“เดี๋ยวบ่ายแก่ๆ พ่อกับแม่ก็จะกลับแล้วนะ พิมพ์อยากไปไหนอีกมั้ยลูก” จรัสพงษ์ถามลูกสาวระหว่างมื้อเช้าที่ครอบครัวนั่งกันพร้อมหน้า
“อืม..ไม่อะค่ะพ่อ พิมพ์ทำอาหารกลางวันให้พ่อกับแม่ทานอยู่บ้านดีกว่า บ่ายนิดๆ ก็จิบชาทานขนมเค้กกันแล้วค่อยกลับนะคะ”
“เออ ก็ดีนะ พ่อกับแม่จะได้ลองชิมฝีมือลูกสาวสักหน่อยว่าอร่อยรึเปล่า”
“พิมพ์ทำอร่อยนะพ่อ ขวัญกินบ่อย ทำเค้กทำขนมปังก็อร่อยอะขวัญอ้วนเลยแหละ ฮะฮะฮะ”
“อ้าว นี่พ่อส่งแม่ครัวไปให้ขวัญหรอกเหรอเนี่ย นึกว่าส่งเด็กไปให้เลี้ยงซะอีก” บิดากระเซ้าลูกสาวคนโต
“แหม..พ่อก็! น้องมันชอบทำให้ขวัญกินตะหาก” ครองขวัญทำปากยื่น
“พี่ขวัญก็ดูแลพิมพ์อย่างดีค่ะพ่อ อยากได้อะไรพี่ขวัญซื้อให้หมดเลยค่ะ” พิมพ์กานต์รีบเข้าข้างพี่สาว
“ฮะฮะฮะ...พ่อแหย่พี่ขวัญเล่นน่ะลูก เอ้า! .แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ระ ไหนลองเล่าให้พ่อฟังสิว่าพี่ขวัญซื้ออะไรให้พิมพ์มั่ง”
“ก็มีเตาอบ จักรเย็บผ้าคอมพิวเตอร์ เครื่องครัวสวยๆ ชุดน้ำชา มีดญี่ปุ่นtojiroครบชุดซึ่งพิมพ์ชอบและปลาบปลื้มมากๆ ค่ะ เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุ17ค่ะ” เล่าจ๋อยๆ ด้วยแววตาเป็นประกาย
“ฮะฮะฮะ! ..นี่มันของบำรุงบำเรอยัยขวัญทั้งนั้นเลยนี่! ซื้อให้แต่ละอย่างเอาไว้บริการพี่สาวเลยนะนี่”
”ก็ยายพิมพ์เค้าชอบนี่คะพ่อ ยิ่งมีดนี่เห็นหยิบแล้ววางๆ ตอนไปร้านขายของญี่ปุ่น กลับมาบ้านก็มาเปิดเวปดูมีดนี่อีกเป็นเดือนๆ ขวัญเลยซื้อให้เซอร์ไพรส์วันเกิดดีใจร้องไห้แงๆ ไปเลย ฮะฮะฮะ..”
“เออ..เด็กวัยรุ่นที่ไหนเค้าเป็นแบบนี้กันมั่ง อยากได้ชุดมีดทำครัว เอ๊อออ..แปลก ฮะฮะ..”
“แต่ไม่ผิดหวังเลยค่ะพ่อ มีดดี๊ดีทั้งสวยทั้งคมกริบ พิมพ์ใช้อย่างทนุถนอมมากๆ ทำอาหารให้พี่ขวัญง่ายขึ้นเร็วขึ้นเยอะเลยค่ะ”
“เออ..มันก็เอาไว้เอาใจพี่มันอะนะ ทั้งหมดทั้งปวงเนี่ย ฮะฮะ..”
“พิมพ์อยากให้พี่ขวัญกินของอร่อยๆ อยากให้พี่ขวัญแต่งตัวสวยๆ อยากให้พี่ขวัญมีความสุขเพราะพิมพ์โดนส่งข้ามประเทศไปให้พี่ขวัญเลี้ยงทำให้พี่ขวัญยุ่งยาก พิมพ์เลยอยากตอบแทนพี่ขวัญเท่าที่พิมพ์ทำได้ค่ะ” พิมพ์กานต์มองพี่สาวด้วยสายตาที่รักและสำนึกในบุญคุณเป็นล้นพ้น
“ยุ่งยากที่ไหนเล่าเด็กบ้า..พี่ดีใจที่พิมพ์มาอยู่เป็นเพื่อนให้พี่หายเหงาตะหาก” ครองขวัญซึ้งใจกับคำพูดซื่อๆ ของเด็กน้อยในวันวานที่เธอโอบอุ้มดูแลจนโตเป็นสาว น้ำตาซึมเอ่อคลอเบ้าดึงน้องเข้ามากอด
“เฮ้อ..เด็กทั้งคู่ละนะ ไหนว่าคนโตจะแต่งงานแล้วไงมากอดกันน้ำตาไหลอยู่นี่เอง อ้อ! ..แล้วเจคกับคริสเตียนไปไหนซะล่ะยังไม่เห็นมาทานของเช้ากันเลย” จรัสพงษ์อมยิ้มเอ็นดูลูกสาวทั้งสองคนที่รักใคร่กันราวกับพี่น้องแท้ๆ สุรีย์ที่นั่งอยู่ด้วยก็ถึงกับน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้ง ท้ายประโยคบิดาถามถึงว่าที่ลูกเขยต่างชาติกับเพื่อน
“เจคกับคริสเตียนไปขี่จักรยานเล่นตั้งแต่เช้ามืดแล้วค่ะพ่อ แต่อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับแล้วค่ะ”
“อ้อ..งั้นพ่อกับแม่ก็ไปเดินชมไร่ชมสวนไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมากินข้าวกลางวันฝีมือลูกสาวแล้วกันนะ”
“ค่ะพ่อ” พิมพ์กานต์ยิ้มแป้น
“ขวัญจะอยู่ช่วยพิมพ์ทำกับข้าวค่ะ อย่างน้อยจะได้มีฝีมือขวัญปนไปมั่ง”
“จ๊า เอาเถอะๆ ลูกสาวทำอะไรให้พ่อก็กินได้หมด ฮะฮะฮะ..” จรัสพงษ์อดไม่ได้เอามือขยี้หัวลูกสาวคนโตด้วยความเอ็นดู
สองสาวแยกย้ายช่วยป้าชื่นเก็บโต๊ะอาหารเช้าเพราะเจคกับคริสเตียนเอาแซนวิชใส่กล่องไปกินระหว่างขี่จักรยานเที่ยวไม่กลับมากินที่บ้านแล้ว พิมพ์กานต์เตรียมอบขนมเค้กสำหรับชุดน้ำชายามบ่ายก่อนเพราะใช้เวลานานพอควร จากนั้นจึงจะค่อยเตรียมอาหารกลางวัน สองพี่น้องรวมป้าชื่นและเด็กทำงานบ้านชุลมุนอยู่ในครัว บรรยากาศเหมือนกับวันคืนที่เธออยู่อังกฤษกับครองขวัญ เสียงสาวๆ สดใสรื่นเริงแช่มชื่นลอดออกไปข้างนอกพาให้คนที่เดินทำงานอยู่ด้านนอกอดยิ้มไปด้วยไม่ได้
“พ่อเลี้ยงเอาจริงเหรอครับ..” พิณลูกน้องคนสนิทถามนายหนุ่มหน้าเครียดหลังจากมื้อเย็นในห้างใหญ่โตแห่งนึงของญี่ปุ่น
“จริงสิวะ กลัวอะไร” การินยืนนิ่งตอบหน้าตาครุ่นคิดพอกัน
“เกิดใครแอบถ่ายคลิปถ่ายรูปละครับ พ่อเลี้ยงไม่ออกสื่อเลยเหรอ”
“ไอ้บ้า! ฉันไม่ใช่ดาราใครจะมาถ่ายคลิปวะ”
“อ้าว ก็เกิดมีใครจำได้ไรงี้ไงนาย”
“ฉันไม่ใช่คนดังเว้ย ใครจะมาจำ”
“งั้นผมไม่เข้าไปได้มั้ย”
“ไม่ได้ ถ้าแกไม่เข้าไปฉันจะตัดเงินเดือนแกทั้งเดือน”
“โห..อำมหิต..” พิณหันไปพึมพำนินทา
“แกว่าอะไร”
“เปล่านะๆๆ ผมแค่บอกว่าสะกิดปุ๊บเข้าปั๊บเลยครับ”
“เสียงสูงเชียวนะ” การินหรี่ตา
“อะไร๊! สูงตรงไหนกันฮร๊ะ!” เจ้าพิณทำท่าดีดดิ้นแต่ก็ต้องกระโดดหลบบาทาเจ้านายเพราะสวนมาทันควัน
“เข้าไปได้แล้ว! พนักงานจ้องจนตาจะถลนแล้วว่าเราสองคนมายืนเงอะๆ งะๆ ทำหอกไรหน้าร้านอยู่ได้” การินเข่นเขี้ยวกระซิบเมื่อเห็นพนักงานสาวสวยในshopขายชุดว่ายน้ำและชุดชั้นในของผู้หญิงกำลังเดินออกมาต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับค่ะ ให้ดิฉันช่วยอะไรมั้ยคะ” พนักงานสาวพูดทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่น
“เอ่อ..ครับ ฮะฮะ..ผมอยากจะเลือกซื้อชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่ให้..เอ่อ..ให้..” การินชะงักไป
“ให้ใครคะ ดิฉันจะได้แนะนำถูกต้อง” พนักงานสาวยิ้มหวาน
“เอ่อ...ให้..ให้น้อง ให้น้องสาวน่ะครับ”
“อ๋อ..ยินดีค่ะ เชิญด้านในเลยค่ะมีแบบใหม่ๆ มาหลายแบบน่ารักๆ ทั้งนั้น น้องสาวอายุเท่าไหร่คะ” สาวญี่ปุ่นเดินนำหน้า การินฉุดพิณเดินตามเธอไป
“อายุ..19...มั้งครับ”
“งั้นด้านนี้เลยค่ะ สำหรับสาวๆ วัยรุ่นน่ารักทุกแบบ เชิญคุณลูกค้าเลือกชมก่อนค่ะ” พนักงานสาวผายมือไปที่บิกินี่หลายแบบหลายสไตล์สวยงามน่ารักแขวนเต็มไปหมด การินอ้าปากค้างไปชั่วขณะไม่นึกว่าแค่ชุดว่ายน้ำของผู้หญิงมันจะมีให้เลือกมากมายขนาดนี้ ส่วนเจ้าพิณโดนลากเข้าร้านมาด้วยแต่ทำเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้นั่งที่เก้าอี้รอควักโทรศัพท์มาเล่นเกมส์เฉย
การินกลั้นใจข่มความอายที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเลยที่จะเข้าร้านแบบนี้ แค่มีสาวๆ พยายามจะลากมาจ่ายเงินสำหรับบราสวยๆ แพงๆ เขาก็ได้แต่ให้เงินพวกเธอไปไม่เคยเหยียบเข้าร้านเลยสักครั้ง เขาแค่อยากเห็นคนที่ไม่เคยใส่บิกินี่มาก่อนจนโตเป็นสาวได้ใส่ให้เขาดูเป็นคนแรกถึงได้ยอมมาซื้อให้ด้วยตัวเอง
‘แล้วแบบไหนถึงจะดีวะเนี่ย’ การินคิดอย่างจนใจไม่รู้ว่าต้องเลือกยังไงถึงจะถูกใจ สงสัยต้องพึ่งน้องหน้าสวยอีกแล้ว
“เอ่อ..ผมไม่รู้จะเลือกแบบไหนถึงจะดี คุณช่วยเลือกให้หน่อยได้มั้ยครับ”
“ยินดีค่ะ งั้นดิฉันขออนุญาตถามข้อมูลคุณลูกค้านะคะ น้องสาวสูงเท่าไหร่คะ”
“ประมาณ161ซม.ครับ ”
“น้ำหนักเท่าไหร่คะ อกคัพอะไรพอทราบมั้ยคะ”
“ประมาณ 47 กิโลครับหุ่นดีมากๆ อกนี่...เอ่อ..ผมไม่ทราบว่าเรียกคัพอะไรแต่ไม่เล็กไม่ใหญ่อวบๆ พอดีมือ เอ๊ย! .ไม่ใช่ ขนาดปานกลางน่ะครับ” การินอธิบายแล้วก็นึกเห็นภาพร่างเปลือยเปล่าขาวผ่องของแม่น้องสาวขึ้นมาชัดเจนราวกับมองเห็นด้วยตาทีเดียว
“งั้นดิฉันขอแนะนำเป็นรุ่นนี้ค่ะ สำหรับสาวๆ ที่หุ่นดีรูปร่างกะทัดรัดมีอกพองามใส่แล้วสวยมากๆ ค่ะ” พนักงานคนสวยหยิบชุดบิกินี่แบบมีชายกระโปรงสั้นๆ สีน้ำเงินขลิบแดง ชิ้นบนเป็นบราแบบผูกคอผ่าอกลึกมีระบายนิดๆ ระหว่างอก อีกชุดเป็นแบบกางเกงชั้นในขาเว้าสูงผูกเชือกข้างสะโพกสีชมพูกุหลาบคู่กับบราแบบเกาะอกสีเดียวกันฝังเพชรเทียมระยิบระยับที่ห่วงคล้องหว่างอก และอีกสองสามชุดสีส้มพิมพ์ลายดอกสีเหลืองฟ้าเทาม่วง,สีดำสุดเซ็กซี่และสีขาวสะอาดมีผ้าโปร่งบางเป็นชายกระโปรง
การินละลานตาไปด้วยชุดผ้าน้อยชิ้นหลากสีหลายสไตล์ นึกจินตนาการว่ามันอยู่บนร่างงามแล้วคงจะสวยเซ็กซี่มากไม่ว่าจะสีอะไรแบบไหนก็ตาม พยายามจะเลือกชุดที่คิดว่าแม่น้องสาวจะถูกใจแต่ผ่านไปเกือบ 15 นาทียังเลือกไม่ได้จนนึกเกรงใจพนักงานที่ยืนยิ้มรออย่างสงบเงี่ยมเรียบร้อย
“เอาหมดนี่เลย” การินบอก
“ยินดีค่ะ ดิฉันจะห่อให้นะคะ “เธอยิ้มแย้มตอบ
การินต้องนึกชมในกิริยามารยาทของพนักงานขายที่ทำให้เขาไม่เก้อเขินจนเกินไปนัก เธอเรียบร้อยและมีท่าทีที่ใส่ใจบริการมากๆ ทำให้ผู้ชายที่เข้าร้านชุดชั้นในผู้หญิงแบบเขารู้สึกอายน้อยลง และส่วนใหญ่แล้วเท่าที่เขาไปใช้บริการตามสถานที่ต่างๆ มักจะเจอพนักงานสุภาพเรียบร้อยแทบทั้งนั้นซึ่งนับว่าการอบรมพนักงานของญี่ปุ่นเค้าดีจริงๆ ยืนรอพนักงานนำบัตรเครดิตไปจัดก*********นสายตาเหลือบไปเห็นชุดนอนเซ็กซี่แขวนเรียงเป็นตับราวถัดไปจากชุดว่ายน้ำ การินเหลือบตามองพิณเห็นยังเล่นเกมส์เอาเป็นเอาตายไม่เงยหน้ามองอะไรเขาเลยเดินไปดูชัดๆ ส่วนใหญ่เป็นชุดซีทรูลูกไม้มีระบาย, ปักเลื่อม, ดอกไม้น่ารักเซ็กซี่ทุกชุด
‘โอ้โห..ยังกะหนังAVแน่ะเว้ยเฮ้ย’ การินจินตนาการบรรเจิดอีก หันรีหันขวางเหลือบตามองพิณอีกทียังเห็นก้มหน้าอยู่ หันมามองราวหมู่มวลชุดลูกไม้ดูคร่าวๆ เห็นมีไซส์S, M, L คว้าไซส์Sรวดเดียวสามสี่ชุดไม่ได้เลือกรีบเดินไปส่งให้พนักงานสาวสวยคิดเงินเพิ่มที่เคาท์เตอร์ เธอยิ้มรับตามเคยจัดการคิดเงินสินค้าทั้งหมดพร้อมเดินมาโค้งคำนับส่งกันหน้าร้านเลยทีเดียว
“โอ้โห..สองถุงใหญ่ๆ พ่อเลี้ยงไม่เคยซื้อจริงๆ เหรอครับ” พิณรับถุงจากพนักงานสาวมาถือพลางกระเซ้าเจ้านาย
“หยุดปากมากแล้วรีบเดินเข้า อีกสามชั่วโมงต้องขึ้นเครื่องรีบกลับไปเอาของที่โรงแรมแล้วไปสนามบิน ฉันอยากจะกลับบ้านแล้ว”
“เอ...คิดถึงใครรึเปล่าน๊า....” พิณพูดแว่วๆ ลอยๆ
“เดี๋ยวเตะปากแตก เดินเร็วๆ!” การินแยกเขี้ยวขายาวๆ ก้าวเร็วนำหน้าไปไกล
“แหม! ..อะไรๆ ก็ขู่ๆ กลัวจุงเบย” เจ้าพิณตัวดีทำหน้าทะเล้นใส่
“ไอ้พิณ!!” การินหันขวับกลับมาเรียกเสียงเขียวราวกับได้ยิน
“โอ๊ย! ...คร้าบๆๆๆ ไปแล้วคร้าบบบ” ลูกน้องตัวดีวิ่งสับขาแทบไม่ทัน
“อ้าว..เจคกับคริสเตียนกลับมาพอดีเลยค่ะพ่อ หายไปไหนนานจังคะนี่จะบ่ายอยู่แล้ว ทานกลางวันกันมารึยังคะ” ครองขวัญร้องบอกบิดาที่เพิ่งอิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันเลิศรสฝีมือลูกสาวทั้งสอง พร้อมกันกับหันมาทักทายว่าที่เจ้าบ่าวกับเพื่อน
“ทานกันแล้วจ๊ะที่รัก พอดีผมกับคริสขี่จักรยานไปเรื่อยๆ วิวสวยมากมันหยุดไม่ได้เลย แวะชมวิวมั่งคุยกับชาวบ้านมั่งสนุกมากๆ มีแต่คนตื่นเต้นที่เห็นฝรั่ง เด็กๆ มายืนดูผมกับคริสกันใหญ่เลย ฮะฮะฮะ..” เจคหัวเราะร่า
“แดดไม่ร้อนหรอกเหรอคะนี่มันจะบ่ายแล้วนะ แล้วแวะทานอะไรที่ไหนกันคะ” พิมพ์กานต์หันมาถามคริสเตียน
“ไม่ร้อนเลยครับอากาศดีมาก อาหารกลางวันก็แวะกินกับชาวบ้านแถวๆ นั้น พวกเขาชวนน่ะครับ” คริสเตียนตอบยิ้มๆ
“ต๊าย! ..เก่งจัง กินข้าวกับชาวบ้านได้ด้วย กินอะไรกันมาคะ” ครองขวัญอุทาน
“ก็มีข้าว ไข่เจียว น้ำพริกอะไรไม่รู้เผ็ดๆ เค็มๆ สีแดงๆ ปลาตัวเล็กๆ ทอดอร่อยมากๆ ครับ ผมกินซะพุงกางเลย” คริสเตียนทำท่าตบพุงตัวเองให้ดู
“อ๋อ..น้ำพริกอ่องละมั้งคะป้าชื่นทำให้กินบ่อยๆ น้ำพริกนี่เผ็ดน้อยแล้วนะคะแต่ดูท่าจะอร่อยกันมากพุงยื่นกันมาเลยค่ะ ฮะฮะ..” พิมพ์กานต์อดหัวเราะไม่ได้
“ยังงั้นเลยเหรอsis แย่แล้วที่รักผมอยู่เมืองไทยไม่ได้แล้วผมอ้วนตายแน่ อาหารไทยอร่อยมากๆ ” เจคทำท่าโอดครวญ
“เดี๋ยวเถอะเจคอป! ไม่อยู่ก็ไม่แต่ง!” ครองขวัญขู่ฟ่อ
“โถๆๆๆ ที่รักจ๋า คุณอยู่ไหนผมก็ต้องอยู่นั่นแหละจ้า อ้วนก็ยอม” เจคออดอ้อนกอดเอวว่าที่เจ้าสาว
“แล้วไปถึงไหนกันมาล่ะสองหนุ่ม กลับมาซะป่านนี้” จรัสพงษ์ถาม
“ทีแรกก็กะจะปั่นเล่นๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า แต่พอปั่นไปเรื่อยๆ วิวมันสวยงามมากครับDad หยุดไม่ได้เลยปั่นไปเรื่อยๆ ขึ้นเขาลงเขาสนุกมากๆๆ ธรรมชาติสวยงามมากเมืองไทยนี่สวยจริงๆ พอน้ำดื่มหมดเลยขอเติมจากชาวบ้านแถวนั้นเขาเห็นผมสองคนพูดไทยได้ก็เลยชวนคุย จากเติมน้ำให้ก็ชวนกินข้าวด้วยเลยผมสองคนพุงกางเลย คนไทยใจดีจริงๆ อ้อ! .ขากลับผมย้อนไปอีกทางนึงป้าเขาบอกว่าทางไม่ค่อยดีแต่ดอกไม้สวยมาก ผมก็เลยไปตามทางนั้น พอขี่มาเรื่อยๆ ทางหายขรุขระกลายเป็นถนนลูกรังผมก็เจอบ้านอยู่หลังนึงสไตล์อังกฤษสวยน่ารักมากดอกไม้เต็มสวนไปหมดเลย ดอกกุหลาบเยอะมากๆ หลายสีด้วยแต่ทำไมอยู่หลังเดียวโดดเดี่ยวก็ไม่รู้” สิ้นคำพูดจากปากเจค ครองขวัญกับบิดาก็หันมาสบตากันอัตโนมัติ
“อ๋อ..เป็นบ้านของเศรษฐีที่กรุงเทพฯ น่ะ เขาสร้างไว้เป็นบ้านพักตากอากาศนานๆ จะมีคนมาพักสักทีน่ะ เห็นดอกไม้สวยๆ เค้าคงจ้างคนดูแลอย่างดีนั่นแหละ คุณกับคริสเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ อาบน้ำอาบท่าพักสักนิดดีกว่ามั้ย เดี๋ยวค่อยลงมาทานน้ำชากัน” ครองขวัญเปลี่ยนเรื่อง
“นั่นสิ..ดีเหมือนกัน ตัวผมเหม็นมากอาบน้ำก่อนดีกว่าว่าจะพักสักงีบด้วย บ่ายๆ เจอกันนะที่รัก”
“ผมก็ต้องขอตัวเหมือนกันครับ เหงื่อท่วมตัวเลย” คริสออกตัวไม่กล้ายืนคุยใกล้ๆ พิมพ์กานต์เกรงว่าเธอจะได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์
“ตามสบายๆ หนุ่มๆ พักผ่อนก่อนเถอะ” ว่าที่พ่อตาพยักเพยิด
เจคกับคริสเตียนหายขึ้นไปชั้นบนแล้ว พิมพ์กานต์จึงหันมาถามบิดา
“บ้านที่เจคพูดถึงบ้านคุณป้าดารินใช่มั้ยคะพ่อ”
“เอ่อ...ใช่ลูก รินปลูกบ้านให้แม่อยู่ ออกแบบสไตล์ที่แม่ชอบทุกอย่าง ดอกกุหลาบเต็มสวนนั่นรินก็สั่งจากต่างประเทศหลายประเทศมากๆ เพราะคุณดาชอบดอกกุหลาบมากมีแทบทุกสายพันธุ์”
“พิมพ์ไปเยี่ยมคุณป้าได้มั้ยคะ” พิมพ์กานต์ถามดื้อๆ
“ไม่ได้นะพิมพ์! ..พิมพ์จะไปทำไม ถ้าเกิดอะไรขึ้น...” ครองขวัญร้องห้าม นึกหวาดหวั่นเกรงจะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆ เหมือนในอดีต
“พิมพ์ว่าไม่หรอกนะคะพี่ขวัญ ตอนนี้พิมพ์โตแล้วต่อให้คุณป้าเคยเห็นพิมพ์ตอนเด็กๆ ตอนนี้คุณป้าก็ไม่น่าจะจำได้แล้ว นะคะพ่อ..พิมพ์อยากไปเยี่ยมคุณป้า พิมพ์อยากดูแลปรนนิบัติคุณป้าบ้าง ถ้าคุณป้ามีเพื่อนคุยคุณป้าอาจจะจำอะไรได้ขึ้นมาได้บ้างนะคะ เผื่อพิมพ์จะกระตุ้นอะไรท่านได้บ้างจะให้คุณป้าเป็นแบบนี้ไปจนตายเหรอคะ น่าสงสารทั้งคุณป้าทั้งพี่รินเลยนะคะ ยิ่งถ้าหากคุณป้าจำเรื่องราวได้หมดพิมพ์กับแม่จะยิ่งหลุดพ้นจากความเข้าใจผิดของพี่รินด้วยนะคะ”
“พิมพ์...พี่ว่าอย่าดีกว่า..” ครองขวัญหน้าซีดเป็นห่วงน้องสาวเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ
“. ........” จรัสพงษ์นั่งนิ่งครุ่นคิด
“นะคะ..พ่อ..ให้พิมพ์ไปนะคะ” พิมพ์กานต์เขย่าแขนบิดา
“ให้ลูกไปเถอะค่ะคุณ...” สุรีย์ที่นั่งเงียบๆ อยู่นานเอ่ยเบาๆ
“คุณ...” จรัสพงษ์หันมามองภรรยาผู้อ่อนโยนด้วยความแปลกใจ
“ให้ลูกไปเถอะค่ะ...อะไรๆ ที่เป็นปมมัดทุกๆ คนไว้อาจจะคลายออกก็ได้นะคะ”
“แต่คุณดา...เอ่อ..” ทนายวัยกลางคนกลืนน้ำลาย นึกถึงภาพตอนดารินอาการกำเริบก็ให้หวาดหวั่นในสวัสดิภาพของลูกสาวยิ่งนัก
“พิมพ์ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ พ่อแนะนำว่าพิมพ์เป็นหลานก็ได้นี่คะ พิมพ์ว่าคุณป้าจำพิมพ์ไม่ได้หรอกค่ะ”
“แต่พี่ไม่อยากให้พิมพ์ไป..” ครองขวัญยังไม่ยอม
“ไม่เป็นไรหรอกลูก..หนูขวัญ แม่เชื่อว่าเด็กดีมีกตเวทิตาอย่างพิมพ์ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้จ๊ะ ให้น้องไปเถอะ”
“เฮ่ออ....งั้นก็ไปกันให้หมดนี่เลย พิมพ์อบเค้กแล้วนี่เอาไปกินกับน้ำชาที่โน่นเลยละกันจะได้ชวนคุณดาจิบน้ำชายามบ่ายด้วยกัน”
“สุอยู่นี่ดีกว่าค่ะคุณ หน้าสุไม่ได้เปลี่ยนไปเหมือนเด็กๆ นะคะอย่าเสี่ยงดีกว่าค่ะ คุณไปกับลูกๆ เถอะ สองหนุ่มฝรั่งนั่นก็ยังนอนอยู่นี่ ถ้าเขาตื่นมากันสุจะได้ดูแลให้ค่ะ”
“อ้าว..ไหนคุณว่าคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่องไง”
“ฝรั่งนี่พูดภาษาไทยนี่คะพอจะคุยได้ค่ะ คุณรีบไปเถอะเดี๋ยวจะบ่ายมากเราต้องกลับกรุงเทพฯ กันอีกนะคะ”
“โอเคๆ ...งั้นไปกันเด็กๆ พ่อจะพาไปไหว้ป้าดารินเอง”
“พิมพ์ไปเดี๋ยวเดียวค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ พิมพ์ไม่เป็นไรค่ะ” พิมพ์กานต์กอดมารดา
“จ๊ะ..แม่เชื่อ ลูกแม่เป็นเด็กดีพระต้องคุ้มครองจ๊ะ”
พิมพ์กานต์หอมแก้มแม่แล้วเดินตามพ่อไปขึ้นรถ คำพูดที่ดูเหมือนหนักแน่นและแน่วแน่แต่จริงๆ แล้วพิมพ์กานต์ก็กลัวเหมือนกัน เธอไม่ได้กลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง แต่เธอกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อมารดาของการินต่างหาก เธอได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่เธอหวัง เธออยากช่วยให้ทุกๆ คนหลุดพ้นจากวังวนความแค้นที่เกาะกินจิตใจ อยากให้แม่ของเธอยิ้มได้เต็มที่ อยากให้พ่อกับพี่สาวหมดกังวลเรื่องของเธอ และอยากเห็นวันที่ชายที่เธอรักสามารถโอบกอดและกราบลงบนตักแม่ของเขาได้ เธอคงมีความสุขมาก…