พิมพ์รพีพรเดินไปตามทางเล็กๆมุ่งสู่กระท่อมหลังสุดท้าย ‘บ้านนาเปี่ยมรัก’ มีกระท่อมไว้รับรองนักท่องเที่ยวอยู่สิบหลัง มีทั้งแบบหลังใหญ่สำหรับมาเป็นหมู่คณะ หลังขนาดกลางสำหรับครอบครัว และหลังเล็กซึ่งเป็นหลังสุดท้ายสำหรับพักสองคน
สองข้างทางที่เดินผ่านเป็นรั้วไม้ไผ่มีพืชผักไม้เลื้อยทั้งตำลึง มะระขี้นก อัญชัน และกระถินขึ้นแซมกันอยู่ตลอดทาง ทั้งยังมีต้นมะพร้าวน้ำหอมเตี้ยที่ออกผลดกทุกต้นขึ้นเรียงรายไปจนสุดทางให้ร่มเงา หญิงสาวแอบยิ้มไปกับบรรยากาศรอบกาย พิมพ์รพีพรภูมิใจกับวันนี้เป็นที่สุด วันที่เธอได้ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมาให้เป็นประโยชน์ กิจการที่เธอก่อตั้งเองมากับมือกำลังจะเริ่มต้น
“พี่พิมพ์” หญิงสาวหันหลังกลับตามเสียงเรียกทันที ผมยาวที่ถูกรวบไว้เป็นหางม้าสะบัดเล็กน้อย
“คือกระถินจะไปช่วยพี่แตงเสิร์ฟน้ำจ้ะ เห็นว่าท่านนายอำเภอกำลังจะมาถึง พี่พิมพ์นุ่งผ้าถุงเองได้ไหม” กระถินเด็กสาววัยสิบแปดเป็นลูกของคนงานเก่าแก่ของย่าพร รีบวิ่งตามมาทันทีที่เห็นพิมพ์รพีพรเดินออกมาจากบริเวณงาน เพราะได้นัดแนะกันไว้ว่าตนเองจะต้องมาช่วยนุ่งผ้าถุงให้หญิงสาว
“อืม...ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพี่พิมพ์ใส่เองก็ได้ คงไม่ยากเท่าไรหรอกน่า กระถินไปช่วยพี่แตงเถอะ” พิมพ์รพีพรยิ้มให้กระถิน พยักหน้าอนุญาตให้เด็กสาวไปช่วยงานได้ ก่อนจะเดินเร็วจนเกือบวิ่งเพราะท่านนายอำเภอใกล้จะมาแล้ว เดี๋ยวเธอเองซึ่งเป็นเจ้าภาพของงานจะไม่ทันพิธีเปิด
“ปลัดเมฆาเป็นลูกกำนันเสือหรือ” นายอำเภอเอ่ยถามปลัดหนุ่มที่นั่งคู่กับตน อยู่เบาะหลังในรถเก๋งคันใหญ่ ขณะที่อยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อไปทำพิธีเปิดป้ายกิจการ ‘บ้านนาเปี่ยมรัก’
“ครับท่าน” ปลัดหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าคมเข้ม แววตาเด็ดเดี่ยวแต่พราวระยับตลอดเวลา เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
“อายุเท่าไรแล้วนะ”
“สามสิบสองครับ”
ปลัดเมฆาเพิ่งย้ายมาประจำที่อำเภอนี้ได้เดือนกว่าๆ แต่ด้วยความเป็นหนุ่มไฟแรง และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน จึงทำให้เป็นที่รักของเจ้านายและลูกน้อง เขาเป็นลูกชายอดีตกำนันเสือที่เป็นคนกว้างขวางและเป็นที่รู้จักของคนทั้งอำเภอ ที่ต้องย้ายมาประจำที่อำเภอนี้ก็เพราะความต้องการของบิดากับมารดา ด้วยตำแหน่งปลัดอำเภอที่นี่ว่างลงพอดี บิดาและมารดาจึงคะยั้นคะยอให้เขาย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน เขาพยายามเลี่ยงมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ต้องจำยอมเพราะแม่นภาของเขาไปร้องไห้ร้องห่มที่ที่ว่าการอำเภอเดิม ว่ามีลูกชายเพียงคนเดียวหวังจะฝากผีฝากไข้ อยากให้กลับมาอยู่ใกล้ๆกัน แม่เขาเป็นประเภทนักแสดงรับเชิญ เล่นสมบทบาทซะด้วยสิ เขาจึงได้รับคำสั่งแบบฟ้าผ่าให้ต้องย้ายมาประจำที่อำเภอบ้านเกิด ทั้งๆที่อยู่คนละจังหวัดกับที่เดิม
“อืม...คนกันเองนะ ผมเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับกำนันเสือสมัยเรียนประถม ดีๆมาอยู่ด้วยกันจะได้ช่วยพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของเรา ว่าแต่วันนี้กำนันเสือมางานด้วยหรือเปล่า”
“มาครับ มาทั้งพ่อกับแม่ ย่าพรไปเชิญให้มาร่วมงานด้วยตัวเองเลยครับ”
“ท่าทางย่าพรกับกำนันเสือจะคุ้นเคยกันดีนะ” ผู้สูงวัยกว่ายังชวนคุยไปเรื่อย เพราะรู้สึกถูกชะตากับปลัดหนุ่มรุ่นลูก
“ครับ...ย่าพรกับพ่อเป็นเกษตรกรนักพัฒนาเหมือนกัน ไปงานไหนก็เจอกันงานนั้น เลยกลายเป็นว่าสนิทกันไปโดยปริยาย ก่อนจะเปิดกิจการนี้ย่าพรก็แวะไปปรึกษากับพ่อที่บ้านบ่อยๆครับ ผมก็เคยได้พูดคุยกับย่าพรอยู่สองสามครั้ง ท่านน่ารักดีนะครับ”
“เห็นว่าหลานสาวเป็นคนคิดโครงการนี้ขึ้นมานี่ ผมยังนึกชื่นชมอยู่เลยนะ ที่อำเภอของเราจะมีแหล่งท่องเที่ยว เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน ผมเคยเห็นหลานสาวของย่าพรนะ ตอนที่มาติดต่อขออนุญาตเปิดกิจการ สวย เก่ง นี่ถ้ามีลูกชายจะขอมาเป็นสะใภ้ซะเลย ผู้หญิงเก่งๆอย่างนี้หายากนะ ชื่ออะไรน้า พิมพ์...พิมพ์อะไรนะ...อ้อ...พิมพ์รพีพร”
“ครับ” ปลัดเมฆารับคำไปเรื่อย แต่รู้สึกสะดุดหูตรงชื่อหลานของย่าพร จนเขาต้องขมวดคิ้ว เหมือนจะคุ้นๆชื่อนี้นะ แต่ช่างเถอะ เขาคบผู้หญิงมาเยอะ คงเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เคยผ่านมาในชีวิตเขาเท่านั้นล่ะ
“ย่าพร...นายอำเภอมาแล้วค่ะ” กระถินรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกหญิงชราที่กำลังนั่งอยู่หน้าเวทีเปิดงาน
“มาแล้วหรือ แล้วยายพิมพ์ล่ะ” ย่าพรลุกขึ้นยืน แล้วมองซ้ายขวาหาหลานสาวของตน
“พี่พิมพ์ไปเปลี่ยนชุดที่กระท่อมยังไม่มาเลยจ้ะ”
“ไปนานจัง...ไปๆ...ไปต้อนรับท่านนายอำเภอกันก่อน” ย่าพรรีบสาวเท้าเดินไปต้อนรับนายอำเภอที่กำลังเดินเข้ามาในบริเวณงาน
“สวัสดีค่ะท่านนายอำเภอ เชิญด้านนี้เลยค่ะ” ย่าพรเชื้อเชิญประธานเปิดงานไปยังเวที แขกเหรื่อมากมายนั่งรอที่เก้าอี้หน้าเวทีพร้อมแล้ว หากแต่ย่าพรพยายามมองหาหลานสาวของตน แต่ก็ยังไม่เห็นสักที จะใช้ใครไปตามก็มีแต่คนยุ่งๆอยู่ หญิงชราเลยปล่อยเลยตามเลย รีบเชิญนายอำเภอขึ้นเวทีกล่าวเปิดงาน เพราะนี่ก็เลยเวลามามากแล้ว
เมื่อนายอำเภอขึ้นเวทีเพื่อกล่าวเปิดงาน ปลัดเมฆามองเห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ด้านหน้าเวที แม่หันมาโบกไม้โบกมือให้ เขาจึงยิ้มให้เล็กน้อย