ตอนที่ 1
ณ บ้านไม้สองชั้นแบบภาคกลางทั่วไปใต้ถุนโล่ง เสาไม้สักทองขนาดใหญ่หลายสิบต้น บ่งบอกฐานะของผู้เป็นเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี ตัวบ้านตั้งอยู่บนเนื้อที่สองไร่เศษ บริเวณบ้านถูกล้อมรอบด้วยรั้วไม้เตี้ยๆสีน้ำตาลเข้ม ภายในรั้วมีทั้งแปลงดอกไม้ พืชผักสวนครัว และไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ทั้งที่มีผลรับประทานได้ และไม่ได้หลายชนิด หลังบ้านไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาเกือบสองร้อยไร่นั้นคือ แปลงไร่นาสวนผสมที่เจ้าของบ้านได้นำแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่มาใช้ และปรับเปลี่ยนให้เข้ากันกับสภาพพื้นที่และเศรษฐกิจที่ตนอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านภาคภูมิใจเป็นที่สุด
สนามหญ้าหน้าบ้านที่เคยมองดูกว้างขวางนักหนา วันนี้กลับแคบลงถนัดตา เมื่อผู้คนต่างทยอยมาร่วมแสดงความยินดีกับ ‘ย่าพร’ ในงานเปิดตัว ‘บ้านนาเปี่ยมรัก’ ซึ่งเป็นโฮมสเตย์สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนในบรรยากาศท้องทุ่งไร่นา และสัมผัสการทำเกษตรแบบพื้นบ้าน โดยมีหลานสาวสุดที่รักเป็นคนริเริ่มความคิด และลงทุนลงแรงจัดการทุกอย่าง ผสมกับการใช้ความรู้ทางการเกษตรของย่า และใช้วิชาการในการจัดการธุรกิจตามที่หลานสาวได้ร่ำเรียนมา
ผู้เป็นย่าที่รักหลานสาวสุดหัวใจมีหรือจะขัดข้อง ในเมื่อหากกิจการมันไปได้ด้วยดี หลานสาวตัวดีก็ต้องลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ และนั่นหมายถึงความสุขของวัยชราที่จะมีหลานสาวมาอยู่ใกล้ๆ
แค่คิดย่าก็ปลื้ม และอาจจะต้องหาหลานเขยในพื้นที่ด้วย เพื่อความชัวร์ว่าหลานสาวจะไม่หนีไปไหน
“สวัสดีค่ะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ‘บ้านนาเปี่ยมรัก’ ขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดียิ่งค่ะ หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ดิฉันและย่าพรต้องขออภัยด้วยนะคะ ระหว่างที่รอท่านนายอำเภอมาทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ขอเชิญทุกท่านร่วมชมโครงการต่างๆของเรา ที่จัดแสดงไว้ตามจุดต่างๆก่อนนะคะ บนเรือนหลังใหญ่จะมีสิ่งของเครื่องใช้พื้นบ้านจัดแสดงไว้ ให้ท่านได้สัมผัสถึงความเป็นไปในอดีต ด้านข้างเวทีมีผักและผลไม้ปลอดสารพิษให้ท่านลองลิ้มชิมรส แปลงเกษตรอยู่ด้านหลังบ้านให้ท่านได้ชมวิถีเกษตรพื้นบ้าน และพิเศษสุด ‘บ้านนาเปี่ยมรัก’ ขอนำเสนอกระท่อมปลายนาทั้งสิบหลังของเรา ท่านจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศชายทุ่งริมคลองน้ำใสหากเมื่อใดที่ท่านต้องการพักผ่อนเพื่อชาร์จไฟให้กับร่างกาย อย่าลืมนึกถึง‘บ้านนาเปี่ยมรัก’นะคะ ขอบคุณค่ะ” พิมพ์รพีพรกล่าวจบก็ก้าวลงจากเวทีเตี้ยๆ ที่จัดไว้รอนายอำเภอมาเป็นประธานเปิดงาน แต่ย่าพรเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากท่านนายอำเภอ ว่าอาจจะมาช้ากว่ากำหนดการ หญิงสาวจึงต้องแก้ไขสถานการณ์เพื่อให้งานสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไม่สะดุด
“เหนื่อยหน่อยนะพิมพ์” ย่าพรเอ่ยขึ้นเมื่อหลานสาวเดินเข้ามานั่งข้างๆ บนโซฟาสำหรับแขกวีไอพี ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเวที
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะย่า พิมพ์มีความสุขที่ได้ทำงานค่ะ จะได้ลบคำสบประมาทของคุณพ่อกับพี่พี สองคนนั้นชอบว่าพิมพ์ดีแต่โวยวายไม่ได้เรื่อง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ คอยดูนะพิมพ์จะสร้าง’บ้านนาเปี่ยมรัก’ ให้ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศเลย ย่าต้องช่วยพิมพ์นะ” พิมพ์รพีพรกอดร่างท้วมของย่าแน่น หญิงสาวซบหน้าลงบนอกนุ่มที่แสนจะอบอุ่น
“ช่วยสิ ไม่ช่วยได้ไง หลานรักของย่า เอ...ว่าแต่พ่อแม่ของพิมพ์ เจ้าพีกับหนุงหนิงมากันหรือยังนะ แล้วพีทกับแพทจะมาด้วยไหม ย่าคิดถึงเหลนๆ” ย่าพรชะเง้อคอมองหาคนที่ถามหา นั่นคือลูกชาย ลูกสะใภ้ หลานชาย หลานสะใภ้ และเหลนอีกสองคน ซึ่งทั้งหมดอาศัยอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพ ที่ผู้เป็นบิดาของพิมพ์รพีพรซึ่งเป็นนายตำตรวจชั้นผู้ใหญ่ เพิ่งซื้อใหม่แถวชานเมือง เป็นครอบครัวใหญ่ที่แสนจะอบอุ่นของเธอ
“เห็นว่าคุณพ่อติดงานราชการด่วนค่ะ คงมาไม่ทันพิธีเปิด น่าจะมาถึงช่วงบ่ายค่ะ นี่คุณย่ารักตาพีทกับยายแพทมากกว่าพิมพ์แล้วใช่ไหม”
พิมพ์รพีพรทำท่าทางกระเง้ากระงอด
“อ้าวๆ...เป็นอะไรมาตีรวน ย่าก็รักทั้งหลานทั้งเหลนนั่นแหละ แต่ย่ารักพิมพ์ที่สุดในโลกนะ อย่าเอ็ดไปเดี๋ยวเจ้าพีจะน้อยใจ” พิมพ์รพีพรยิ้มกว้าง หญิงสาวหอมแก้มย่าฟอดใหญ่แล้วกอดรัดแน่น
“พิมพ์ก็รักย่าที่สุดในโลกค่ะ”
หญิงชราลูบศีรษะหลานสาวอย่างรักใคร่
“อุ๊ย! พิมพ์เกือบลืมไปค่ะ เดี๋ยวพิมพ์ต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน พิมพ์อยากใส่ชุดให้เหมือนกับคนงานค่ะ จะได้ดูเป็นทีมเดียวกัน” ผู้เป็นย่าเลิกคิ้วสงสัย เพราะชุดที่หลานสาวพูดถึงนั้นคือ ผ้าถุงสีน้ำเงินเข้มและเสื้อผ้าฝ้ายกระดุมหน้าสีขาวเข้ารูปสำหรับผู้หญิง กางเกงแพรขายาวกับเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวสำหรับผู้ชาย
“พิมพ์นุ่งผ้าถุงเป็นด้วยหรือลูก”
“แหะๆ...ไม่เป็นหรอกค่ะ แต่พิมพ์จะพยายาม” พิมพ์รพีพรยิ้มกว้าง
“ย่าเชื่อเถอะว่า...ไม่มีอะไรใต้ดวงตะวันนี้ที่พิมพ์รพีพรจะทำไม่ได้” หญิงสาวเชิดหน้าพูดจบ ก็หันมาสบตาย่าของตนที่ยิ้มไปกับท่าทางของหลานสาว
“จ้า...ย่าเชื่อว่าพิมพ์ทำได้”
“พิมพ์ขอตัวก่อนนะคะ ให้กระถินเอาชุดไปไว้ให้ในกระท่อมหลังริมสุดแล้ว ขี้เกียจเดินขึ้นไปบนเรือน คนเยอะ เดี๋ยวจะให้กระถินช่วยนุ่งผ้าถุงด้วย ยังนุ่งไม่เป็นก็ต้องมีผู้ช่วย” หลานสาวและย่าต่างยิ้มให้กันอย่างมีความสุข