บทที่ 1 งานแต่งงานและรอยแตกร้าว

4140 Words
ณ.บ้านของนายกอบต. ในอำเภอควนขนุน วันนี้ได้มีการจัดงานแต่งงานให้กับลูกสาวและลูกเขยที่คบหาดูใจกันมาครบแปดปีเต็ม นายวิชัยซึ่งเป็นนายกอบต. มีหน้ามีตาในสังคมได้จัดงานแต่งงานให้ลูกสาวคนเดียวอย่างใหญ่โตสมฐานะ เชิญแขกเหรื่อผู้มีเกียรติมามากหน้าหลายตาในทุกแขนงอาชีพ งานแต่งงานในวันนี้ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่และราบรื่นดี จนผ่านพิธีเช้าและงานรดน้ำไปแล้วก็มีเหตุให้ต้องผิดใจกันระหว่างญาติฝั่งเจ้าบ่าวและญาติฝั่งเจ้าสาว เมื่อแม่ของเจ้าบ่าวได้พูดจาทวงค่าสินสอดที่นำมาคืนกลับไปครึ่งหนึ่ง "น้องดาพี่มีเรื่องจะคุยด้วย ไหน ๆ ก็เสร็จพิธีตอนเช้าแล้ว พี่ว่าเราไปหาที่นั่งคุยกันในห้องดีมั้ยคะ" นางมาลีแม่ของเจ้าบ่าวเดินเข้ามาสะกิดแขนนางปรีดาแม่ของเจ้าสาวเพื่อขอปรึกษาหารือเรื่องเงินสินสอด "เอาสิคะพี่ลี ดาว่าเดี๋ยวเราเข้าไปคุยกันในห้องก็ได้" นางปรีดามีท่าทีแบกรับแบกสู้เหมือนไม่อยากคุยด้วยแต่ก็จำเป็นต้องคุยกับนางมาลี ก็จะให้ทำอย่างไรได้เป็นดองกันแล้ว เมื่อเดินไปถึงห้องปลอดจากสายตาคนแล้ว นางปรีดาก็เป็นฝ่ายถามถึงเรื่องที่มาลีจะคุยกับตนเอง "พี่ลีมีธุระอะไรจะคุยกับดาก็เชิญพูดมาเถอะค่ะ" "น้องดาเปิดโอกาสให้พูดแบบนี้ พี่ก็จะไม่เกรงใจแล้วกันนะคะ พี่จะคุยเรื่องสินสอด 1 ล้านกับเครื่องเพชรเครื่องทองที่นำมาให้ในวันนี้นะคะ" "ค่ะ เรื่องสินสอดทำไมหรือคะพี่ดา ทางพี่ก็นำมาครบถูกต้องตามที่ตกลงสู่ขอกันเอาไว้ เมื่อปีที่แล้วที่พ่อบาสเขามาสู่ขอยายแพรวกับพ่อของยายแพรวด้วยตัวเอง เขาก็ตกลงกันเอาไว้เท่านี้ พี่ลีมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ" "เรื่องครบน่ะมันครบ แต่ปัญหามันก็มีอยู่ ก็ตาบาสลูกชายพี่น่ะตั้งแต่เรียนจบมาเขาก็ทำงานเก็บเงินมาขอเมียอย่างเดียว ไม่เคยสนใจเลยว่าพ่อแม่ที่ส่งเสียเลี้ยงดูมาจะมีความยากลำบากอย่างไร ไหนจะน้องชายเขาอีกคนที่กำลังจะเข้าเรียนเภสัชต้องใช้เงินอีกเยอะ พี่เลยเห็นสมควรว่าไหน ๆ งานวันนี้มันก็ดำเนินมาและผ่านไปได้ด้วยดี เรื่องสินสอดทางเราก็ให้มาเยอะมากรวมเงินสดเครื่องเพชร1ชุดทองอีก20บาท มูลค่ามันก็ร่วมสองล้านแล้วนะคะ" "ค่ะ ก็เป็นไปตามที่ตกลง พ่อบาสกับพ่อของยายแพรวเขาตกลงกันแบบนั้น ลูกชายพี่ลีเขามาสู่ขอยายแพรวด้วยตัวเองนะคะ ตอนนั้นพี่ลีอาจจะยังไม่ทันได้สนใจจำนวนสินสอดหรือเปล่า" นางปรีดาพูดเหน็บเรื่องที่นางมาลีและสามีไม่ได้เป็นธุระจัดการเรื่องสินสอดต่างๆ การจัดงานก็ล้วนมาจากความพยายามของเจ้าบ่าวอย่างอชิระวัตรทั้งสิ้น "พี่ทราบค่ะ ก็ถึงบอกไงคะว่าตั้งแต่ตาบาสเรียนจบก็เก็บเงินค่าสินสอดอย่างเดียว ไม่เคยส่งเสียที่บ้าน พี่ก็เลยเห็นสมควรว่าสินสอดที่เป็นเงินสดจำนวนหนึ่งล้านพี่จะขอคืนสักห้าแสน เงินจำนวนนี้ถือเป็นค่าเลี้ยงดูส่งเสียให้บาสมันเรียนหนังสือ พี่จะได้เอาเงินจำนวนนี้ส่งให้บอสน้องชายของบาสมันเรียนต่อเภสัชให้จบด้วย" นางมาลีบอกความต้องการของตัวเอง "เรื่องขอคืนสินสอดดาคิดว่าเราไม่ควรจะมาคุยกันในวันนี้นะคะ แล้วดาเองก็คงจะตัดสินใจคืนให้เองไม่ได้หรอกนะคะดาต้องคุยกับพี่วิชัยพ่อของยายแพรวเขาก่อน" นางปรีดาบอกปฏิเสธอย่างนิ่มนวล "แต่พี่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเอาไปรายงานตัวให้บอสเข้าเรียนในวันพรุ่งนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพี่ยืมมาก่อนสักหนึ่งแสนก็ได้ ยังไงเสียเราสองครอบครัวก็ได้ชื่อว่าเป็นดองกันแล้วนะคะ" นางมาลีลอยหน้าลอยตาพูดไปอย่างไม่คิดจะนึกอาย "เอ่อ คือว่าดา เรื่องคืนเงินสินสอดคืนนี้ดาคงต้องปรึกษากับพี่วิชัยก่อน เพราะเงินสินสอดทั้งหมดในวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ดาแล้ว พี่วิชัยให้ย่าของยายแพรวเอาไปเก็บไว้นะคะพี่ลี" "อะไรกัน สินสอดลูกสาวตั้งเยอะแทนที่จะเก็บเอาไว้เอง ทำไมต้องเอาไปฝากไว้ที่บ้านคนแก่" นางมาลีพูดว่าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ พูดออกมาเสียงดังด้วยความไม่พอใจ ทำให้แพรวพรรณในชุดเจ้าสาวแบบไทยจักรีที่เดินผ่านมาเพื่อไปเข้าห้องน้ำได้ยินเข้าพอดี จึงเดินเข้ามาพูดช่วยแม่ของตัวเองทันที "จะเก็บไว้ที่ไหนมันก็เป็นสินสอดของแพรว เป็นเงินของแพรวค่ะ ฝากไว้ที่ปู่กับย่าของแพรวปลอดภัยที่สุดแล้ว สินสอดจำนวนนี้แพรวจะไม่ให้ใครทั้งนั้น แพรวกับพี่บาสช่วยกันทำงานเก็บเงิน ประหยัดกันแทบตายกว่าจะได้มันมา ถ้าใครมันไม่มีปัญญาจะหาเงินเรียนก็ไม่ต้องเรียน เพราะตอนที่พี่บาสเรียนหนังสือเขาก็ใช้เงินกู้ กยศ.เรียนนะคะ ขอให้แม่เข้าใจในส่วนนี้เอาไว้ด้วย" แพรวพรรณของขึ้นพูดกับแม่สามีด้วยท่าทีแข็งขืนออกจะไม่พอใจแม่สามีเป็นอย่างมาก "อ้าวหนูแพรว หนูจะมาพูดแบบนี้ไม่ได้นะ อย่าลืมนะว่าตาบาสมันเป็นลูกชายของแม่ กว่ามันจะโตมา กว่ามันจะเรียนจบได้ทำงานทำการดี ๆ จนเก็บเงินมาแต่งงานกับหนูแพรวได้ แม่เป็นคนเลี้ยงบาสมันมานะ แม่หมดค่าข้าวหมดค่าน้ำไปเท่าไหร่กว่ามันจะโตมามีเมียได้ แล้วในวันที่พ่อแม่น้องชายลำบาก ทำไมมันจะช่วยน้องมันบ้างไม่ได้" นางมาลีพูดขึ้นเสียงสูงใส่ลูกสะใภ้ของตัวเองทันที "อ้าวแม่ แล้วทำไมมาพูดแบบนี้กับแพรว แพรวไปเกี่ยวอะไรกับความลำบากของแม่และน้องบอสด้วยล่ะ ตอนแพรวจะแต่งงานพ่อแม่และบอสก็ไม่เห็นมีใครช่วยแพรวกับพี่บาสสักคน ตอนที่แม่มีเงินแม่ก็เอาไปซื้อรถให้บอส ทำไมแม่ไม่เก็บเงินไว้ให้มันเรียน พอเงินไม่พอจะไปรายงานตัวก็จะมาขอเอากับค่าสินสอดแพรวมันถูกต้องที่ไหน" แพรวพรรณว่าแม่สามีอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน "แพรว ๆ แม่ว่าพูดเบาๆ หน่อยเถอะแขกเหรื่อและญาติๆ ที่มางานตอนเช้ายังกลับกันไม่หมดเลย เดี๋ยวใครจะมาได้ยินเข้านะลูก" นางปรีดาพูดเตือนสติลูกสาว "ไม่เบา ไม่เย็นอะไรทั้งนั้นแหละแม่ พูดกันให้มันจบไปเลย แพรวก็ไม่ไหวจะทนกับคนนิสัยแบบนี้ สินสอดก็ไม่ได้เป็นคนให้ แล้วยังจะแบกหน้ามาขอสินสอดคืน ของทั้งหมดพ่อแม่พี่บาสไม่ได้ช่วยแพรวกับพี่บาสสักบาท แพรวทำโอทีทุกวัน รับงานบัญชีมาทำวันเสาร์อาทิตย์ พี่บาสทำงานหามรุ่งหามค่ำ ตลอดระยะเวลาสองปีมานี้แพรวกับพี่บาสเหนื่อยยากแค่ไหนมีใครรู้บ้างมั้ย กว่าเราสองคนจะทำงานเก็บเงินค่าสินสอดได้เราพยายามกันมากแค่ไหนรู้บ้างหรือเปล่า" แพรวพรรณพูดออกมาด้วยความอึดอัด รู้สึกแน่นในหัวอกกับการกระทำของแม่สามี "หนูแพรว แม่ไม่ได้จะมาขอคืนทั้งหมด แม่แค่จะมาขอหยิบยืมบางส่วนเพื่อเอาไปใช้วันรายงานตัวเข้าเรียนของบอสก็เท่านั้น" นางมาลีพูดเถียงลูกสะใภ้ หยิบยกเอาเหตุผลของตัวเองขึ้นมาอ้างแต่ใช้น้ำเสียงเบาลงอย่างรู้สึกผิดและอับอายลูกสะใภ้เหมือนกัน "แม่ แต่เนี่ยมันเป็นเงินสินสอดของแพรว แล้วแพรวก็ยังแต่งงานไม่ทันจะข้ามวันเลย แม่จะมาขอสินสอดคืนเนี่ยอะนะ" แพรวพรรณถามขึ้น ฟังดูรู้สึกระอาในความคิดของแม่สามี "ก็รู้ แต่พรุ่งนี้บอสมันต้องใช้เงินไปรายงานตัว" "แต่นั่นมันเป็นเรื่องของแม่กับพ่อที่ต้องจัดการนะ ไม่เกี่ยวกับแพรวเลย ทีเรื่องของแพรวกับพี่บาสที่แม่กับพ่อต้องจัดการ แม่กับพ่อก็ไม่เคยคิดว่ามันคือหน้าที่เลย" แพรวพรรณพูดว่าแม่สามีอย่างไม่ไว้หน้า ขึ้นเสียงใส่ด้วยความไม่พอใจ จนอชิระวัตรเจ้าบ่าวของงานในวันนี้ต้องเดินเข้ามาห้ามทัพเมื่อได้ยินเสียงดังออกไปนอกห้อง "แพรวพอเถอะหยุดพูดได้แล้ว แม่ก็ด้วยหยุดเถอะครับผมขอ เรื่องเงินค่าเทอมของบอสก็เอาไว้ก่อน มันไม่เกี่ยวกับเงินสินสอดก้อนนี้ มันคนละเรื่องกันแม่เข้าใจมั้ยครับ" อชิระวัตรพูดขึ้นด้วยความเหนื่อยหน่ายหัวใจ อีกคนก็เมียอีกคนก็แม่ อยากให้ทั้งสองเข้าใจความรู้สึกของเขาบ้างเหลือเกิน "แม่จะหยุดก็ได้ถ้าแกรับปากแม่ ว่าแกจะช่วยเรื่องค่าเทอมของน้อง" นางมาลีพูดต่อรองแกมบังคับลูกชายของตัวเอง "แม่จะมาบังคับพี่บาสแบบนี้มันถูกต้องที่ไหน พี่บาสมีครอบครัวของตัวเองแล้วก็ต้องดูแลสร้างฐานะของตัวเองนะคะ แม่จะเอาภาระของพ่อแม่และน้องชายมาใส่ตัวพี่บาสคนเดียวเลยเหรอ แบบนี้มันได้เหรอคะ" แพรวพรรณยังไม่ยอมหยุด "หยุด พอก่อนเถอะแพรวพี่ขอร้อง แพรวไปล้างหน้าล้างตา พักผ่อนเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสคืนนี้เถอะนะครับพี่ขอ ปัญหาทางบ้านของพี่ พี่ขอแก้ปัญหาเอง" อชิระวัตรพูดขอร้องด้วยสายตาวิงวอนขอความเห็นใจทั้งเมีย แม่ของตัวเองและแม่ยายที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ จนนางปรีดาแม่ของแพรวพรรณที่มีสติก่อนใคร พูดบอกลูกสาวให้ไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เตรียมตัวรับแขกในงานเลี้ยงตอนเย็น "แพรวพอเถอะ แม่ว่าลูกไปพักผ่อนเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว เพื่อนๆ ของลูกคงทานข้าวกันเสร็จแล้วและคงกำลังมองหาลูกอยู่ ญาติๆ ของเราก็ยังอยู่ในงานบางส่วน อย่าใจร้อนเอ๊ะอ๊ะเสียงดังให้เรื่องมันอื้ออึงไป ชาวบ้านมันจะเอาไปพูดกันให้สนุกปากนะลูก ทางนี้ก็ให้พ่อบาสเขาเป็นคนจัดการไปเถอะนะลูกนะ เชื่อแม่" นางปรีดาพูดบอกให้ลูกสาวใจเย็น โดยบอกให้แยกตัวออกมาจากแม่สามีเสีย "ค่ะแม่ แพรวจะเชื่อแม่ พี่บาสก็จัดการเรื่องที่บ้านให้เรียบร้อยนะคะ แพรวจะไปรอที่ห้องแต่งตัว" แพรวพรรณรับคำแม่ หันไปสั่งสามีและเมินหน้าใส่แม่สามีด้วยความไม่พอใจแล้วเดินจากไปทันที หลังจากที่แพรวพรรณและนางปรีดาแยกตัวออกไปแล้ว อชิระวัตรก็ได้พูดคุยกับแม่ของตัวเอง แพรวพรรณก็ได้เดินออกไปหากลุ่มเพื่อนเจ้าสาวที่มาร่วมแสดงความยินดีในงานตอนเช้าและอยู่ร่วมฉลองงานเลี้ยงต่อในช่วงเย็นและค่ำของวันนี้ด้วยเลย กลุ่มเพื่อนของแพรวพรรณเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย มีบางคนที่ได้ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละสาขาวิชา เพื่อนๆ ทั้งสี่คนของแพรวพรรณประกอบไปด้วย สิริกัลยา ชื่อเล่น กัลยา เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมยันมหาวิทยาลัยแต่ช่วงมหาวิทยาลัยเรียนกันคนละวิชาเอก กัลยามีแฟนแล้วแต่เพิ่งมีเหตุให้ได้เลิกรากับแฟนไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สิริกัลยาทำงานเป็นนักเคมีอยู่ในบริษัทยาแห่งหนึ่ง พรวลัย ชื่อเล่น น้ำตาล เป็นคนที่สวยที่สุดในกลุ่ม แฟนเยอะ ไม่ค่อยจริงจังกับชีวิตมากนัก คบได้ก็คบ มีความสุขก็คบ ไม่สุขก็เลิกไป เป็นคนที่ไม่ยินดียินร้ายกับใคร ไม่อิจฉาใคร แต่คำนึงถึงความสุขของตัวเองเป็นที่ตั้ง มีความคิดว่าคนเราเกิดครั้งเดียวก็ขอให้มีความสุขกับชีวิตไปจนกว่าจะตายก็พอ อาชีพเป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ปานชีวา ชื่อเล่น ป่าน เป็นคนค่อนข้างหน้าตาดีฉลาด ครอบครัวแตกแยก ใฝ่หาความสุขและความเป็นครอบครัวที่ดี แยกไม่ค่อยออกระหว่างความรักกับเงินตรา มองว่าเงินคือทุกสิ่งเงินซื้อความสุขได้ ผู้ชายที่เข้ามานอกจากจะมีความรักให้แล้วการมีเงินจึงเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญด้วยมากๆ ลึกๆแล้วด้วยความที่ครอบครัวแตกแยกและขาดความรัก ทำให้เป็นคนที่ขี้อิจฉา ไม่ได้จริงใจกับใคร ชอบโอ้อวดเพื่อปิดปมบางอย่างของตน ทำงานเป็นพนักงานบัญชีของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ พิมพ์ฝัน ชื่อเล่น พิมพ์ เคยพลาดพลั้งกับความรักและตั้งครรภ์แบบไม่ได้ตั้งใจและเลือกที่จะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องโดยการเอาเด็กออกแล้วกลับไปเรียนต่อจนจบ ชีวิตผ่านเรื่องราวความรัก ความผิดหวังในชีวิตมาเยอะมาก แต่เป็นคนที่เข้มแข็ง กล้าได้กล้าเสีย ใจถึง ปากไว จริงใจแต่ปากไม่ดี ชอบพูดไปเรื่อย ตอนนี้ก็มีแฟนใหม่แล้วเพิ่งคบกันได้ไม่นาน พิมพ์ฝันทำงานอยู่สถาบันความงาม "แพรวแกไปไหนมา พวกฉันกินข้าวเสร็จมารอแกอยู่ตั้งนานแล้ว" สิริกัลยา ถามเพื่อนของตัวเอง "ฉันคุยกับแม่อยู่น่ะ พวกแกทานข้าวกันเรียบร้อยก็ดีแล้ว พักผ่อนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวตอนเย็นก็มีงานเลี้ยงฉลองต่อ ขอบใจพวกแกทุกคนเลยนะที่อุตส่าห์ลางานมางานแต่งงานของฉัน" แพรวพรรณพูดบอกเพื่อน ขอบคุณเพื่อนจากใจที่เพื่อนสละเวลามาร่วมงานในวันนี้ "ขอบใจบ้าอะไรเล่า พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนแต่งงานมีความสุขเราพวกเราก็ต้องมาแสดงความยินดีอยู่แล้ว" พรวลัยพูดว่าเพื่อน "นั่นสิ ยังไงก็ต้องมาเป็นพยานรักให้แกกับพี่บาส คู่ของแกสองคนเป็นคู่ที่รักกันยืนยาว รักมั่นจริงจังต่อกันมานาน บอกตรง ๆ นะฉันตื้นตันจะร้องไห้ที่เห็นแกมีวันนี้" พิมพ์ฝันพูดขึ้นแล้วนึกย้อนถึงความรักของตัวเองก็พานจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ จึงรีบกระพริบตาปรับอารมณ์ใหม่ไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม "อันนี้จริง ฉันเห็นด้วยกับยายพิมพ์ ฉันชื่นชมกับความอดทนและความรักของแกมากๆ ฉันรู้ว่ากว่าแกกับพี่บาสจะได้แต่งงานกันแกต้องอดทน รอคอย ทำงานเก็บเงิน โดยไม่มีตาไว้แลชายใดทั้ง ๆ ที่แกก็เป็นคนสวย เป็นคนเก่ง มีผู้ชายดีๆ ฐานะร่ำรวยกว่าพี่บาสมาจีบแกตั้งเยอะ แต่แกก็ไม่เคยสนใจหรือคิดจะนอกใจพี่บาสเลย เป็นฉันหน่อยไม่ได้คงทิ้งพี่บาสไปนานแล้ว ที่บ้านพี่บาสก็ใช่ว่าจะดี แม่พี่บาสนะ ยังกับ......" ปานชีวาพูดไม่ทันจบสิริกัลยาก็พูดขัดคอขึ้นเสียก่อนไม่อยากให้ปานชีวาพูดจี้ใจดำแพรวพรรณมากไปกว่านี้ "พอเถอะยายป่าน ยายแพรวมันไม่ใช่แกไง ฉันว่าอย่าเพิ่งชวนยายแพรวมันคุยเลย ให้ยายแพรวมันหาข้าวกินก่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนเตรียมตัวสำหรับงานตอนเย็นก่อนดีไหม" สิริกัลยาพูดขัดขึ้น ชักชวนให้แพรวพรรณกินข้าวเตรียมตัวสำหรับงานฉลองตอนเย็นแทนที่จะมานั่งฟังปานชีวาพูด งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในตอนหัวค่ำ พิธีกรในงานได้เชิญบ่าวสาวขึ้นขอบคุณแขกบนเวทีหลังจากที่เจ้าบ่าวได้เล่นกีตาร์และร้องเพลงรักมอบให้เจ้าสาวจบไปแล้ว "ขอสอบถามความรู้สึกของเจ้าสาวที่มีต่อเจ้าบ่าวหน่อยค่ะ ทราบมาว่าเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวของเราคบกันมานานถึงแปดปีเต็ม ตั้งแต่เจ้าสาวของเรายังเรียนอยู่ชั้นม.5 อันนี้เป็นเรื่องจริงใช่มั้ยคะ ช่วยเล่าถึงเรื่องราวความรักให้พวกเราฟังหน่อยได้มั้ยคะ" พรวลัยรับหน้าที่เป็นพิธีกรในวันนี้ถามเพื่อนของตัวเองด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่สดใส "ค่ะ แพรวคบกับพี่บาสมานานแปดปีแล้วจริงๆค่ะ แพรวรักพี่บาสมากนะคะ ขอบคุณพี่บาสที่รักมั่นคง ซื่อสัตย์กับแพรว พยายามทำงานเก็บเงินเพื่อวันนี้ของเรา ช่วงระยะเวลาแปดปีที่ผ่านมา เราสองคนคบกันไม่ได้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไปเลย ทุกอย่างดูมีเงื่อนไขและจริงจังกับชีวิตไปหมด พอมีความรักมันเหมือนเรามีเป้าหมาย มีธงที่ชัดเจน พี่บาสทำให้แพรวตั้งใจเรียนมากขึ้น เป็นคนดีมากขึ้น พยายามสวยให้มากขึ้นเพื่อวันหนึ่งแพรวจะดีพร้อมที่สุดสำหรับพี่บาส แล้วความอดทน ความพยายามก็สำเร็จจริงๆ วันนี้เราสองคนได้แต่งงานกันเพราะพี่บาส พยายาม แพรวขอบคุณพ่อแม่ของแพรวที่ได้มอบชีวิตที่ดี อบรมสั่งสอน ให้การศึกษาที่ดี ให้อาชีพที่มั่นคง มอบทรัพย์สมบัติให้แพรวและพี่บาสได้ตั้งตัว ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับแพรวและพี่บาสในวันนี้นะคะ" แพรวพรรณพูดเล่าเรื่องราวความรู้สึกของตัวเอง ขอบคุณพ่อแม่ของตัวเอง ขอบคุณแขกทุกคนแต่ไม่ได้กล่าวถึงพ่อแม่และครอบครัวของอชิระวัตรเลย "ครับ นี่ก็เป็นความในใจและคำขอบคุณของเจ้าสาวของเรานะครับ ถามฝั่งเจ้าบ่าวของเราบ้างดีกว่าครับว่ารู้สึกอย่างไรกับเจ้าสาวของเราบ้าง" อภิวัตรเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวซึ่งเป็นพิธีกรคู่อีกคนเป็นฝ่ายถามเจ้าบ่าวบ้าง "พี่ก็รักแพรวมาก ขอบใจแพรวมากที่เลือกพี่ อดทนกับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามาเพื่อวันนี้ของเรา แพรวจะเป็นรักเดียว รักสุดท้ายในชีวิตของพี่ พี่สัญญากับแพรวว่าด้วยสองมือ สองแขน สองขาและหนึ่งมันสมองของพี่จะทำให้ทุกวันและอนาคตของแพรวมีความสุขที่สุด ผมขอบคุณโชคชะตาครับที่ทำให้ผมมาเจอแพรวภรรยาและแม่ของลูกผมในอนาคต ขอบคุณพ่อแม่และญาติสนิทของทั้งสองฝั่งทั้งบ้านผมและบ้านแพรวตลอดจนแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับผมและแพรวในวันนี้ด้วยครับ" อชิระวัตรกล่าวขึ้นได้ซาบซึ้งนุ่มนวลชวนฟังตามประสาคนปากหวานพูดจาดีของเขานั่นแหละ "พูดได้ซาบซึ้ง กินใจมากครับ เพื่อนสนิทผมครับคนนี้ เรียนเก่งที่สุดในคณะวิศวะแล้วครับ เพราะเขาเลยครับทำให้ผมสอบผ่านมาได้อย่างหวุดหวิด ขออวยเพื่อนหน่อยนะครับ" อภิวัตรพูดยกยอเพื่อนแบบติดตลก งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบเรียบจนแขกเหรื่อกลับไปหมดเจ้าบ่าวก็กลับบ้านไปรอเข้าหอตามประเพณี โดยตามประเพณีแล้วต้องรออีกสามวันถึงจะมาเข้าหอได้ เรียกว่าการเรียงสาดเรียงหมอนตามประเพณีทางใต้ ก่อนจะถึงวันเรียงสาดเรียงหมอน (เข้าหอ) ทางบ้านของเจ้าบ่าวก็ได้พากันพูดจานินทาแพรวพรรณเรื่องที่ไม่มีการพูดขอบคุณพ่อแม่และญาติฝั่งเจ้าบ่าวเลย มีการว่ากล่าวแพรวพรรณว่าไม่มีสัมมาคารวะอะไรต่อบ้านเจ้าบ่าวสักนิด แต่อชิระวัตรก็ได้ออกมาปกป้องแพรวพรรณ "แพรวไม่ได้พูดถึงแต่แพรวก็ไม่ได้ด่าว่าอะไรบ้านเรา ซึ่งเอาเข้าจริงๆ บ้านเราเองก็ไม่เคยทำอะไรให้เขานะครับแม่ แม่จะมานั่งนินทาแพรวกับญาติๆ ของแม่ให้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา" อชิระวัตรได้ยินสิ่งที่แม่นินทาแพรวพรรณเกิดทนไม่ไหวต้องพูดออกไป "เออ อันนี้พ่อก็เห็นด้วย เราไม่เคยเอื้อเฟื้อให้อะไรหนูแพรวเขาจริงๆ แต่นั่นเพราะพ่อแม่ไม่มีให้เขานะบาส แต่พ่อกับแม่ก็ส่งเสียให้บาสเรียนจนจบ หนูแพรวเขาน่าจะเห็นถึงความดีของพ่อแม่ที่ทำให้บาส เห็นแก่หน้าของเราบ้างนะลูก" นายมาโนชพ่อของอชิระวัตรพูดแบบแบกรับแบกสู้ อันนี้ก็ลูกอันนี้ก็เมีย ไม่ได้อะไรหรอกแต่ก็อยากให้ทุกคนใจเย็นลง "ครับ พ่อแม่มีบุญคุณกับผมเลี้ยงดูผมมาจนโต ผมได้เรียนต่อเพราะพ่อแม่ส่งเสียนอกจากค่าเทอมที่ผมกู้เรียนมหาวิทยาลัยแล้วถ้าแม่กับพ่อไม่ส่งเสียค่ากินค่าอยู่ผมคงเรียนไม่จบ ผมสำนึกในบุญคุณนั้นอยู่ทุกวันครับ" อชิระวัตรพูด "ถ้าสำนึกจริง บาสก็ต้องส่งเสียให้น้องมันเรียนจบด้วย ตัวเองสบายมีงานทำแล้วจะไม่รับผิดชอบอะไรเลยได้อย่างไร" นางมาลีแม่ของอชิระวัตรพูดขึ้นอีกแบบกดดันลูกชายทุกทาง "ผมไม่ได้สบายนะแม่ ยังมีเงินกู้ที่ผมต้องผ่อนคืนกยศ. ผมจะช่วยบอสส่วนหนึ่งแต่บอสก็ต้องกู้เงินเรียนเหมือนกับที่ผมกู้ จะให้ผมรับผิดชอบทั้งหมดไม่ได้หรอกนะครับเพราะผมก็มีครอบครัวของผมเองด้วยแล้วเหมือนกัน" อชิระวัตรพูดขึ้นก็ได้แต่คิดว่าถ้าตนเองรวยมากๆก็คงจะดี ได้รับผิดชอบพ่อแม่และน้องชายเสียให้พอใจและได้ดูแลแพรวพรรณไม่ต้องให้แพรวพรรณต้องช่วยทำงานหาค่าสินสอดแบบตอนนี้ "แกพูดแบบนี้แกมันเห็นแก่ตัว รักเมียมากกว่าแม่ รักมันมากว่าครอบครัวของแกหรือบาส" นางมาลียังไม่ยอมจบและไม่ยอมเข้าใจอะไร มองแต่ในมุมของตนเอง "ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่ แต่ผมก็จะช่วยบอสตามกำลัง บอสก็ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย" "นั่นสิแม่ แม่อย่าบังคับพี่บาสเขานักเลย เงินค่าเทอมค่ารายงานตัวส่วนแรกพี่บาสเขาก็จัดการให้บอสตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เดี๋ยวบอสจะทำเรื่องกู้เงินกยศ. เองครับ เท่าที่พี่บาสช่วยมาก็ดีแล้ว บอสบอกแม่กับพ่อแล้วนะว่าไม่ได้อยากเรียนเภสัชมหาลัยเอกชน บอสชอบเรียนชีววิทยาเกี่ยวกับพืชกับสัตว์มากกว่าจะขอโควตาราชมงคลแม่ก็ไม่ชอบจะให้บอสเรียนเภสัชให้ได้" อชิระวิทย์ว่าแม่ของตัวเอง "ก็แม่อยากให้บอสเป็นเภสัช จบออกมามันหาเงินง่าย ยาซื้อมาถูกๆ แต่เรามาขายเอากำไรแพงๆ ได้ เดี๋ยวนี้โรคภัยก็เยอะ ถ้าเรียนจบเภสัชมาจะทำให้แม่สบายด้วย บอสไม่มีแฟนแม่จะได้พึ่งพาอาศัยได้หน่อย ไม่เหมือนบาส ไม่เอาพ่อไม่เอาแม่และครอบครัวเลย หลงเมีย" นางมาลียังคงไม่หยุดฟาดลูกชายคนโต "พอเถอะแม่ ผมก็ไม่ได้หมายความว่าแต่งงานแล้วจะไม่รักแม่ ก็ยังคงต้องดูแลแม่นั่นแหละครับแต่ผมก็รักแพรวด้วยก็ต้องช่วยกันสร้างอนาคตสร้างครอบครัวกับแพรว ถือว่าผมขอร้องแม่เถอะครับอย่านินทาว่าร้ายแพรวเลย ไม่รักไม่ชอบแพรวก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่นะครับแม่ คนกลางอย่างผมจะได้ไม่ต้องลำบากใจ นั่นก็เมีย นี่ก็พ่อแม่" อชิระวัตรพูดขอร้องแม่ของตัวเอง "เออ ก็คงต้องตามนั้นแกก็รักก็หลงเขาขนาดนั้น แต่งงานกับเขาแล้วจะให้แม่ทำไงเล่า" นางมาลีรับคำส่งๆ ไป แต่ในใจคิดว่าลูกสะใภ้ได้ยื้อแย่งลูกชายของตนเองไปแล้ว ตลอดระยะเวลาสามวันที่รอเข้าหอ ทั้งอชิระวัตรและแพรวพรรณต่างก็ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง ฝั่งอชิระวัตรก็ได้รับฟังสิ่งที่ทางบ้านของตัวเองใส่เข้ามา ฝั่งแพรวพรรณเองก็ฟังสิ่งที่พ่อแม่พูดวิพากษ์วิจารณ์ถึงการตัดสินใจของแพรวพรรณ ทั้งอชิระวัตรและแพรวพรรณไม่รู้เลยว่าการแต่งงาน งานแต่งที่รอคอยแลกมันมากับเวลาแปดปีที่รอคอยกันมา วันข้างหน้ามันจะสุขหรือทุกข์เพียงใด เวลาเท่านั้นคือคำตอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD