จากไร่ชาและโรงงาน การินก็พาพิมพ์กานต์เข้าไปออฟฟิสในตัวเมืองเพื่อแนะนำตัวเธอให้เป็นที่รู้จักอีกที่นึง ออฟฟิสแห่งนี้ปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมอันทันสมัยสไตล์โมเดิร์น-ลอฟท์อยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ ซึ่งการินเห็นว่ากำลังเหมาะไม่ใหญ่โตเกินไปและไม่เล็กเกินไป จัดสัดส่วนแบ่งพื้นที่เป็นสำนักงาน ส่วนรับรองลูกค้า ลานจอดรถและสวนร่มรื่นทั่วทั้งบริเวณ ต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้โดยรอบสำนักงานสามารถมองเห็นได้ทุกๆ มุมจากภายในซึ่งการินตั้งใจให้เป็นจุดพักสายตาจากการทำงานและเป็นร่มเงากันความร้อน ตัวอาคารเป็นอาคารปูนเปลือย 3 ชั้นดูดิบๆและทันสมัย ระเบียงที่ออกแบบให้มีทุกชั้นอยู่ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ทำให้ดูโปร่งสบายและยังเป็นบริเวณพักผ่อนเวลาเหนื่อยล้าจากการทำงานของพนักงานได้เป็นอย่างดี
การินดูแลเอาใจใส่พนักงานทุกคนอย่างดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจเพื่อให้พวกเขาทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพ ทำให้พนักงานทุกคนต่างรักเคารพและชื่นชมนายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เป็นอย่างมาก รวมทั้ง วีรญา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดสาวสวยซึ่งทำงานมาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัท และหลงรักการินมาตลอดตั้งแต่แรกเห็น นอกจาก คุณกรทิพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผู้สูงวัยแล้วก็มีแต่เธอที่การินไว้วางใจในการฝากฝังเรื่องงานต่างๆ อยู่เสมอๆ และเธอยังเป็นพนักงานสาวคนเดียวที่การินพาออกไปพบลูกค้าด้วยกันบ่อยๆ แต่ก็ต้องเป็นตอนที่ คุณกรทิพย์ ไม่ว่าง ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดีใจว่าคนที่มีสิทธิไปเดินเคียงข้างการินนั้นเป็นเธอไม่ใช่เป็นพนักงานคนไหนก็ได้ เธอจึงมักทำท่าทางสนิทสนมกับการินออกนอกหน้าจนเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบกิริยาของเธอเท่าไหร่นัก
“คุณการิน วีกำลังจะไปที่ไร่พอดีเลยค่ะ” วีรญายิ้มกว้างดีอกดีใจที่เห็นนายหนุ่มเดินเข้าประตูห้องทำงานมารีบละมือจากงานบนโต๊ะเดินมาต้อนรับ
“ไม่เป็นไรคุณวี ไม่ต้องลุกมาหรอกทำงานต่อเถอะ จะไปที่ไร่ทำไมเหรอ” การินยกมือห้ามพลางถาม
“มีเอกสารจะให้คุณรินเซ็นค่ะ พอดีลูกค้าเพิ่งส่งสัญญาฉบับแก้ไขกลับมาให้เลยต้องให้คุณรินตรวจสอบและเซ็นรับทราบอีกครั้งค่ะ”
“คุณโทรบอกก็ได้นี่ผมจะให้คนมารับเอกสารเอง ไม่งั้นก็ให้แมสเซ็นเจอร์ไปส่งให้ก็ได้ไม่จำเป็นต้องลำบากไปเองหรอก” การินท้วงเสียงเรียบคิ้วขมวดเล็กน้อยด้วยความไม่ชอบใจ
วีรญาชอบไปที่ไร่โดยที่ไม่แจ้งเขาล่วงหน้าหรือถ้าแจ้งล่วงหน้าเธอก็มักจะขับรถออกมาแล้วทุกครั้ง ซึ่งเขาไม่ชอบที่เธอทำแบบนี้บ่อยๆ แต่ก็ไม่อยากจะหักหาญน้ำใจรุนแรงอะไรนัก เพราะถ้าจะนับกันเรื่องงานเธอก็ทำได้เรียบร้อยดีทุกอย่าง และทุกๆครั้งที่ไปเธอจะมีเรื่องงานไปด้วยทุกครั้งทำให้เขาไม่สามารถต่อว่าอะไรเธอได้เต็มปากนักได้แต่รักษาน้ำใจกันไว้ต่อไป
“ไม่เป็นไรหรอกค่า วียินดีไม่ได้ลำบากอะไรเลย” วีรญายิ้มหวานตาเป็นประกาย
“งั้นเอกสารอยู่ไหนผมเซ็นให้เลยแล้วกันคุณจะได้ไม่ต้องไปไร่ให้เสียเวลา” การินทวงถามดักคอ
“แหม..คุณรินจะรีบไปไหนเหรอคะ นั่งพักสักหน่อยก่อนก็ได้ค่ะ” วีรญายังไม่หยิบเอกสารที่ว่าออกมาให้
“ผมต้องไปอีกหลายที่ รบกวนเอาเอกสารออกมาเลยครับ” การินตอบหน้านิ่งๆ เลยทำให้วีรญาต้องหยิบเอกสารออกมา
“ได้ค่ะๆ นี่ค่ะเอกสาร” วีรญารีบหยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชักโต๊ะแบบเสียไม่ได้ อยากจะมีเวลากับนายหนุ่มนานๆ แต่ท่าทางของนายก็ไม่เป็นใจเสมอ เธอหน้าตาสะสวยดูแลตัวเองแต่งตัวสวยงาม การทำงานของเธอก็ดูจะเป็นที่พอใจของนายหนุ่ม กิริยามารยาทเข้าสังคมได้ไม่อายใครแต่ทำไมการินถึงไม่เคยแสดงความสนใจเธอแบบชู้สาวเลยสักนิด วีรญาคิดอย่างขัดใจ
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณวีมีอะไรจะให้ผมเซ็นอีกมั้ยครับ” การินส่งเอกสารที่เซ็นเรียบร้อยแล้วกลับคืนให้ลูกน้องสาว
“ตอนนี้ยังไม่มีค่ะคุณริน ว่าแต่คุณรินมีอะไรจะให้วีช่วยมั้ยคะถึงขึ้นมาถึงห้องวีเนี่ย วีนี่แย่จังลืมถามซะได้” วีรญาปรับสีหน้าระบายยิ้ม
“อ้อ..ไม่มีอะไรจะใช้คุณวีหรอก แค่จะแนะนำผู้ช่วยคนใหม่ของผมให้คุณวีรู้จักเท่านั้นเองเผื่อต่อๆไปจะต้องติดต่ออะไรกันจะได้รู้จักกันไว้ พิมพ์กานต์..เข้ามาสิ” การินหันไปเรียกพิมพ์กานต์ที่ยืนรออยู่นอกห้อง
“นี่คุณวีรญาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด นี่พิมพ์กานต์หลานอาจรัสพงษ์มาช่วยงานผม” การินแนะนำสองสาวให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ” พิมพ์กานต์ยกมือไหว้วีรญาที่ดูจะอายุมากกว่าเธอหลายปี
วีรญารับไหว้แต่ใบหน้าแต่งรอยยิ้มของเธอเปลี่ยนสีทันทีที่เห็นพิมพ์กานต์ หญิงสาวที่เห็นตรงหน้าเธอดูสดใสราวกับแสงแดดยามเช้า ใบหน้าไร้เมคอัพแดงระเรื่อจากการตระเวนไปกับการินมาหลายที่ยิ่งทำให้เธอดูน่ารักน่าใคร่ และถึงแม้เธอจะอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆก็ยังดูมีเสน่ห์ดึงดูดราวกับแม่เหล็กขนาดที่ผู้หญิงด้วยกันอย่างวีรญายังรู้สึก
“เอ่อ... ผู้ช่วยคุณการินเหรอคะ แล้วพิณละคะ?” วีรญาปรับริมฝีปากให้สร้างรอยยิ้มหวานอีกครั้งถามถึงผู้ช่วยคนสนิทคนเดิม
“พิณก็ยังอยู่แต่มีพิมพ์กานต์มาช่วยก็จะได้แบ่งเบากันไป ก็รู้จักกันไว้มีอะไรจะได้ติดต่อกันได้สะดวก”
“ยินดีที่รู้จักนะจ๊ะน้องพิมพ์ มีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้เลยนะจ๊ะพี่ยินดีจ๊ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่เนอะ” วีรญาบอกเสียงหวานริมฝีปากสีแดงสดกรีดรอยยิ้ม
“ขอบคุณค่ะพี่วี ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ แนะนำพิมพ์ด้วยนะคะ” พิมพ์กานต์ยกมือไหว้อีกครั้งรู้สึกอุ่นใจกับสีหน้าและท่าทางเอื้อเฟื้อของวีรญาโดยหารู้ไม่ว่าในใจของวีรญานั้นแทบจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ
“รู้จักกันแล้วนะ งั้นผมไปก่อนจะพาไปหาพี่ทิพย์ด้วย ไป..พิมพ์กานต์” การินสั่งเสียงเรียบโดยไม่รอคำตอบรับใดๆ จากใครแล้วเดินนำหน้าออกจากห้องวีรญาไป
“งั้นพิมพ์ลานะคะพี่วี สวัสดีค่ะ” พิมพ์กานต์รีบล่ำลาแล้ววิ่งตามชายหนุ่มออกไป
รอยยิ้มเมื่อครู่มลายหายไปจากใบหน้าฉาบสีสันของวีรญาหมดแล้ว เธอสังหรณ์ใจว่าเป้าหมายที่เธอหวังไว้ในชีวิตคงไม่สำเร็จง่ายๆ เมื่อมีนังเด็กน้อยน่ารักนั่นโผล่มา ความพยายามทั้งหมดของเธอคงจะสูญเปล่าถ้ายังปล่อยให้พิมพ์กานต์อยู่ข้างกายการินอยู่แบบนี้ ดูกิริยาที่เธอวิ่งตามเขาต้อยๆก็รู้แล้วว่าการินสั่งให้เกาะติดเขาขนาดไหน วีรญาไม่รู้ว่าลึกๆแล้วพิมพ์กานต์เป็นใครมาจากไหน อยู่ๆมารับหน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวการินได้ยังไงทั้งๆที่วีรญาเองพยายามทำความสนิทสนมกับเขาอย่างมากมาตลอดเธอยังเป็นได้แค่ พนักงานออฟฟิส ข่าวระแคะระคายจากไหนเธอก็ไม่เคยได้ยินเข้าหูว่าการินจะรับผู้ช่วยเพิ่มซึ่งถ้าเธอรู้จะเป็นเธอนั่นเองที่ขออาสาทำหน้าที่นั้น
‘อย่าได้หวังเชียวนะนังเด็กน้อย ทำงานได้ก็ทำไปแต่อย่ายุ่งกับคุณรินของฉันเชียว!’ วีรญาเข่นเขี้ยวอาฆาตไว้ในใจ มือกำหมัดแน่นมองตามหลังพิมพ์กานต์ไปจนลับตา
พิมพ์กานต์ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม เธอเดินทั้งวันจนปวดเมื่อยระบมไปทั้งตัว เสร็จจากโรงงานและไร่ชาการินก็พาไปออฟฟิสซึ่งอยู่ในตัวเมือง เขาบอกว่าออฟฟิสต้องอยู่ในเมืองเพื่อการติดต่อธุรกิจจะได้สะดวกและเพื่อต้อนรับลูกค้าที่นี่เป็นด่านแรก
ที่นี่มีห้องรับรองสำหรับลูกค้าเป็นหมู่คณะเพื่อรอรถจากไร่ชามารับและกลับมาส่งที่นี่อีกครั้ง พนักงานสาวๆ ที่นี่แต่งตัวสวยงามหน้าตาน่ารักอัธยาศัยดี แทบทุกคนมองการินด้วยแววตาชื่นชมปนหลงใหลเพราะนายหนุ่มทั้งรูปหล่อและร่ำรวยไม่ว่าใครก็หวังอยากเป็นคู่ควง หากแต่การินไม่เคยมองใครในลักษณะคู่รักเลยสักคน วันนี้เป็นวันแรกที่เขาพาผู้หญิงคนนึงมาแนะนำให้รู้จักว่าเป็น ผู้ช่วยคนใหม่ นอกเหนือจากพิณคนสนิทที่เป็นทั้งผู้ช่วย เลขาและผู้ติดตามอยู่แล้ว สาวๆ แทบทั้งออฟฟิสจ้องพิมพ์กานต์ตาวาวด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นใคร โดยเฉพาะ วีรญา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดสาวสวย วีรญาจ้องพิมพ์กานต์ไม่วางตาถึงจะมีรอยยิ้มให้เธอรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
นึกไม่ถึงว่าในอนาคต วีรญา คนนี้จะทำให้เธอแทบเสียผู้เสียคน
“พิมพ์กานต์” เสียงทุ้มๆ เรียกเธอจากประตูเชื่อมห้องดึงเธอออกจากภวังค์
“คะ? พี่ริน..” พิมพ์กานต์ลืมตารีบกระเด้งตัวลุกจากที่นอน
“พี่ขวัญโทรมาจะคุยกับเธอ” การินยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้
“พี่ขวัญเหรอคะ! ดีใจจัง!” พิมพ์กานต์รีบรับโทรศัพท์ไปด้วยความดีใจ
“พี่ขวัญ! พิมพ์เองค่ะ”
“หวัดดีจ๊ะน้องรัก เป็นไงมั่ง ลำบากมั้ย” ครองขวัญรีบถาม
“ไม่ค่ะไม่..พิมพ์ไม่ได้ลำบากอะไรค่ะ พิมพ์สบายดี พิมพ์คิดถึงพี่ขวัญจังค่ะ”
“พี่ก็คิดถึงพิมพ์ อีกไม่กี่เดือนพี่ก็จะกลับแล้วละ พี่ทำเรื่องย้ายที่ทำงานไปอยู่สาขาที่เมืองไทยแล้ว”
“จริงเหรอคะ! พิมพ์ดีใจจัง! พิมพ์จะได้เจอพี่ขวัญมั้ยคะ”
“เจอสิจ๊ะเด็กน้อย พี่กลับเมืองไทยต้องไปหาพิมพ์อยู่แล้ว พี่จะกลับไปพร้อมเจคด้วย” ครองขวัญพูดถึงแฟนหนุ่มเจ้าของบริษัทที่ทำงานอยู่
“เจคจะมาเที่ยวด้วยเหรอคะ”
“เปล่าจ๊ะ จะมาแต่งงานกับพี่น่ะ ฮะฮะ..”
“จริงเหรอคะ! พิมพ์ดีใจด้วยค่ะพี่ขวัญ” พิมพ์กานต์ยิ้มกว้างดีใจกับพี่สาวอย่างลืมตัว กิริยาน่ารักไร้จริตของเธอพาให้คนที่ยังยืนพิงอยู่ที่ประตูอมยิ้มไปด้วย
“จ๊า พี่ก็ดีใจเหมือนกันที่ในที่สุดเค้าก็ขอพี่แต่งงานซะที ฮะฮะฮะ.. ว่าแต่พิมพ์เถอะ..อยู่นั่นสบายดีมั้ย รินรังแกพิมพ์มั่งรึเปล่า” หางเสียงจริงจังของพี่สาวทำให้พิมพ์กานต์หน้าแดงขึ้นมาเฉยๆ เพราะคำว่า รังแก แปลได้หลายความหมาย
“เอ่อ..ปะ..เปล่าค่ะ ไม่มีค่ะ พี่รินดูแลพิมพ์ดีค่ะ” พิมพ์กานต์ตอบไม่เต็มเสียงชำเลืองตาดูที่ประตูเชื่อมก็เพิ่งเห็นว่าการินยังยืนอยู่
“จริงเหรอ?” ครองขวัญคาดคั้นเสียงเข้มด้วยความไม่เชื่อ เธอรู้จักการินดี
“จะ..จริงค่ะ พี่ขวัญ พี่รินไม่ได้ทำร้ายอะไรพิมพ์เลยค่ะแค่ให้พิมพ์ทำงานเท่านั้นเอง” พิมพ์กานต์ยิ่งอึกอักเพราะการินยืนจ้องเขม็ง
“รินอยู่แถวนั้นรึไง” ครองขวัญถามดักคอ
“เปล่าค่ะ พิมพ์..เอ่อ..อยู่ในห้อง”
“เอ้า! ..จะเชื่อก็ได้ พี่แค่เป็นห่วงกลัวว่ารินจะทำร้ายพิมพ์ แต่ถ้าพิมพ์ยืนยันว่าสบายดีพี่ก็ไม่ห่วง เท่าที่ฟังเสียงพิมพ์ดูพี่ก็ว่าพิมพ์คงไม่เป็นไร ยังไงซะพี่ก็จะกลับอีกไม่กี่เดือนนี่แล้ว ถ้านายรินทำอะไรพิมพ์พี่ก็ต้องรู้แน่นอน พี่เล่นงานเจ้ารินแน่ๆ พี่ไม่ยอมหรอกถ้ารังแกน้องสาวพี่”
“พี่รินไม่ได้ทำร้ายพิมพ์หรอกค่ะพี่ขวัญ พี่ขวัญสบายใจได้ พี่ขวัญกลับมาเร็วๆนะคะ พิมพ์คิดถึง”
“แน่นอนจ๊ะ เคลียร์เรื่องอะไรๆให้เรียบร้อยพี่ก็จะกลับแล้ว แล้วเจอกันนะน้องสาวของพี่ ส่งสายให้นายรินหน่อยสิ”
“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะพี่ขวัญ พี่รินคะ..พี่ขวัญจะพูดด้วยค่ะ” พิมพ์กานต์รับคำแล้วยื่นโทรศัพท์กลับไปให้การิน
“ครับ พี่ขวัญ..” การินรับสายแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
‘ขี้โกงจัง..ทีเราคุยตัวเองยืนฟัง ทีตัวเองคุยดันกลับไปคุยในห้อง ว๊าย! ...’ พิมพ์กานต์กำลังนึกค่อนขอดในใจอยู่ๆการินก็โผล่มาอีก ตกใจจนเอามือทาบอก
“เป็นอะไร? ..” การินขมวดคิ้วถามเมื่อเห็นท่าทางประหลาดๆของสาวน้อย
“เอ่อ..เปล่าค่ะ! ไม่มีอะไร” เธอรีบเอามือลงทำท่าทางปกติ
“พี่ขวัญห่วงเธอจังนะขู่ฉันซะยกใหญ่ คนรักเธอนี่มันเยอะจริงๆ มีแต่คนขู่ฉันทั้งๆที่เธอโตมาได้เรียนจบมาได้เพราะเงินของฉันแท้ๆ ”
“พี่ขวัญคงแค่ห่วงเฉยๆแหละค่ะพี่ริน ยังไงพี่ขวัญกับพี่รินก็โตมาด้วยกันคงไม่รักพิมพ์มากกว่าพี่รินหรอกค่ะ”
“ฮะฮะฮะฮะ! ....ปลอบใจซะด้วยแฮะ! เธอนี่ไร้เดียงสาจริงๆ รึเปล่าเนี่ย” การินหัวเราะคำปลอบใจแบบเด็กๆ ของพิมพ์กานต์ เขาแค่เดินเข้ามาใกล้เตียงนอนที่เธอกำลังนั่งอยู่ทำให้เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงเดินหนีไปนั่งที่โซฟามุมห้องอีกด้านนึงแทนซึ่งเขาก็เดินตามไปนั่งด้วยอยู่ดี
“ลุกมานั่งนี่ทำไมล่ะ กลัวฉันเหรอ” การินทิ้งตัวลงข้างๆ พิมพ์กานต์หน้าตาเฉย
“ปะ..เปล่าค่ะ” เธอกระถดตัวหนีไปอีก
“งั้นถอยไปทำไม” เขาแกล้งขยับเข้าชิด
“เอ่อ..พี่รินจะได้นั่งสบายๆไงคะ” พิมพ์กานต์เริ่มใจเต้นอีกแล้ว
“นั่งจะสบายได้ไง แบบนี้สิสบายกว่า” ขาดคำการินก็ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักสาวน้อยที่กำลังใจเต้นตูมตามอยู่ข้างๆ
“อุ๊ย! ...” พิมพ์กานต์อุทาน
“อืมม....สบายจริงๆด้วย โซฟานี่นอนสบายดีนะ เจ้าพิณเข้าใจเลือก” นายหนุ่มหลับตานึกถึงลูกน้องคนสนิทที่ตอนนี้ไปปฎิบัติภารกิจแทนเขาอยู่กรุงเทพฯ
พิมพ์กานต์นั่งนิ่งตัวแข็งไม่กล้าพูดไม่กล้าขยับ จนรู้สึกว่าเสียงลมหายใจของการินสม่ำเสมอจึงค่อยผ่อนคลายลง เธอหันมาพิจารณาใบหน้าที่อยู่บนตัก ผมหยักศกนิดๆยาวระต้นคอกระจายเต็มหน้าขาเธอ จมูกโด่งเป็นสันงาม ริมฝีปากหนามีรอยหยักขึ้นนิดๆตรงมุมปากทั้งสองข้าง คิ้วเข้มตัดกับผิวสีน้ำตาลอ่อน ดวงตามีเปลือกตาปิดสนิทไรขนตาบางๆทาบทับอยู่บนโหนกแก้ม แนวกรามแข็งแรงขึ้นเป็นสันแบบผู้ชายแท้ๆ
เธอไม่รู้ว่าจ้องมองอยู่นานเท่าไหร่รู้แต่ว่านานยังไงก็ไม่เบื่อ ใบหน้าหล่อเหลาบาดใจสาวๆกำลังนอนหนุนตักเธออยู่ เขาหลับอย่างสบายใจเหมือนไม่กังวลต่อสิ่งใดๆ พิมพ์กานต์ยกมือขึ้นอยากจะปัดปอยผมที่ระใบหน้าอยู่แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เธอนั่งนิ่งและมองหน้าเขาต่อไปแปลกใจที่ตัวเองไม่เคยแม้แต่จะมองหน้าผู้ชายคนไหนให้ชัดๆ ไม่เคยพินิจพิจารณาหูตาจมูกปากใครๆมาก่อนแต่กลับชอบที่จะจ้องมองใบหน้าของผู้ชายที่กำลังนอนหนุนตักเธออยู่ เขาเกลียดเธอไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมเธอไม่เกลียดเขา? เขาจ้องจะจองเวรกับเธอนะพิมพ์กานต์ ทำไมถึงยังไม่เกลียดเขาล่ะ? พิมพ์กานต์ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เธอสั่นหัวดิกๆแล้วเอามือตบแก้มตัวเองแปะๆแบบที่เธอชอบทำ
“ทำอะไรน่ะ ตบหน้าตัวเองทำไม” เสียงทุ้มๆถาม
“อุ๊ย! ..พี่ริน ตื่นแล้วเหรอคะ” พิมพ์กานต์ตกใจ
“ฉันแค่งีบนิดหน่อย สงสัยเพราะวันนี้มันร้อนมากเลยเพลีย นี่ฉันหลับไปนานรึเปล่าทำไมเธอไม่เรียกล่ะ เมื่อยมั้ย”
“เอ่อ..สัก15นาทีมั้งคะ พิมพ์ไม่เมื่อยหรอกค่ะโซฟานี่นิ่มมากนั่งสบายค่ะ” เชลยคนสวยตอบไปแต่ก็เริ่มตัวแข็งอีกแล้ว
“อืม..แพงหน่อยแต่ก็คุ้มนะ นั่งก็สบายนอนก็สบาย” การินยังนอนนิ่งไม่รู้ไม่ชี้
“เอ่อ...แต่...แต่ตอนนี้..พิมพ์ชักเมื่อยแล้วค่ะ” พิมพ์กานต์เริ่มทำท่าขยับตัวว่าเมื่อยขบ
“งั้นฉันกลับไปนอนที่ห้องดีกว่า” การินลุกขึ้นเหมือนเด็กว่าง่าย
‘เฮ่อ...’ พิมพ์กานต์ถอนหายใจโล่งอกลึกๆ
“แต่ก่อนไปนอน...ฉันต้องเก็บดอกเบี้ยจากเงินทุนของฉันซะก่อน” ขาดคำการินก็ดึงพิมพ์กานต์มานั่งบนตักเขาแทน เธอปลิวตามแรงฉุดเพราะไม่ได้ตั้งตัว
“พี่ริน! .. อื๊อ! ..” พิมพ์กานต์เรียกได้แค่ชื่อชายหนุ่มแต่ริมฝีปากร้อนผ่าวก็ประกบลงมาทันควัน
การินควานหาความหวานไปทั่วโพรงปาก มือใหญ่โน้มคอเชลยสาวแขนอีกข้างรัดรอบเอวคอด พิมพ์กานต์กระดิกกระเดี้ยอะไรไม่ได้เลย ร่างเธอชิดสนิทแนบกับอกแข็งแรงของนายหนุ่มจนรับรู้ถึงจังหวะการเต้นถี่ๆของหัวใจเขาได้ จูบวาบหวามเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้น การินจูบเธอแล้วจูบเธออีกเหมือนหิวกระหายจนเธอหายใจแทบไม่ทัน มือสองข้างเปลี่ยนมาจับเอวบางบีบแน่นด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านจนผิวขาวๆแดงจ้ำเป็นรอยนิ้วมือ
การินผละจากริมฝีปากหวานละมุนไปที่ซอกคอขาวผ่อง ปลายลิ้นแลบเลียร่องกระดูกไหปลาร้าไปจนถึงติ่งหู หญิงสาวในอ้อมกอดสั่นสะท้านอย่างรุนแรงแต่ก็ยิ่งทำให้เขาต้องระงับอารมณ์อย่างยิ่งยวด ความรู้สึกที่สาวน้อยแสดงออกทุกครั้งที่เขาจงใจใกล้ชิดเธอมันดูธรรมชาติเหมือนสาวบริสุทธิ์มากๆ ซึ่งเขาไม่เชื่อว่าเธอยังเวอร์จิ้นทั้งๆที่อยู่เมืองนอกมาเกือบสิบปี เขาต้องการแกล้งเธอให้เธอรู้สึกต้องการเขาให้เธอดูไร้ค่าไร้ศักดิ์ศรี แต่พอเขาทำแบบนี้ทีไรเขาเองที่รู้สึกเหมือนจะแพ้เธอทุกที
‘ไม่มีทาง! ..ฉันไม่เคยแพ้เกมส์รักให้กับผู้หญิงคนไหน กับเธอก็เช่นกัน!’ การินคำรามในใจ
ชายหนุ่มวนกลับไปที่กลีบปากนุ่มอีกครั้ง จูบเว้าวอนเร่าร้อนจนพิมพ์กานต์ต้องจิกเล็บลงที่ต้นแขนแข็งๆด้วยเพราะอารมณ์ที่กำลังทะยานสูงจนแทบคิดอะไรไม่ออก มือใหญ่ของการินสอดเข้าใต้เสื้อกอบกุมอกอิ่มนุ่มแน่นละมุนมือแม้จะมีบราขวางกั้นแต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันชูชันเต่งตึงน่าเคล้าคลึงเป็นที่สุด พิมพ์กานต์ยังมีสติพอเมื่อรู้สึกโดนรุกล้ำรีบเอามือมาจับแขนการินขืนไว้ให้เขาเอามือออกโดยอัตโนมัติแต่เขาหรือจะยอม การินคลึงเคล้าอกตึงอย่างพอใจจนอยากจะเห็นด้วยตาแค่สัมผัสยังไม่พอ เขาถอนริมฝีปากออกแล้วฝังจูบลงร่องกลางอกอิ่มที่สาปเสื้อถูกแหวกออก ปลายลิ้นร้อนๆ ไล้ไปตามเนินอกเม้มปากดูดด้วยความมันเขี้ยวจนมันเป็นรอยช้ำแดงก่ำ
“อ๊า! ..พี่ริน..” พิมพ์กานต์แหงนหน้าแอ่นร่างโค้งระบายเสียงเรียกชื่อเขายิ่งทำให้เขาอยากจะกินเธอทั้งตัวซะเดี๋ยวนี้ แต่นั่นไม่ใช่แผนที่เขาวางไว้
“อืม...เธอนี่แตะนิดเดียวละลายเป็นขึ้ผึ้งเชียวนะ เป็นแบบนี้กับผู้ชายทุกคนรึเปล่า” การินพูดเสียงเย็นขึ้นมาเฉยๆ
พิมพ์กานต์สติกลับคืนหน้าซีดปากสั่นกระโจนจากตัวการินซึ่งปล่อยมือจากร่างเธอแล้วไปนั่งซุกตัวอยู่บนโซฟาอีกฟากนึง สองมือดึงเสื้อที่เขาแหวกออกกลับมาที่เดิมแน่นน้ำตาปริ่มดวงตาด้วยความอับอายเหลือจะบรรยาย
“พิมพ์ไม่....” เธอยังพยายามอธิบาย
“ไม่? ..ไม่อะไร? ไม่เคยเหรอ? ฮะฮะฮะ!! ..เธอแทบจะลุกเป็นไฟขนาดนี้ยังบอกไม่เคย คิดว่าฉันจะเชื่องั้นสิ! ฉันไม่ได้โง่เหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านๆ มาของเธอหรอกนะ” การินพูดไปแบบนั้นแต่ก็รู้ตัวเองดีว่าคนที่จะลุกเป็นไฟนั้นคือเขาต่างหาก
“........” พิมพ์กานต์ก้มหน้านิ่งไม่ตอบอะไรอีกมีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินอาบแก้ม
“เธอก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ แต่ไม่ต้องกังวลไปนะว่าฉันจะรังเกียจ ฉันค่อนข้างเลือก แล้วฉันก็รู้สึกว่าเธอก็น่าสนใจเหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆมาของฉันนั่นแหละ เธอต้องอยู่ที่นี่และชดใช้ให้ฉันจนกว่าฉันจะพอใจ จนกว่าจะคุ้มค่าเงินและชีวิตพ่อแม่ที่สูญเสียไปของฉัน!” การินตะคอกใส่หน้าพิมพ์กานต์ที่นั่งกอดตัวเองจมอยู่บนโซฟาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกันแน่ รู้เพียงแต่ว่าเขาหงุดหงิดงุ่นง่านมากๆ ทุกครั้งที่เล่นเกมส์แบบนี้กับพิมพ์กานต์และเขาต่างหากที่ทำท่าจะเพี่ยงพล้ำทุกครั้งซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เขาโมโหจนพาลไปคิดถึงเรื่องความแค้นเดิมๆ
“......” พิมพ์กานต์กลั้นสะอื้นไว้จนเจ็บร้าวไปทั้งอก เธอเสียใจเหลือเกินที่การินมองเธอแบบนั้น เธอไม่เคยให้ชายใดแตะเนื้อต้องตัวดังเช่นเขาทำกับเธอมาก่อนเลย การินเป็นคนแรกที่ใกล้ชิดกับเธอแบบชู้สาวแต่ไม่ว่าเธอจะอธิบายยังไงเขาก็คงไม่ฟัง สัมผัสจากการินไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย เธอตอบสนองเขาโดยไม่รู้ตัวและเป็นไปตามธรรมชาติที่เธอไม่ได้ปรุงแต่ง แต่นั่นกลับทำให้เขารู้สึกว่าเธอผ่านเรื่องแบบนี้มามากมายแล้วสินะ
“พรุ่งนี้ปลุกฉันตี 5 เหมือนเดิม อย่าสาย” การินสั่งผู้ช่วยสาวที่ยังนั่งก้มหน้าสะอึกสะอื้นแบบไร้เสียง
ภาพที่เห็นทำให้ดวงตาเขาฉายแววอาทรแต่ก็แค่ชั่ววินาที จากนั้นเขาก็สะบัดหน้าเดินกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว
“โฮ! ~....” พิมพ์กานต์ปล่อยโฮร้องไห้อย่างสุดกลั้นเมื่อได้ยินเสียงประตูเชื่อมห้องปิดลง
เธอเพิ่งประจักษ์แก่ใจตอนนี้เองว่าเธอรัก พี่ริน ไปแล้ว
เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงทั้งๆ ที่เขาตั้งหน้าตั้งตาเคียดแค้นเธอตลอดเวลา ทั้งๆที่เขาล่วงเกินเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบหน้าเขา ทั้งๆที่มันเพิ่งผ่านมาแค่สองวันตั้งแต่เธอรู้จักเขา และทั้งๆที่เขายืนด่าว่าเธอและยืนยันว่าจะรังแกเธอต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ..เธอก็ยังรักเขา
หรือจะเป็นเพราะโชคชะตาเล่นตลกที่ทำให้คนที่เลี้ยงเธอมากล่อมเกลาให้เธอรู้จักแต่เขาในจินตนาการตลอดมาตั้งแต่เด็กจนโต จึงทำให้เธอไม่เคยมองผู้ชายคนไหนๆ ในสมองของเธอจะรู้จักแต่ คุณพี่ริน ตลอดเวลาเกือบสิบปี เหมือนเธอถูกเลี้ยงมาเพื่อ คุณพี่ริน เพียงคนเดียวหาใช่ชายอื่นหมื่นแสนในโลกนี้ไม่
‘ มันได้ผลแล้วค่ะพี่ขวัญ....พิมพ์รักพี่รินไปแล้ว รักทั้งๆ ที่เขาเกลียดเคียดแค้นพิมพ์ แล้วพิมพ์จะทำยังไงต่อไปดีคะพี่ขวัญ...พิมพ์ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปแล้วค่ะ. .’ พิมพ์กานต์ล้มตัวลงนอนบนโซฟาปล่อยน้ำตาให้ไหลรินจนผล็อยหลับไปพร้อมคราบน้ำตานองหน้า