“หนู” เสียงเรียกจากชายตัวสูงราวร้อยแปดสิบเซนติเมตร ใบหน้าขาวใสประหนึ่งเทพบุตรลงมาจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ผมสั้นเซตสไตล์เทรนนิยม ขนตาแพยาวกับริมฝีปากสีเชอรี่อ่อนแสนดูดีนั่นทำให้สายตาทุกคู่จดจ้องมาที่เขาได้ง่ายๆ และไอ้ลักษณะผู้ชายที่เอ่ยมาทั้งหมดนั่นก็คือ ‘พี่เซ้นส์’ แฟนหนุ่มผู้น่ารักของฉัน
นางเป็นผู้ชายสไตล์ติสต์นิดๆ มุ้งมิ้งหน่อยๆ บอยๆ อีกเล็กน้อย โดยรวมๆ แล้วเป็นคนหล่อ
“หกโมงเย็นแล้วอ่ะ พี่ต้องรีบกลับบ้าน”
“ทำไมอ่ะ พี่หลินรอเหรอ?” ฉันย่นคิ้วมองคนร่างสูงด้วยความสงสัย
‘พี่หลิน’ ที่ฉันว่า ไม่ใช่พี่สาวเขาหรอก แต่เป็นแม่ แม่ที่ไม่อยากจะแก่ก็เลยบังคับให้ลูกชายเรียกตัวเองว่าพี่ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจตรรกะนี้นัก แต่ก็ช่างเถอะ ต่อไปอาจต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน ฉันก็ควรจะเรียนรู้ธรรมเนียมบ้านพี่เซ้นส์เอาไว้
“เปล่า พี่ต้องรีบกลับไปให้อาหารแมว”
“โอ๊ย ให้อาหารแมว ใครๆ ก็ให้ได้มั้ง”
“ไม่ได้ อีลัคกี้มันเรื่องมาก”
ฉันขอขยายความอีลัคกี้ของอีพี่เซ้นส์หน่อยแล้วกัน มันคือแมวเหี้ยๆ ตัวนึงที่ชอบแย่งความรักของฉันจากพี่เซ้นส์ไป ฉันกับมันไม่ถูกกันเท่าไหร่ เจอกันทีไรต้องมีตาต่อตา ฟันต่อฟัน พุ่งเข้าใส่กันประหนึ่งสงครามโลกครั้งที่สาม มันข่วน ฉันดึง มันงับ ฉันตบ ซึ่งทุกทีที่ฉันทะเลาะกับมัน อีพี่เซ้นส์ก็จะเข้ามาหาว่าฉันทารุณกรรมสัตว์ ทั้งที่มันอ่ะเริ่มก่อน
มันเป็นแมวที่ตอแหลและน่าหมั่นไส้แค่ไหน คิดดู! เทฉันไปหาสาวยังไม่เสียใจเท่าเทฉันไปหาแมว
“แต่วันนี้วันเกิดหนูนะพี่เซ้นส์ พี่จะเทหนูไปหาแมวเนี่ยนะ”
“พี่ก็มาเที่ยวกับหนูละนี่ไง” พี่เซ้นส์ว่าแล้วมองหน้าด้วยสายตาเหมือนฉันกำลังงี่เง่า ไม่มีเหตุผล ทั้งที่จริงๆ เขานั่นแหละที่บ้า แมวตัวเดียว ใครจะให้อาหารมันก็ได้มั้ง มันก็แค่สะเออะอยากจะอ่อยพี่เซ้นส์เท่านั้นแหละ อย่าให้เผลอนะ ฉันจะวางยาเบื่อมัน
“โห มาแป๊ปเดียวเอง ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยเนี่ย” ฉันเบ้ปากด้วยความเซ็ง รู้สึกว่าฉันควรจะได้มากกว่านี้ พี่เซ้นส์เพิ่งอยู่กับฉันมาแค่สองชั่วโมง เดินรองเท้ายังไม่ทันสึก เหงื่อยังไม่ทันหยด เครื่องสำอางก็ยังอยู่บนหน้าครบ ฉันควรปล่อยให้เขากลับไปหาแมวเหรอ... ไม่!
“แล้วหนูอยากทำไร?” เขาอมยิ้มแล้วมองฉันด้วยท่าทีมีเลศนัย
“ไม่รู้แหละ พี่เห็นแมวสำคัญกว่าหนูอ่ะ เสียใจว่ะ” ฉันบ่ายเบี่ยงประเด็นที่ส่อแววเด็กและเยาวชนควรได้รับคำแนะนำในการอ่าน ก่อนที่พี่เซ้นส์จะรีบแก้ตัวอย่างเร็วไวและหักคอฉันด้วยคำตอบเวรๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
“เอาให้จริง”
“แต่มากกว่านั้นอ่ะ”
“พี่เคยตายปะวะ?” ฉันจิ๊จ๊ะ ก่อนที่พี่เซ้นส์จะไม่สนใจว่าฉันจะบ่นอะไรเขาบ้าง เขายังคงวอแวกับการมองนาฬิกาและทำท่ารีบร้อนจนฉันหงุดหงิด วันนี้วันเกิดฉันแท้ๆ แต่เค้กก็ยังไม่ได้กิน เพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ยังไม่ได้ฟัง เขาดันอยากกลับไปให้อาหารแมวที่บ้าน “พี่ก็เป็นอย่างนี้ตลอดอ่ะ เคยสนใจ ให้ความสำคัญบ้างปะ คนเป็นแฟนมันก็น้อยใจนะเว้ย รักแมวมากกว่าเมียอีกอ่ะ”
“เออ ขอโทษ พี่แค่กลัวแมวพี่หิวอ่ะ”
พอคนตัวสูงพูดจบ ฉันก็เสียสละเวลากลอกตาให้กับนางอย่างเซ็งจัด เผาผลาญคอลลาเจนบนหนังหน้าด้วยความเครียดเล็กๆ ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ
มีใครเคยบอกอีพี่เซ้นส์มั้ยวะ ว่าเหตุผลของเขามันบัดซบขั้นนรกมาก ถ้าจะบอกฉันแบบนี้ก็เงียบดีกว่าอ่ะ
ถ้าไม่พร้อมมีแฟน ก็อยู่โสดๆ แล้วไปใช้ชีวิตกับแมวนู่นไป๊! %$#@%@%^!
อันนี้ได้แต่พูดในใจว่ะ ถ้าฉันโวยใส่อีพี่เซ้นส์ บางทีเขาอาจจะด่ากลับจนฉันเงิบก็ได้ พี่เซ้นส์ยิ่งผีเข้าผีออก เดาทางอะไรไม่ได้อยู่
“ละหนูอ่ะ พี่ไม่กลัวหนูเฟลบ้างอ๋อวะ หนูก็มีหัวใจนะ พี่ช่วยเข้าใจอะไรง่ายๆ อย่าให้หนูต้องดราม่าเหมือนนางเอกละครได้มะ”
“ขอโทษ พี่นึกว่าหนูเป็นคนใจกว้าง และมีเหตุผลมากกว่านี้ แต่ตอนนี้พี่เข้าใจละ พี่จะพยายามนะ” พี่เซ้นส์พูดจาพร้อมใบหน้าสำนึกผิดแต่ฉันกลับรู้สึกทะแม่งๆ กับประโยคคำพูดของเขา ไม่รู้ทำไม เหมือนฉันกำลังโดนหลอกด่ายังไงก็ไม่ทราบ
“พี่ก็พูดอย่างนี้ตลอดอ่ะ พูดแล้วทำไม่ได้ก็อย่าพูด คนฟังมันเสียความรู้สึก” ฉันพูดไป หงุดหงิดไป เขาหน้าตาน่ารักมากก็จริง ผู้หญิงทั้งหลายอิจฉาฉันตาเป็นไฟที่ได้คบกับเขา หารู้ไม่ว่าเขาเป็นซะอย่างนี้ รู้งี้ฉันหาคนบ้านๆ ที่พร้อมดูแลเทคแคร์และเปย์ฉันดีกว่า มีความสุขกว่าต้องมานั่งบ่นปากเปียกปากแฉะกับคนหล่ออย่างอีพี่เซ้นส์ตั้งเยอะ
“ละจะให้พี่ทำไง”
เลิก... คำนี้พุ่งขึ้นมาในหัวฉันทันทีที่คิดได้ ฉันพยายามทบทวนเรื่องนี้อยู่หลายหน มองย้อนกลับไปในสมัยจีบกันใหม่ๆ อยู่ก็หลายที แต่นี่แหละ อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรา ถ้าฉันกับเขา เราคบกันนานกว่านี้ วันนึงฉันคงปรี๊ดแตกและฆ่าอีลัคกี้แมวที่รักของพี่เซ้นส์แน่ๆ
มันไม่ใช่แค่เรื่องแมว แต่พี่เซ้นส์เป็นผู้ชายที่ดีแต่หล่อ เรื่อยเปื่อย ไม่สนใจ ไม่อะไรกับชีวิตทั้งสิ้น ฉันจะกิน จะนอนยังไงก็ไม่ค่อยจะสน เป็นแฟนก็เหมือนไม่เป็น งั้นก็เลิกกันไปเลยดีกว่า ไม่รู้จะเสียเวลาคบทำไม ในเมื่อเขาไม่จริงจังอะไรกับฉันอ่ะ
“ไม่รู้อ่ะ ถ้าพี่จะกลับ พี่ต้องไปส่งหนูที่บ้านก่อน” ฉันว่าพร้อมกับคว้าแขนของพี่เซ้นส์เอาไว้แน่นพร้อมนัยน์ตาจริงจังและซีเรียส วันนี้บ้านฉันปลอดคน พ่อไปงานบวชอาปุ๋ยที่นครนายก แม่ไปงานแต่งเจ๊แมวที่นครศรีธรรมราช ส่วนฉัน...
สบายอีมิวแล้วทีนี้ ฉันหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มหัวเราะฮิฮิในมุมมืดที่พี่เซ้นส์มองไม่เห็น ก่อนจะค่อยๆ เหล่สายตาไปมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าขาวใสและรูปร่างได้สัดส่วน ทุกอย่างดูมีเสน่ห์ไปหมด ถ้าฉันปล่อยเขาไปเฉยๆ คงน่าเสียดายแย่
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก่อนเลิกคบ...
ขอหนูสักทีละกันนะพี่ สัญญาจะเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียน