“พิมพ์..มีคนมาหาแน่ะ” ครองขวัญเดินยิ้มมาเรียกน้องสาวที่กำลังง่วนอบขนมปังอยู่ในครัว
“คะ? ..ใครมาคะพี่ขวัญ” พิมพ์กานต์เงยหน้าถามงงๆ เพราะอยู่ที่นี่เธอไม่เคยมีใครมาหา
“ออกมาดูเองสิ” พี่สาวฉุดมือน้องออกจากครัว
“แม่! ..แม่คะ! ..” พิมพ์กานต์น้ำตาไหลพรั่งพรูด้วยความดีใจวิ่งไปกอดมารดาที่ยืนรออยู่ในห้องรับแขก
“พิมพ์ของแม่..คิดถึงเหลือเกิน.” สุรีย์กอดรับขวัญน้ำตาซึมเช่นกัน
“แม่มาได้ยังไงคะ” พิมพ์กานต์ปาดน้ำตา
“พี่ขวัญโทรไปบอกว่าคุณการินยังไม่กลับให้แม่รีบมา แม่ก็เลยมาเลยทันที คิดถึงลูกสาวแม่มากๆ ” สุรีย์ลูบหลังลูบไหล่ลูกสาว
“ขอบคุณมากค่ะพี่ขวัญ พิมพ์ไม่รู้จะพูดยังไง..” ยกมือไหว้ขอบคุณพี่สาว
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น อยู่กับแม่ให้หายคิดถึงดีกว่า” ครองขวัญโอบกอดน้องสาวที่รัก
“แม่จะอยู่กี่วันคะ แล้วนี่แม่มาคนเดียวเหรอคะ”
“มากับลุงนี่ไง จะปล่อยให้ภรรยามาคนเดียวได้ยังไงล่ะ” เสียงนุ่มๆทักมาจากประตู
“ลุงพงษ์! สวัสดีค่ะคุณลุง พิมพ์คิดถึงลุงจัง” สาวน้อยวิ่งไปกอดชายวัยกลางคนด้วยความดีใจ
“จ้า..ลุงก็คิดถึงลูกสาวลุงมากๆ สบายดีนะ”
“สบายดีค่ะคุณลุง”
“ตอนนี้แม่เป็นภรรยาที่รักของลุงแล้ว จะไม่เรียกลุงว่าพ่อหน่อยเหรอลูก”
“พิมพ์เรียกได้เหรอคะ..” พิมพ์กานต์นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันนี้ วันที่ครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูกและพี่น้อง
“เรียกพ่อเร็วๆ พิมพ์” ครองขวัญสั่งใบหน้าเปื้อนยิ้มแต่น้ำตาชักซึมๆ
“คุณพ่อ..” พิมพ์กานต์กราบลงกับอกพ่อน้ำตาแห่งความซาบซึ้งไหลอาบแก้มนวล
“บุญรักษานะลูก” จรัสพงษ์กอดรับขวัญลูกสาวคนใหม่
“ดีจังเลย ขวัญมีน้องสาวจริงๆ สักที”
“พิมพ์มีพี่ชายอีกคนด้วยนะชื่อ พี่คณิศ แต่ยังติดงานอยู่มาไม่ได้น่าจะมาราวๆอาทิตย์หน้าตอนรินกลับมาพอดี เค้าเพื่อนรักกันน่ะ” จรัสพงษ์อธิบายให้ลูกสาวคนใหม่ฟัง
“ค่ะคุณพ่อ พี่ขวัญบอกแล้วค่ะ คุณพ่อกับแม่จะอยู่กี่วันคะ”
“กะว่าจะพาแม่เค้าเที่ยวสักสามสี่วัน ก็จะกลับก่อนที่เจ้ารินจะมาน่ะนะจะได้ไม่เกิดปัญหา” จรัสพงษ์ยังไม่อยากให้สุรีย์เผชิญหน้ากับการินตอนนี้ เขาอยากจะให้พิมพ์กานต์หลุดพ้นจากการินเสียก่อนแต่มันก็คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะเขารู้เรื่องราวคร่าวๆ จากครองขวัญแล้วแต่ภรรยายังไม่รู้ สุรีย์ยังเข้าใจอยู่เช่นเดิมว่าการินต้องการให้พิมพ์กานต์อยู่เพื่อชดใช้แทนเงินที่ส่งเสียให้เรียน สุรีย์เป็นคนอ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจคนอื่น ถึงแม้จะอยากให้ลูกสาวกลับมาอยู่ด้วยกันแต่ก็ยังเห็นใจการินกับเรื่องที่ผ่านมา จึงยังยอมให้พิมพ์กานต์อยู่ดูแลการินต่อไปก่อน และถึงแม้เขาในฐานะพ่อจะอยากรับลูกสาวกลับแต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ กลับตารปัดไปอีกแล้ว คงต้องปล่อยเลยตามเลยไปก่อนแล้วค่อยเกลี้ยกล่อมพิมพ์กานต์ทีหลัง
“ค่ะ..พิมพ์จะพาเที่ยวนะคะ” พิมพ์กานต์ยิ้มแจ่มใส
“ดีลูก เห็นว่าเจคกับเพื่อนมาด้วยก็พาเที่ยวด้วยกันซะเลย หลายๆคนสนุกดี”
“คิดว่างั้นเหมือนกันค่ะพ่อ พ่อกับแม่สุจะได้สนิทสนมกับว่าที่ลูกเขย ฮิฮิ” ครองขวัญยิ้มทะเล้น
“น้าคุยกับฝรั่งไม่เป็นนะคะหนูขวัญ” สุรีย์ยิ้มแหยๆตอบ
“เรียกว่าแม่สิคะ ไม่เอาน้าค่ะ แม่สุก็” ครองขวัญกอดแขนออดอ้อน
“ค่ะๆ น้า เอ๊ย!..แม่ ยังไม่ค่อยชินน่ะค่ะ”
“เดี๋ยวก็ชินค่ะแม่ เนอะพิมพ์เนอะ” หันมาพยักเพยิดกับน้องสาว
“จริงค่ะแม่ เนอะคุณพ่อเนอะ” แม่น้องสาวหันไปเนอะกับพ่ออีก
“เออ เอาเข้าไป! ไอ่เด็กพวกนี้นี่ ฮะฮะฮะ.. ไปๆ ไปแต่งตัวสวยๆเร็วออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน ไปบอกสองหนุ่มนั่นด้วยล่ะพ่อจะพาไปเลี้ยงข้าว”
“ค่า! ..” สองสาวรับคำพร้อมเพรียง
จรัสพงษ์มองตามลูกสาวสองคนแข่งกันวิ่งขึ้นไปแต่งตัวเหมือนเด็กๆ แล้วก็ต้องยิ้มแป้น ชีวิตที่เคยมีอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขามีภรรยาผู้แสนโอบอ้อมอารีเป็นคู่ชีวิตหลังจากแม่ของลูกได้จากไปนานแสนนาน มีลูกสาวแสนน่ารักเพิ่มมาอีกคนซึ่งถึงแม้ยังไม่พ้นบ่วงกรรมแต่เขาก็ดีใจที่ได้อยู่ดูแลลูกสาวคนนี้ เขาจะพาพิมพ์กานต์กลับบ้านให้ได้ในวันใดวันหนึ่งจะไม่ปล่อยให้ลูกต้องทนทุกข์ แต่เวลานี้ยังไม่อยากจะช่มเหงน้ำใจลูกสาวถึงขั้นขู่บังคับ คงมีโอกาสในสักวันนึงข้างหน้าแน่นอน
สี่คนพ่อแม่ลูกรวมฝรั่งอีกสองคนตรงดิ่งไปเที่ยวชม วัดร่องขุ่น อันเลื่องลือของจ.เชียงรายเป็นที่แรก ทั้งคณะตื่นตาตื่นใจกับความงดงามอลังการเพราะต่างก็เพิ่งมาเป็นครั้งแรก คริสเตียนเกาะติดอยู่กับพิมพ์กานต์ตลอด เขาดีใจที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดหญิงสาวที่เขาแอบหลงรักมาตั้งแต่เธอพ้นวัยรุ่น จรัสพงษ์และสุรีย์ก็มองออกว่าหนุ่มฝรั่งตาสีฟ้าคนนั้นรู้สึกพิเศษกับลูกสาวแน่ๆ
“สงสัยเจ้าหนุ่มตาฟ้านั่นจะชอบลูกสาวเรานะคุณสุ” จรัสพงษ์กระซิบกระซาบกับภรรยา
“ดูแล้วก็น่าจะใช่นะคะคุณแต่สุไม่เอาหรอกค่ะเขยฝรั่ง เกิดแต่งงานกันไปพิมพ์ก็ต้องไปอยู่เมืองนอกอีกนะสิ สุทนจากลูกไกลๆแบบนั้นไม่ไหวค่ะ”
“อ้าว เดี๋ยวนี้เค้ามีเครื่องบินนะคุณสุ คิดถึงก็ไปหาได้” สามีเย้าแหย่
“เอ๊ะ คุณนี่! ..ยังไงก็ไม่เอาค่ะ ขอเขยคนไทยจะได้คุยกันรู้เรื่อง”
“จ้าๆๆ ตามใจคุณอยู่แล้วว่าไงว่าตามกัน แต่ไงก็ต้องแล้วแต่ลูกด้วยละนะว่ารักใครชอบใคร พ่อแม่ก็ได้แต่แนะนำจะไปกำหนดกะเกณฑ์บังคับขู่เข็ญให้ได้ตามใจเราคงไม่ได้ เฮ้อ! ...”
“ทำไมต้องถอนหายใจด้วยละคะ พิมพ์ยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะชอบใครสักหน่อย กับพ่อตาสีฟ้านั่นลูกก็ดูเฉยๆนะสุดูออก”
“ก็คิดล่วงหน้าน่ะคุณ ลูกโตขึ้นทุกวันถึงเวลาที่ต้องออกเรือนคงใจหายนะ”
“แหม..คิดล่วงหน้าเกินไปมั้งคะ ยายพิมพ์ยังเด็กจะแต่งงานแต่งการคงอีกนานค่ะ ส่วนหนูขวัญก็อายุเหมาะสมดีแล้ว คุณเจคเค้าก็ดูรักหนูขวัญมากๆสมกันออกควรดีใจมากกว่านะคะ”
“ก็จริงแหละ เฮ่ออ....”
“อ้าว...เฮ่ออีกละ ฮะฮะฮะ...” สุรีย์หัวเราะอากัปกิริยาของสามีด้วยนึกว่าพ่อคงจะหวงลูกสาวอย่างว่า หากแต่ความจริงคือจรัสพงษ์ทอดถอนใจเพราะเป็นห่วงอนาคตของพิมพ์กานต์ต่างหาก..
หลังจากชื่นชมกับความงดงามอลังการของวัดร่องขุ่นคณะทัวร์ไทย-อังกฤษก็แวะหาอาหารกลางวันทานกัน ร้านอาหารพื้นเมืองบรรยากาศสบายๆ เมนูอาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเหนือทำให้ฝรั่งตื่นตาตื่นใจอีกแล้ว
“อันนี้เหมือนไส้กรอก มันคืออะไรน่ะพิมพ์” คริสเตียนชี้ไปที่ไส้อั่ว
“อันนี้เรียกไส้อั่ว ตอนแรกพิมพ์ก็ไม่รู้จักหรอกแต่มาอยู่นานแล้วกินไปบ่อยแล้ว อร่อยนะคริสเตียน ลองดู” พิมพ์กานต์ตักไส้อั่วใส่จานให้หนุ่มอังกฤษ ทำเอาชายหนุ่มยิ้มไม่หุบ
“เฮ้! นายจะเอาแต่นั่งยิ้มไม่กินรึไง ไม่กินฉันกินนะ” เจคเพื่อนรักกระเซ้า
“เฮ้ๆๆ! กินสิๆ นายอย่ายุ่งกินของนายไป” คริสเตียนรีบเอามือป้องจานอาหารไว้
“ฮะฮะฮะฮะ...” สองหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะทั้งโต๊ะ
พิมพ์กานต์มีความสุขมากที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่พี่น้อง เธอรื่นเริงแจ่มใสเป็นตัวของตัวเองมากๆ รอยยิ้มของเธอทำให้คริสเตียนหลงใหลแทบลืมหายใจ มือเรียวที่คอยหยิบจับนั่นนี่เสนอให้เขาด้วยความเอาใจใส่ก็น่ากอบกุมเอาไว้เสียเหลือเกิน ครองขวัญเห็นท่าทีของคริสเตียนที่แสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าชอบน้องสาวของเธอแล้วก็ต้องแอบถอนใจ
‘ไม่ต้องหวังแล้วละคริสเตียน เฮ่ออ....’
ทานอาหารกลางวันกันอิ่มหนำจนเวลาล่วงเลยไปบ่ายแก่ๆแล้วก็เดินทางไปเที่ยวชม ไร่บุญรอด กันต่อ เป็นสถานที่ที่สวยงามอีกที่หนึ่งทีเดียว เต็มไปด้วยพืชพันธุ์และดอกไม้สวยๆเดินชมได้ไม่รู้เบื่อ จรัสพงษ์กับสุรีย์เดินคล้องแขนกันชมธรรมชาติอันสวยงามท่ามกลางแสงอาทิตย์ใกล้อัสดง ครองขวัญและเจคสดชื่นรื่นเริงอยู่กับการถ่ายรูปซึ่งส่วนมากเป็นรูปของว่าที่เจ้าสาวซะมากกว่า พิมพ์กานต์มองดอกไม้หลากสีที่ดารดาษไปทั่วท้องทุ่งจนสุดลูกหูลูกตาแล้วรู้สึกว่าพลังแห่งธรรมชาตินี่มันสร้างอารมณ์อันสุนทรีย์ได้มากมายเหลือเกิน เธอมองไปที่พ่อกับแม่และครองขวัญกับเจคที่กำลังปล่อยให้ความสุขโอบล้อมไว้ทำให้นึกถึงใครบางคนที่อยู่ไกลถึงต่างประเทศ
‘ถ้าพี่รินอยู่ด้วยก็ดีสินะ..’ พิมพ์กานต์คิดหวังแล้วก็ถอนใจว่าคงเป็นฝันลมๆแล้งๆ
“พิมพ์...ขี่จักรยานเที่ยวกันมั้ย ผมจะขี่ให้พิมพ์ซ้อนนะ” เสียงนุ่มๆเอ่ยชวน
“อะ..อ๋อ.. เอาสิคะ ถ้าคริสเตียนแบกพิมพ์ไหว ฮะฮะ..” พิมพ์กานต์สลัดความคิดออกจากหัวเงยหน้าตอบชายหนุ่ม
“งั้นมาเถอะ ไปเลือกจักรยานกัน” คริสเตียนส่งมือให้เธอ
“อืม..งั้นพิมพ์วิ่งไปเลยนะ ถึงก่อนเลือกก่อน” พิมพ์กานต์กลับวิ่งนำหน้าไปก่อน
คริสเตียนหดมือกลับด้วยความผิดหวังนิดๆแต่ก็รีบวิ่งตามหญิงสาวไป หนุ่มอังกฤษพาสาวไทยนั่งซ้อนท้ายจักรยานชมวิวสวยๆ ไปจนอาทิตย์เกือบลับขอบฟ้า พ่อแม่และพี่ๆจึงเรียกให้กลับมาทานอาหารเย็นซึ่งวันนี้ก็จะทานกันที่ร้านอาหารของไร่เลย อาหารอร่อยบรรยากาศแสนโรแมนติก ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าสวยงามราวภาพวาด ทุกคนดื่มด่ำกับธรรมชาติอันแสนงดงามท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้น พิมพ์กานต์กลับรู้สึกคิดถึง บ้าน คิดถึงคนที่เคยนอนอยู่ห้องข้างๆ คิดถึงใบหน้าอันหล่อเหลา คิดถึงริมฝีปากที่ด่าว่าเธอแต่ก็มอบจูบอันแสนหวานให้เธอได้
‘พิมพ์คิดถึงพี่รินเหลือเกินค่ะ พี่รินจะคิดถึงพิมพ์บ้างมั้ยนะ..’
การินถอดเสื้อโค้ทกันหนาวตัวหนาออกแขวนไว้กับเสา ในห้องแบบญี่ปุ่นอบอุ่นด้วยฮีทเตอร์และพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โรงแรมนี้ถึงแม้จะไปใช่โรงแรมห้าดาวแต่ก็หรูหราสวยงามและบริการดีมากหากเขาผ่านมาจังหวัดนี้มักจะแวะพักเสมอ ห้องนี้เป็นห้องสวีทมีห้องรับแขก ห้องนอนเตียงคิงส์ไซส์และออนเซ็นส่วนตัว
ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกจนหมดเหลือเพียงร่างกำยำเปลือยเปล่า เขาเดินออกไปที่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งหย่อนตัวลงไปสัมผัสน้ำร้อนจัดรู้สึกสบายไปทั่วร่าง การินจมตัวลงในน้ำร้อนๆพิงศีรษะกับขอบบ่อมองดูพระจันทร์สีนวลบนท้องฟ้าอันมืดมิดประดับด้วยดาวระยิบระยับนับร้อย เขาเคยนอนแช่น้ำร้อนแบบนี้อย่างสบายอารมณ์และรู้สึกสงบกับความเงียบงันตามวิถีชีวิตของคนต่างจังหวัดซึ่งตื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นและนอนแต่หัวค่ำ ที่ผ่านๆมาเขารู้สึกสุขสงบทุกๆครั้งที่ได้กลับมาที่นี่ แต่วันนี้กลับไม่ใช่...
วันนี้เขากลับรู้สึกอยากมีใครสักคนนอนแช่น้ำร้อนชมจันทร์เป็นเพื่อน ใบหน้างดงามที่ดวงตาปิดสนิทปากอิ่มเผยอเล็กน้อยเพราะหลับลึกลอยวนไปมาในห้วงมโนสำนึกสลัดยังไงก็ไม่หลุด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขานึกถึงได้เลยตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ทุกๆคนผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแม้แต่ชื่อบางคนเขายังจำไม่ได้เดินสวนกันตามถนนยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยคบกัน
แล้วนี่เขาเป็นอะไรไป? ..จากเมืองไทยมายังไม่ถึงเดือนทำไมมีแต่พิมพ์กานต์วนเวียนอยู่ในหัว เขาอยากจะกลับแทบตายอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าต้องรอตรวจสอบของขั้นนสุดท้ายให้แน่ใจซะก่อนจะได้ไม่เสียเที่ยว แต่วันนี้งานก็เสร็จเรียบร้อยแล้วจากกำหนดการเดิมจะกลับอาทิตย์หน้าเขาเลื่อนเป็นวันมะรืน พรุ่งนี้จะไปหาซื้อของฝากให้แม่ คนที่บ้าน แล้วก็ลูกน้อง หาซื้อขนมอร่อยๆ แล้วก็ทูพีซให้เด็กหน้าใสในร่างผู้ใหญ่ คิดแล้วการินก็เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
‘หุ่นดีใส่แล้วคงจะสวยนะ สีสดๆน่าจะยิ่งดีตัดกับผิวขาวๆ’ ชายหนุ่มคิดเรื่อยเปื่อยแต่ภาพร่างเปลือยเปล่าของพิมพ์กานต์กลับผุดขึ้น
ชัดเจนในสมองราวกับเห็นได้ด้วยตา ผิวขาวนวลเนียนละเอียด...อกอวบอิ่ม..สะโพกกลมกลึง..ประทับอยู่ในความทรงจำแค่คิดการินก็ร้อนผ่าวไปทั่วร่าง ไม่ใช่เพราะน้ำร้อน..แต่เพราะเลือดมันร้อนต่างหาก อุณหภูมิอันร้อนแรงพาเลือดให้สูบฉีดจนแข็งชูชัน ชายหนุ่มหลับตามือกอบกุมความแข็งขึง เสียงร้องครางของสาวน้อยในอ้อมกอดแว่วมาไกลๆ
“โอย...” เขากำมือรูดขึ้นลงเบาๆ สาวน้อยคนเดิมยังคงยั่วยวนในจินตนาการ
“โอย..อือ..” การินสไลด์มือเร็วขึ้นอีก..ยอดอกสีแดงสดลอยอยู่ตรงหน้าอยากจะไล้ลิ้นเลียให้เธอครางกระเส่า..
“โอ๊ย..โอ๊ย..ซี๊ดด” เขาระรัวจังหวะเร็วจนข้อมือเกร็ง...ขาขาวนวลเรียวยาวกำลังพาดอยู่บนไหล่กำยำพร้อมๆกับสะโพกของเขาที่กดลงไปไม่ยั้ง...
“ซี๊ดด..ซี๊ดด..พิมพ์! โอ๊ย! โอ๊ย!! ..” การินกระชากข้อมือระรัวเร็วบิดกายด้วยความกระสันถึงขีดสุด ลาวาสีขาวขุ่นพุ่งลงไปในน้ำร้อน
‘ฉันจะไม่ทนช่วยตัวเองอยู่แบบนี้หรอกนะพิมพ์กานต์ เธอเป็นของฉัน ฉันต้องการเธอตอนไหนก็ต้องได้เพราะเธอมีหนี้ที่ต้องชดใช้ให้ฉัน จำไว้!’