอง “อุ๊ย!! ฉันยังไม่อยากตาย คุณมาก็ดีแล้ว รีบพาฉันออกไปเถอะ เดี๋ยวออกไปได้จะให้ทิปหนักๆ เลย” คำนี้ทำให้นายหัวหนุ่มไม่ปลื้มนัก “ชีวิตคุณทั้งชีวิตจะแจกทิปผมเท่าไหร่ดีล่ะ” สิตาลยิ้ม “จะเอาเท่าไหร่ล่ะ ฉันมีอยู่พันนึง ออกไปฉันจ่ายแน่ เราจะออกกันไปได้หรือยัง” เขาตอบเสียงเข้มแล้วมองหน้าสวยที่บอกจะให้ค่าเสี่ยงภัยตั้งหนึ่งพัน ดูท่ายัยนี่ทะเลเรียกพี่ ดวงตาคู่คมฉายวาบขึ้นในความมืด “ยังหรอก ตอนนี้ออกไปไม่ได้” “ทำไมล่ะคะ” “คุณไม่เห็นหรือไงว่ามันมืดมาก เราจะยังไม่กลับตอนนี้” “อ้าว แล้วเราจะกลับตอนไหนล่ะคะ ฉันอยากกลับตอนนี้แล้ว” “มันอันตรายเกินไป ผมพาคุณกลับไปตอนนี้ไม่ได้” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากโดยที่สิตาลไม่ทันมองเห็น “ถ้ากลับตอนนี้ไม่ได้ หมายความว่าเราต้องนอนค้างในป่าเหรอคะ” “ใช่แล้วครับ คุณผู้หญิงคนสวยแถมใจปล้ำอีกต่างหาก” สิตาลกัดปากแน่นเมื่อรู้ว่าถูกประชดเงินพันนึงคงไม่ล่อใจเขา หญิงสาวมองไปรอบๆ กาย เธอชอบธรรมชาติก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องใกล้ชิดถึงขั้นนอนชมธรรมชาติยามราตรีในป่าแบบนี้ แถมอยู่กับใครก็ไม่รู้ เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงห้านาที ถึงเขาจะเป็นพนักงานของบริษัททัวร์ผจญภัยแห่งนี้ก็ตาม แม้ว่าหน้าตาดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนดีนี่ แล้วการมานอนค้างอ้างแรมกับผู้ชายกลางป่าแบบนี้ มันสุ่มเสี่ยงระดับ 99.99% เชียวละ คิดแล้วก็อดระแวงหนุ่มหล่อหุ่นล่ำที่ยืนหน้าง้ำอยู่ตรงหน้าไม่ได้ สิตาลตัดสินใจยื่นข้อเสนออย่างใจป้ำ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์มันหายาก “เอาแบบนี้ไหม ฉันให้เงินคุณตอนนี้เลยหนึ่งพันบาท ช่วยพาฉันออกไปตอนนี้เลยได้ไหม บอกตรงๆ ฉันไม่อยากนอนค้างกลางป่า” ราเมศเอาไฟฉายส่องหน้าคนพูดไม่รู้เรื่อง จะฟาดหัวคนทั้งที แม่คุณฟาดด้วยเงินแค่พันเดียวแลกกับภารกิจเอาชีวิตมาเสี่ยงแบบนี้เนี่ยนะ “พันเดียว คุณคิดว่าหน้าอย่างผมฟาดหัวด้วยเงินแค่นี้พอเหรอ” สิตาลรีบเบี่ยงหน้าหลบ เธอมาเจอกับพวกหน้าเลือดเข้าให้แล้ว “งั้นพันห้าขาดตัว” เดี๋ยวออกจากป่าไปได้ยืมฟ้าใสให้เขาอีกห้าร้อย คนกำลังถังแตก แต่ไม่อยากเป็นหนี้ ประหยัดกินประหยัดใช้สุดๆ ลอบถอนใจ นายหัวราเมศหัวเราะหึๆ ในลำคอ แล้วเอาไฟฉายส่องหน้าแม่สาวสวยที่เขี้ยวลากดินอีกครั้ง สิตาลหรี่ตาแคบลง “คุณเอาไฟมาส่องหน้าฉันทำไม อย่าบอกนะว่าพันห้ายังน้อยไปอีก” “ผมอยากเห็นหน้าคนพูดไม่รู้เรื่อง ผมย้ำตรงนี้เลยว่า ผมจะยังไม่พาคุณออกไปตอนนี้ เงินของคุณเก็บไว้เถอะ ต่อไปอาจจะไม่ได้ใช้ก็ได้” “นี่คุณขู่ฉันเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่ แต่ถ้าคุณยังทำตัวเยอะได้ไหม พูดไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ คุณอาจจะไม่ได้ใช้เงินอีกตลอดชีวิตเลยก็ได้” ราเมศพูดแล้วสาวเท้าเดินไปยังทิศทางที่จอดรถเอทีวีไว้ ยังไงก็ต้องกลับไปที่จุดนั้นเพื่อจะใช้รถขับกลับไป แล้วมั่นใจว่าแม่สาวหน้าหวาน (แต่ทะเลเรียกแม่) ยังไงก็ต้องเดินตามมา “อะไร อย่ามาเดินหนีฉันนะคุณ พันห้าเชียวนะ รอก่อนสิ” แต่ชายหนุ่มไม่รอเธอ แล้วยังเดินเร็วมาก บรรยากาศรอบตัวทำให้สิตาลทำหน้าเลิ่กลั่กทันทีที่มองไม่เห็นเขาเพราะความมืดมิดในป่า “นี่คุณ ฉันเป็นลูกค้านะ เดินหนีลูกค้าแบบนี้ได้ไง” เธอมองซ้ายมองขวาจนหันไปเห็นนกฮูกตาโตมองมาก็เผลอจะร้องกรี๊ด แต่ดีที่ห้ามตัวเองไว้ทัน “อุ๊ย...มองทำไม ตกใจหมด” เท้าเรียวรีบวิ่งตามคนตัวสูงไปติดๆ เพราะไม่อยากหลงอยู่ในป่านี้คนเดียว มันน่ากลัว ชวนให้คิดเตลิดเกี่ยวกับผีสาง ราเมศยิ้มเยาะ รู้อยู่แล้วว่าคนสวยคนนั้นต้องวิ่งตามมา เขาก้าวขาให้ช้าลงเพื่อให้เธอวิ่งตามทัน และในที่สุดเสียงฝีเท้าก็ตามมาถึง ‘นึกว่าจะแน่’ “เดี๋ยวคุณ รอด้วยสิ” สิตาลเรียก แต่เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบเลยวิ่งเข้าไปใกล้ๆ จนตัวแทบจะสีกับเขา ราเมศอมยิ้มแล้วเดินช้าลงอีกหน่อย สงสารคนตัวเล็กที่ช่วงขาเธอคงสั้นกว่าเขามาก “เราจะต้องพักในป่านี้คืนหนึ่ง พรุ่งนี้เช้าค่อยออกไป จะได้ปลอดภัย” สิตาลอยากจะปฏิเสธ แต่ว่าไม่มีเหตุผลมากพอที่จะพูดออกไป ในเมื่อใช้เงินไม่ได้ผล ก็ต้องยอมนอนในป่าสักคืน ถ้าเรื่องเยอะกว่านี้ เดี๋ยวหมอนี่ไม่ยอมพาเธอออกไปด้วยจะซวยกันใหญ่ แต่ออกไปได้เมื่อไหร่ เธอจะฟ้องคุณปราบให้ยับว่าพนักงานของเขาพูดจาแย่ๆ กับลูกค้า “ตอนเช้าก็ได้ค่ะ” สิตาลบอกด้วยน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อยตามอารมณ์ขุ่นมัว “ว่าแต่เราจะทำยังไงกันต่อ” เธอเคยดูรายการสารคดี เขาบอกว่าการนอนในป่าเป็นเรื่องอันตราย ส่วนมากจึงมีการทำห้างไว้บนต้นไม้ “ผมขับรถเอทีวีเข้ามา มีเต็นท์มาด้วย ผมจะพาไปหาที่กางเต็นท์ ส่วนคุณทำหน้าที่ก่อไฟด้วย” สิตาลรีบแย้ง เธอก่อไฟครั้งสุดท้ายตอนที่เป็นเนตรนารี แล้วยังก่อไม่ติดอีกด้วย โชคดีที่เพื่อนคนหนึ่งแอบพกไฟแช็กไป ครั้งนั้นเลยผ่านการทดสอบได้ “ฉันก่อไฟไม่เป็น” ราเมศถอนหายใจ เมื่อเป็นแบบที่เดาไว้ไม่ผิด “กางเต็นท์ก็คงไม่เป็นด้วยละสิ” สิตาลพยักหน้าช้าๆ “ใช่” ราเมศเลยถอนหายใจ “สงสัยทำอะไรไม่เป็นไร” “เกือบใช่” สิตาลตอบในขณะที่ร่างสูงหันมามองหน้า แล้วไม่พูดอีก เขาเดินนำไปยังรถเอทีวีที่เขาขับมาทิ้งไว้และเดินเท้าออกตามหานักท่องเที่ยววีไอพีที่ไอ้ปราบมันออกอาการห่วงมากเป็นพิเศษ ก็เพราะนักท่องเที่ยวสวยแบบนี้นี่เอง เมื่อเดินกลับไปถึงที่รถ เขาก็จัดการเอาไต้สำหรับจุดไฟออกมา แล้วมองหากิ่งไม้ที่พอจะแห้งๆ ในป่าซึ่งหาได้ไม่ยาก ก่อนจะเอามาสุมรวมกันเป็นฟืนแล้วจุดไฟขึ้นด้วยไฟแช็ก “อ้าว คุณมีไฟแช็กฉันนึกว่า...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD