#2

1598 Words
ปิ่งป่อง ปิ่งป่อง เสียงอ็อดเรียกคนในบ้านให้ต้องตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ ณรงค์ลืมตา คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน มีบางอย่างไม่ปกติ แต่เสียงเรียกจากอ็อดหน้าบ้านทำให้ณรงค์ต้องทิ้งความกังวลนี้ไปก่อน  “พวกคุณคือ”  “คุณณรงค์ จำผมได้มั้ย” เสียงชายวัยเลยห้าสิบเอ่ยขึ้นมา ณรงค์เบิกตาขึ้น นานแล้ว...นานแล้วจริงๆ “คุณทนายจงกล” ผู้ที่ถูกเอ่ยนามยิ้มออกมา “ต้องขอโทษที่มารบกวนตั้งแต่เช้า” “ไม่เป็นไรครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ มีข่าวเกี่ยวกับคุณนักรบหรือครับ” ทนายจงกลยิ้มละมุนอย่างใจดี “นายท่านพูดเสมอว่าคุณเป็นคนไทยที่จริงใจและใจดีมาก” “เพราะความช่วยเหลือจากพวกคุณ ผมซาบซึ้งใจมาก” ทนายจงกลยิ้มอีกครั้ง “ในวันนี้ที่ผมมาพบคุณ ผมมาทำตามคำสั่งของนายท่าน” ณรงค์ตั้งใจฟังต่อ “ในอีกสองวันทายาทนารัตน์จะมีอายุครบยี่สิบเอ็ดปี พินัยกรรมฉบับที่สองจะถูกเปิด ท่านนักรบมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผมมาเชิญคุณและบุตรสาว...” ทนายจงกลยื่นส่งจดหมายให้กับนายณรงค์ “พินัยกรรมฉบับที่สอง เกี่ยวอะไรกับพวกผมด้วยล่ะครับ” ความเคร่งเครียดเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ได้อ่านจดหมายที่นักรบเขียนถึงตน “ในวันมะรืนนี้ผมจะส่งรถมารับพวกคุณ...เกี่ยวอะไรด้วยนั้น คงต้องไปฟังพร้อมๆกัน” ณรงค์พยักหน้า แต่แล้ว...บางอย่างไม่ปกติ  “ผมขอตัวสักครู่นะครับ”  ณรงค์ลุกไปทันที  ก็อก ก็อก ก็อก ประตูห้องนอนบุตรสาวถูกเคาะครั้งแล้วครั้งแล้ว ณิชาไม่ใช่เด็กที่ยนอนขี้เซา ผลั๊วะ ประตูถูกผลักเข้าไป ภายในห้องว่างเปล่า ผลั๊วะ! ตู้เสื้อผ้าถูกเปิด พึ่บ ตะกร้าผ้าถูกค้น  ตึก ตึก เสียงฝีเท้าวิ่งลงบันไดลงมา เขาเข้าไปในห้องครัว “ไม่มี!”  “เกิดอะไรขึ้น” ทนายจงกลเอ่ยถามเมื่อเห็นอาการร้อนใจของนายณรงค์ “ลูกสาวผมหายไป”  “หมายความว่าไง” ตึกตึกตึก นายณรงค์วิ่งไปหน้าบ้าน เขาจำได้ว่าความทรงจำครั้งสุดท้ายของเขาอยู่ที่ต้นไม้ที่เขากำลังจะจัดการกับมัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย  “ณิชา หายไป” “วันนี้ไม่ใช่วันหยุด เธออาจจะไปโรงเรียนแล้วก็ได้” ณรงค์ส่ายหน้า ปฎิเสธทันที “ณิชาไม่มีทางไปไหนโดยไม่บอกผม เมื่อวานมีบางอย่างไม่ปกติ” ณรงค์บอกเล่ารายละเอียดที่เท่าที่เขาจำได้ “อาหารเย็นเมื่อวานก็หายไป ขยะก็ไม่มี”  “ในพินัยกรรมมีอะไรกันแน่” ทนายจงกลส่ายหน้าอีกครั้ง “เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณชายภีมะหรือเปล่า” “คุณณรงค์ คุณอาจจะได้ยินข่าวไม่ดีมากมายเกี่ยวกับคุณชายของเรา แต่มันก็คือข่าว มันไม่ยุติธรรมถ้าเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้น ทุกคนล้วนแล้วแต่จะกล่าวหาว่าเป็นฝีมือคุณชาย ผมคิดว่าไม่เกี่ยวกับพินัยกรรมอย่างแน่นอน...เป็นความจริงถ้าผมจะแจ้งคุณตรงนี้เลยว่า มีพินัยกรรมฉบับที่สองนั้น คุณชายไม่ทราบเรื่องนี้อย่างแน่นอน” ณรงค์นิ่งไป เมื่อสิบปีก่อนคือครั้งสุดท้ายที่เขาได้เจอกับเด็กชายภีมะ แววตาของเขาในตอนนั้น...เขาไม่มีวันลืมลงได้เลย “ให้พวกเราช่วยเถอะนะ” ณรงค์เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะขอความช่วยเหลือจากทนายจงกลแล้วเขาก็ไม่มีทาางอื่น เขานั่นเป็นเพียงจิตรกรธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น กำลังคนอำนาจบารมีเขาก็ไม่มี มีแต่คนตรงหน้าเท่านั้นที่จะสามารถตามหาณิชาได้ ซึ่งเขาไม่เชื่อเลยสักนิดว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับคุณชายภีมะ เด็กคนนั้นสายตาแบบนั้น คฤหาสน์นารัตน์ ในวันครบรอบอายุยี่สิบเอ็ดปีของทายาทนรารัตน์ ภายในไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเครื่องดื่มสำหรับแขกที่มีหน้าที่ต้องมา หัวโต๊ะยาวด้านหลังคือผนังที่มีประติมากรรมเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ที่ทุกคนเรียกว่ามังกร แต่ใครก็ตามที่เข้ามาต่างก็รู้ว่ามังกรตัวนี้ถูกหล่อขึ้นมาด้วยทองคำจำนวนมหาศาล ภีมะนั่งนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา แม้คนตรงหน้าเขาจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของเขาเสียส่วนใหญ่ ไม่ใช่เพียงเขาที่มีเบื้องหลังและชื่อเสียงที่ไม่ดี เชื้อไม่ทิ้งแถวเพราะสิ่งเหล่านี้มันคงสืบทอดกันมาทางสายเลือด เพราะพ่อผู้ล่วงลับของเขาก็เป็นที่เกลียดชังของเหล่าญาติพี่น้อง แต่ทุกคนทำได้เพียงแค่เกลียดด้วยความรู้สึก ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้  “สวัสดีครับทุกคน ผมปีแอร์ ทนายผู้รับมอบอำนาจโดยตรงจากท่านนักรบ และนี่คือทนายจงกลผู้ช่วยผมและพยานในพินัยกรรมฉบับที่สอง ผมขออนุญาตเปิดผนึกจดหมายที่แจ้งตำแหน่งพินัยกรรมดังกล่าวครับ” ทนายปีแอร์หยิบกล่องขนาดเล็กออกมา  ภีมะยื่นส่งกุญแจเปิดกล่องดังกล่าว กุญแจที่เขาต้องพกติดตัวไว้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดตามพินัยกรรมฉบับแรกเมื่อสี่ปีก่อน ทนายปีแอร์โชว์กล่องที่ทำจากไทเทเนียมให้กับพยานทั้งหมดในห้องได้เห็นว่ากล่องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ก่อนจะลงมือไขกุญแจออกมา “พินัยกรรมถูกเก็บไว้ที่มังกร” เสียงของทนายปีแอร์ดังขึ้น ทนายจงกลยืนขึ้นและเดินไปยังมังกรหลังจากรับจดหมายฉบับนั้นมาจากทนาย ปีแอร์   ภีมะจำต้องยืนขึ้นเพราะเป็นเขาคนเดียวเท่านั้นที่นั่งหันหลังให้กับมังกร เพราะถ้าคนที่นี่รู้ว่าเขารู้จักช่องลับที่ซ่อนอยู่ความคงแตกแน่ๆ  ทนายจงกลทำตามวิธีที่เขียนไว้ในจดหมาย และช่องเล็กก็เปิดออก ด้านในปรากฎเพียงแฟ้มสีน้ำเงิน ทนายจงกลหยิบออกมาและกลับมานั่งที่เดิม ภีมะเองก็เช่นกันเขายังคงสงบนิ่ง แต่กลางโต๊ะยาวเขาเห็นชายคนหนึ่ง มุมปากหยักยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นความหวาดหวั่นของชายคนนั้น...นานแล้วแต่เขาก็ไม่เคยลืม นายณรงค์ บริสุทธิ์  นายภีมะ นรารัตน์ ทายาทของข้าพเจ้า นายนักรบ นรารัตน์...  ทนายจงกลเริ่มอ่านบทความในพินัยกรรม คนที่ตื่นตระหนกและตกใจมีเพียงคนเดียวคือนายณรงค์ ที่ถูกตอกย้ำความมั่นใจว่าณิชาหายไปเพราะผู้ชายหัวโต๊ะ “จบแล้วใช่มั้ยครับ” ทนายจงกลตอบรับคำถามของภีมะ “ไหนละครับเจ้าสาวของผม” ทุกคนในห้องเงียบ ณรงค์ตัวสั่นด้วยความเกลียดชังและเคียดแค้น เขาไม่เคยต้องการทรัพย์สมบัติใดๆ เขาต้องการแค่ณิชา ลูกสาวเขาเท่านั้น นอกจากทนายปีแอร์และทนายจงกลแล้วไม่มีใครที่นี่รู้ว่าณิชาหายตัวไปสองวันแล้ว และทางทนายก็ขอร้องไม่ให้เขาโวยวายออกไป “เธอไปโรงเรียนครับ” ณรงค์จำต้องตอบออกไป  “โรงเรียน? เธออายุเท่าไหร่กันละเนี่ย” ภีมะเอ่ยถามออกไป “สิบเจ็ดครับ” ภีมะพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ เขามอบรอยยิ้มที่ณรงค์ไม่ชอบมันเลยสักนิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องอดทน “โอเค งั้นอีกสองปี วันแต่งงานของผมคืออีกสองปีนับจากนี้ ตอนนั้นเจ้าสาวของผมก็จะมีอายุย่างสิบเก้า เธอคงไม่ได้มีวันเกิดวันนี้เหมือนกันหรอกนะครับ ไม่งั้นผมคงต้องรีบเข้าหอก่อนเที่ยงคืนถ้าไม่อยากต้องจ่าย...” ณรงค์เงียบไป “น่ากลัวว่าคุณชายคงต้องทำแบบนั้นครับ” ทนายปีแอร์ที่มองออกทุกอย่างแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานใดๆในตอนนี้ อ๊ะ! ภีมะอึ้งไปจริงๆชั่วขณะ เด็กคนนั้นเกิดวันเดียวกันกับเขาอย่างงั้นเหรอ “บังเอิญจริงๆ เนื้อคู่กันสินะ” คำเย้ยหยั้นที่เขาหันมาเอ่ยกับทนายปีแอร์  ไม่มีคำกล่าวลาใดๆ ภีมะเดินออกจากห้องไปทันที ไม่สนใจเหล่าแขกผู้ใหญ่เลยสักนิด เมื่อก่อนเคยยังไงตอนนี้ก็เหมือนเดิม  “จองหอง” เสียงสำทับที่ดังตามหลัง ภีมะได้ยินชัดเจนแต่ไม่ได้ให้ความสนใจเขายังคงเดินต่อไปอย่างมั่นคง “ไปฉลอง” เขาเอ่ยกับรัสที่รออยู่ข้างนอก “เป็นไงบ้างดีขึ้นบ้างหรือยัง” เหนือสมุทรเอ่ยถามด้วยเสียงราบเรียบ “ไม่ดีขึ้นเลยครับ เธอเอาแต่ร้องไห้และขังตัวเองไว้ในห้อง” “ให้เวลาเธออีกหน่อย เธอกำลังกลัว” “ครับ แต่ไม่กินไม่นอนนานแบบนี้ผมเกรงว่าเธอจะป่วยไปเสียก่อน” “นายเป็นพยาบาลก็รักษาเธอสิ” กฤษที่เป็นบุรุษพยาบาลนิ่งไปสักพัก  “แล้วแบบนี้ผมจะได้ค่าแรงเพิ่มเป็นสองเท่าหรือเปล่าครับ” ผู้ป็นนายควบตำแหน่งผู้ป่วยยกยิ้มมุมปากทันที พยาบาลกฤษเป็นคนดูแลคนที่ห้า ที่นี่คือเกาะ ใครกันอยากจะมาอยู่นานๆ แต่ละคนจะเซ็นสัญญาว่าจ้างแค่สองปีด้วยค่าจ้างที่มากกว่าคนที่ทำงานสามปีเสียอีก เงื่อนไขเดียวคือตลอดระยะเวลาการทำงานไม่มีการลาในทุกกรณี เขาต้องมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน เหนือสมุทร นรารัตน์ พี่ชายตาบอดที่ไม่เป็นที่รักของน้องชาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD