รักมัมคนเดียว

3129 Words
คอนโดวิจัยในตอนเย็น ในตอนกลางวันวิจัยพาเด็กๆไปหามัมเม็งที่ห้องแล็บ เสร็จแล้วก็พาไปทานข้าวกับมนัสหลังจากทานข้าวเสร็จเธอได้พาเด็กๆไปเดินเล่นที่ห้าง โดยหนูน้อยทั้งสองคนยอมเดินจูงมือมัมวิเพื่อให้มัมวิได้เบาๆแรงนิดหน่อย ทั้งสามคนแม่ลูกซื้อของจนเหมื่อยวิจัยค่อยๆอุ้มเด็กๆกลับมาที่รถและพากลับคอนโดของเธอโดยไม่ได้พากลับมหาลัยอีกเลย และตอนนี้เถื่อน มาคัส เดินทางมาหาวิจัยที่คอนโดเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาทั้งสองคนเจอมนัสที่ลิฟต์ " มึงมาหาวิทำไมว่ะไอ้นัส" เถื่อนถามมนัสด้วยความไม่ชอบใจ มันทำให้เขาพาลคิดถึงตอนนี้เขาทะเลาะกับวิจัยตอนที่วิจัยท้อง ' วิท้องกับมันใช่ไหม?' เถื่อนถามน้องสาวอีกครั้ง หลังจากมนัสกลับบ้านไปแล้ว ' ไม่ใช่ค่ะ วิก็บอกไปแล้วว่าวิจำไม่ได้ วิเมา!' วิจัยยังปากแข็งเหมือนเดิม ' วิจัย ทำไม่ป้องกันคนที่มันไม่ยอมรับผิดชอบเรา หือ!' เถื่อนถามน้องสาวด้วยความโมโห แด๊ดเคและมัมเม็งเอาแต่มองนิ่งๆ เพราะพวกท่านไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่ายอมรับความจริงเรื่องที่เกิดขึ้น ' พี่เถื่อนควรดีใจนะคะที่ไม่มีน้องเขย พี่ไม่ชอบให้วิมีแฟนอยู่แล้วนี้' วิจัยเถียงเถื่อนออกมาด้วยเหตุผลที่เป็นจริง เพราะพี่ๆพยายามกีดกั้นเรื่องผู้ชายกับน้องๆมาตลอดเวลา ' พอๆหยุดคาดคั้นน้องได้แล้วตาเถื่อน ' แด๊ดเครีบพูดห้ามศึกในบ้าน เถื่อนหันไปมองหน้าแด๊ดเค มัมเม็งยิ้มให้ลูกชาย ' ใช่ลูก ไหนๆน้องก็ท้องแล้วนี้ พวกเราหยุดคาดคั้นน้องเถอะ ' มัมเม็งรีบห้ามลูกชายเช่นกัน พวกท่านเข้าใจทุกอย่างดี ถึงแม้จะคาดคั้นหรือถามวิจัยยังไง วิจัยก็จะไม่มีทาพูดออกมาแน่นอน เพราะวิจัยคือผู้หญิงที่ปากแข็งที่สุด ' ผมไม่เข้าใจว่ายัยวิจะปกป้องไอ้ผู้ชายคนนั้นทำไม มันควรตายคาตีนของพวกผม ข้อหาที่มันกล้าทำยัยวิท้อง' เถื่อนเค้นเสียงรอดไรฟันออกมาเยือกเย็น วิจัยขบกรามแน่นๆ พลางมองหน้าแด๊ดเค มัมเม็ง เถื่อน ' วิจะไม่ทำให้ใครต้องลำบากหรืออับอายหรอกค่ะ ลูกของวิๆพร้อมเลี้ยงเอง' วิจัยพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับเดินออกจากห้องรับไป เพื่อที่ห้องขอตัวเอง " ผมอยากมาเล่นกับหลานเลยซื้อชนมมาฝากหลานด้วย" มนัสตอบเถื่อนออกไป อย่างไม่คิดโกรธแค้นเถื่อนกับเรื่องที่ผ่านมา เพราะเถื่อนต่อว่าเขาสารพัด แต่โชคดีที่วิจัยค่อยห้ามหรือไม่ก็มัมเม็งห้าม " ขอบใจมึงมากนะ" เถื่อนกล่าวคำขอบใจมนัสอย่างไม่เต็มเสียง เพราะเขารู้ดีว่ามนัสพยายามเอาใจเด็กๆแต่ความพยายามของมนัสก็เหมือนสูญเปล่า เพราะเด็กๆไม่เล่าด้วย ขนาดเขากับมาคัสมาอาบน้ำให้มาเล่นด้วยเกือบทุกวันหลานๆยังไม่อยากเล่าาด้วยเลย " กูว่ามึงควรตัดใจจากน้องของกูได้แล้วนะไอ้นัส" มาคัสบอกมนัสไปตรงๆเพราะเขาไม่อยากให้มนัสถลำลึกไปมากกว่านี้ อีกอย่าทางบ้านของมนัสไม่น่าจะรับผู้หญิงลูกติดอย่างวิจัยได้ เพราะครอบครัวของมนัสนั้นมีหน้าตาทางสังคมออกงานบ่อยๆ " ผมกับวิเป็นเพื่อนกันครับ" มนัสตอบมาคัส เพราะถึง.เขาจะคิดไปไกลมากแค่ไหน แต่คงเป็นไปไม่ได้ นี้เขาไม่มีเนื้อคู่อย่างคนอื่นเหรอ เราใครเขาก็มีแฟนหมด พอจะรักสาวแว่นใหญ่เธอดันมีลูกซะงั้น เขาไม่ได้รังเกียจลูกของเธอเลย แต่ครอบครัวฝ่ายพ่อของเขาคงรับไม่ได้แน่ๆ ส่วนมากของเขาท่านคงจะเข้าใจกับเรื่องนี้ เพราะท่านนั้นไม่ต่างจากเขาเลย " เพื่อน !" เถื่อนถามสั้นๆ เพราะสายตาของมนัสที่มองวิจัยมันไม่ใช่ เขาหรือใครๆก็มองออก แต่ที่มนัสผ่านไม่ได้คือเด็กๆเท่านั้น เพราะเด็กๆไม่เปิดรับใครและไม่อยากรู้จักใครเลย " ครับ " มนัสตอบสั้น " อืม แต่กูเตือนมึงไว้เลยนะ มึงควรมองหาคนใหม่ที่ดีกว่าน้องกูซะ " เถื่อนตอบสั้นๆในลำคอก่อนจะบอกมนัสด้วยความหวังดี เพราะเขาจำมนัสได้ว่ามนัสคือคนที่มัมมัสแนะนำให้ฝากรักรู้จักแต่ก็ฝันสลาย ต่อมาก็ซีลันดา และสุดท้ายวิจัย แต่ก็ดับฝันอีกครั้ง " ครับ " มนัสตอบสั้นๆ เพราะเขาก็เข้าใจสองคนเหมือนกันที่เตือนไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือไม่ชอบเขาแต่เพราะหวังดีต่างหาก " ผู้หญิงเหมาะกับนายก็มี " มาคัสพูดออกมา " ผมคงจะไม่สนใจใครแล้วละครับ ผมขออยู่คนเดียวมีวิเป็นเพื่อนก็พอครับ" มนัสบอกกับสองคนพี่ชายของวิจัย เพราะเขาคิดว่าความรักมันไม่เหมาะสมกับเขาเลย ไม่แน่ๆเขาอาจบวชไม่สึกเลยก็เป็นได้ เบื่อทางโลกเมื่อไหร่แล้ว ติ่ง! เสียงสัญญาณประตูลิฟต์ พร้อมกับเปิดออกกว้างๆ ทั้งสามหนุ่มเดินไปยังประตูหน้าห้องของวิจัย ติ่งหน่องๆๆ มาคัสกดกริ่งหน้าห้อง ทั้งสามหนุ่มรอสักพักประตูก็เปิดออก วิจัยยืนยิ้มให้ทั้งสามหนุ่ม พร้อมเดินหมุนตัวเดินนำหน้าไปในห้อง โดยเธอไม่พูดอะไรเลย " แด๊ดเถื่อน แด๊ดมาร์ ลุงนัส" เสียงสดใสของหนูน้อยทั้งสองคนที่ทักทายเป็นประจำ เถื่อน มาคัสมองหน้าหลานๆแล้วยิ้ม ทั้งสองหนุ่มนั่งย่องๆลงเพื่อรับร่างป้อมให้วิ่งเข้ามาหา หนูน้อยวาร์เนอร์และวาร์เลย์มองหน้ากัน พลางเดินไปกอดเถื่อนและมาคัส " ลุงซื้อขนมมาฝากครับ" มนัสบอกกับเด็กๆที่กอดเถื่อนและมาคัสอยู่ " ขอบคุณครับ/ค่ะ ลุงนัส" หนูน้อยทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกันเหมือนหน้าที่ มนัสมองหน้าเด็กๆแล้วยิ้ม " มัมครับ ผมไปอาบน้ำกับแด๊ดก่อนนะครับ" หนูน้อยวาร์เนอร์บอกดับมัมวิที่ยืนอยู่ในครัวทำอาหารอยู่ " จ้า " วิจัยขานรับ หนูน้อยวาร์เลย์เดินเข้าไปในครัวหามัมวิทันที โดยไม่สนใจมาคัสและมนัสอีก เถื่อนอุ้มหลานชายขึ้นมาพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของน้องสาว " แด๊ดเถื่อนครับ" หนูน้อยวาร์เนอร์เรียกเถื่อน " ครับ" เถื่อนขานรับ พลางเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหลานชาย " ผมลืมนาฬิกาครับแด๊ด" หนูน้อยวาร์เนอร์บอกเถื่อนทันที เถื่อนมองไปที่โต๊ะเล็กที่มีนาฬิกาทรายสามขนาดวางเรียงกันอยู่ เขาอมยิ้มและเดินตรงไปที่โต๊ะเล็กทันที เถื่อนหยิบนาฬิกาทรายขนาดเล็ก 15 นาทีขึ้นมาให้หลานชาย " คริๆๆๆๆ ขอบคุณครับแด๊ด" หนูน้อยวาร์เนอร์หัวเราะคิกคักชอบใจ พลางกล่าวคำขอบคุณเถื่อนๆยิ้มเอ็นดูหลานชาย เพราะเป็นแบบนี้ประจำ เขาและมาคัสได้มีเวลากับหลานชายแค่ 15 นาที เท่านั้น และเสื้อผ้าของเขาและมาคัสอยู่ที่ห้องถัดไปสิบชุดเอาไว้เพื่อเปลี่ยนเวลาอาบน้ำด้วยกันเสร็จ " หึหึ ได้เวลาอาบน้ำแล้ว" เถื่อนหัวเราะในใลำคอพลางพูดออกมาเสียงอ่อนโยน และเดินพาหลานเข้าไปในห้องน้ำ ห้องครัว วิจัยทำอาหารเย็นเงียบๆมาคัสและมนัสมองแล้วก็สงสัย แต่พูดอะไรไม่ได้ เพราะวิจัยขอร้องไม่ให้พูดซ้ำบ่อยๆ ' วิทำได้ค่ะ' คำพูดของวิจัย ตลอดสามปี ส่วนหนูน้อยวาร์เลย์นั่งเงียบๆรอมัมวิอยู่บนโต๊ะ มือป้อมๆจิ้มหน้าจอแท็บเล็ตตลอดเวลาเพื่อเล่นเกมส์ของเด็ก " วิเหนื่อยไหม" มนัสถามน้ำเสียงเป็นห่วงแบบนี้ตลอดเวลา มาคัสมองหน้าหลานสาวแล้วยิ้มเอ็นดู ใบหน้าจิ้มเวลาเล่นเกมส์ดูจริงจังมากๆ " ไม่" วิจัยตอบสั้นๆ เธอตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเหคทุกครั้ง เพราะถ้าเธอตอบเหนื่อยนั้นจะทำให้คนอื่นเป็นห่วงและเห็นใจเธอ ซึ่งแบบนั้นเธอไม่ต้องการมัน " อาเม็งอยากให้วิกับหลานย้ายกลับไปอยู่บ้านด้วยนะ" มาคัสบอกกับวิจัย " วิสะดวกแบบนี้ค่ะ" วิจัยตอบทันควัน มาคัสถอนหายใจแรงๆ พลางมองหน้าหลานสาว วิจัยล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพร้อมกับหยิบกล่องกลมออกมา เธอถอดถุงมือทำอาหารทิ้งและใช้ลิ้นเข้าไปใต้เหงือกเพื่อล้วงบางอย่างออกมาคาทิ้งลงอ่างล้างจาน เสร็จแล้วเธอหยิบอันใหม่มาวางบนลิ้นและยัดขึ้นไปใต้เหงือกแทนที่อันเก่าที่ไร้รสชาติแล้ว เสร็จแล้วเธอยัดกล่องกลมๆเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง เธอยื่นมือไปหยิบถุงมืออันมามาสวมใส่และทำอาหารต่อ " วิ! นี้น้องเหน็บสนูสเหรอ!" มาคัสถามน้องสาวเสียงเข้ม " ค่ะ" วิจัยตอบสั้นๆไม่ได้ใส่ใจอะไร มนัสมองด้วยความสงสัยและแปลกใจ เพราะเขาไม่รู้จักว่าไอ้ที่วิจัยเหน็บมันคืออะไร " ทำไมน้องเหน็บมัน น้องกลุ้มใจอะไรบอกพี่มาสิ" มาคัสถามวิจัยด้วยความเป็นห่วง วิจัยปลายตามองมาคัสพลางยิ้มที่มุมปาก " ไม่มีค่ะ แค่อยากเหน็บเฉยๆ" วิจัยตอบมาคัสแบบซิวๆไม่ซีเรียส เพราะมันคือชีวิตของเธอ ใครหน้าไหนก็ห้ามเธอไม่ได้ " วิซื้อมาจากไหน ใครนำเข้ามา" มาคัสถามด้วยความสงสัย " พี่มาร์ค่ะ วิโตแล้วนะคะ พี่กับพี่เถื่อนอย่าข้ามเส้นวิมากเกินไป" วิจัยพูดเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นจริงจังมากๆ เธอยืนหันหลังตั้งใจทำอาหารให้ใจร่มๆ มาคัสมองน้องสาวด้วยสความเป็นห่วง " แต่นั้นมันไม่ดีนะวิ " มาคัสเตือนน้องสาวด้วยความหวังดี มนัสนั่งฟังเงียบเพราะเขาเคยเห็นวิจัยทำแบบนี้บ่อยๆ แต่เขาไม่ได้ถามอะไรเธอเพราะมันจะเกินคำว่าเพื่อนเกินไป " แด๊ดมาร์ทำไมพูดเสียงดังจังคะ?" เสียงหนูน้อยวาร์เลย์ที่สายตาจ้องหน้าจอแท็บเล็ตได้พูดขึ้นมาขัดอารมณ์ของมาคัสเอาไว้ วิจัยยิ้มที่มุมปากสะใจเพราะการกระทำของมาคัสจะทำให้ลูกสาวของเธอสร้างกำแพงให้หนาขึ้นกว่าเดิม มาคัสมองหน้าหลานสาว พลางยื่นมือไปลูบที่หัวของหลานสาว " แด๊ดขอโทษครับ " มาคัสพูดขอโทษหลานสาว เพราะเขารู้ดีว่าไม่ควรพูดเสียงดังต่อหน้าของหลาน เพราะเป็นตัวอย่างไม่ดีและทำให้หลานสาวกลัวไม่กล้าเข้าใกล้เขา " แด๊ดมาร์กับแด๊ดเถื่อนชอบว่ามัมของน้องเลย์ " หนูน้อยวาร์เลย์ที่ไม่ได้มองหน้ามาคัสเลยพูดออกมาเสียงสดใสเพื่อให้มาคัสได้ยินชัดๆ มาคัสจุกและอึ้ง วิจัยแสยะยิ้มร้ายสะใจมากๆ " แด๊ดมาร์ขอโทษครับ น้องเลย์ไม่โกรธแด๊ดนะครับ" มาคัสพยายามพูดน้ำเสียงอ่อนโยนสุดๆเพื่อไม่ให้หลานสาวโกรธมากกว่านี้ มนัสถึงกับจุกไปตามๆกับคำพูดของหนูน้อยวาร์เลย์เหมือนกัน " มัมขาน้องเลย์หิวข้าวแล้วค่ะ" หนูน้อยวาร์เลย์บอกวิจัย โดยที่หนูน้อยไม่ได้สนใจมองหน้ามาคัสเลย วิจัยหันหน้ามายิ้มให้ลูกสาว พร้อมกับวางอาหารสามอย่างลงบนโต๊ะ มาคัสก้มลงมองแล้วยิ้ม มันคือของโปรดของทุกคนในบ้าน " มัมครับ" เสียงสดใสของหนูน้อยวาร์เนอร์ดังมาจากทางเข้าครัว วิจัยหันไปมองพร้อมกับลูกชายแต่งตัวหล่อเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ผมหวีเรียบแป้ วิจัยยิ้มเอ็นดูพร้อมกับเดินไปอุ้มลูกชายขึ้นมาและพาไปนั่งที่โต๊ะประจำของตัวเอง " พี่มาร์ พี่เถื่อน พี่นัส ทานข้าวด้วยกันนะคะ" วิจัยเอ่ยชวนสามหนุ่ม " อืม" เถื่อนตอบแทนทุกคน ทุกคนนั่งทานอาหารค่ำอย่างเงียบๆ โดยมาคัสตักอาหารให้หลานสาว แต่หนูน้อยวาร์เลย์ไม่กินเหมือนเดิม พอหันไปตักหลานชายๆก็เขี่ยทิ้ง ทั้งเถื่อนและมาคัสได้แต่ถอนหายใจเบาๆเพราะไม่รู้จะทำยังไงถึงจะได้ชนะใจหลานๆได้ ทั้งสามหนุ่มออกจากห้องของวิจัยไปได้สักพักใหญ่ๆ โดยวิจัยได้ไปอาบน้ำกับหนูน้อยวาร์เลย์ โดยหนูน้อยวาร์เนอร์รอนั่งที่เตียงเล่นเกมส์ของเก็ตส์เนอร์ที่สร้างมาเพื่อเด็กๆผู้ชายวัย 10 ขวบ แต่หนูน้อยวาร์เนอร์เล่นได้โดยไม่ได้คิดอะไรมาก ครืดๆๆๆ เสียงหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ของมัมวิดังขึ้น หนูน้อยวาร์เนอร์หันไปมองที่หน้าจอโทรศัพท์มัมวิ หนูน้อยวาร์เนอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะผู้ชายในรูปเขาไม่รู้จักเลย มือป้อมๆยื่นไปกดตัดทิ้งทันทีอย่างไม่สนใจ ครืดๆๆๆ เสียงดังอีกครั้ง หนูน้อยวาร์เนอร์มองหน้าจอนิ่งๆ เพราะยังเป็นคนเดิมโทรมา หนูน้อยวาร์เนอร์ถอนหายใจแรงๆ เพราะหนูน้อยไม่ชอบขี้หน้าผู้ชายในรูปเลย นิ้วป้อมๆยื่นไปกดตัดสายทิ้งอีกครั้งทันที " คริๆๆๆๆ" หนูน้อยวาร์เนอร์หัวเราะคิกคักด้วยความสะใจ ครืดๆๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง นิ้วป้อมๆจัดการกดทิ้งอีกครั้ง " คริๆๆๆๆๆ" หนูน้อยวาร์เนอร์หัวเราะคิกคักสะใจ พลางจ้องมองโทรศัพท์เพราะอยากรู้ว่าปลายสายจะโทรมาหรือเปล่า และก็จริงปลายสายโทรมา นิ้วป้อมๆกดทิ้งอีกครั้งๆและอีกครั้งๆๆๆๆๆๆ จนโทรศัพท์เงียบไปจริงๆ " หึหึ" หนูน้อยวาร์เนอร์หัวเราะในลำคอ แววตาว่างเปล่า " น้องเนอร์หัวเราะอะไรลูก" วิจัยถามลูกชายพลางเดินออกมาจากห้องน้ำกับหนูน้อยวาร์เลย์ เพราะเธออยู่ในห้องน้ำ เธอได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักสนุกคนเดียว " คนบ้าโทรมาครับมัม" หนูน้อยวาร์เนอร์ตอบมัมวิตรงๆ เพราะเขาไม่เคยเห็นใคาจะตื้อได้หน้ามึนขนาดนี้ โทรมาหลายต่อหลายครั้ง หนูน้อยกดสายทิ้งหลายต่อหลายรอบยิังโทรมาอีก วิจัยมองโทรศัพท์ด้วยความสงสัย ครืดๆๆๆเสียงโทรศัพท์ของวิจัยดังขึ้นอีกครั้ง หนูน้อยวาร์เนอร์และวาร์เลย์มองพร้อมๆกัน วิจัยเดินไปมองหน้าจอ ' เก็ตส์เนอร์' เธอพลางคิดในใจ แต่นิ้วป้อมๆของลูกชายดันกดตัดสายอีกครั้ง วิจัยอ้าปากค้าง " ผมไม่ชอบผู้ชายคนนี้ครับมัม!" หนูน้อยวาร์เนอร์พูดเสียงเข้ม ใบหน้าจิ้มลิ้มที่เหมือนเก็ตส์เนอร์ได้แสดงออกให้มัมวิเห็นว่าอย่างแรง วิจัยยิ้มเอ็นดู บ้านแด๊ดแกร เก็ตส์เนอร์ยืนจ้องมองโทรศัพท์นิ่งๆ เขาแปลกที่มากๆที่เขาโทรไปหาวิจัยหลายต่อหลายครั้งแต่วิจัยตัดสายทิ้ง วันนี้เขาเข้าไปที่มหาลัยวันนี้ไม่เจอวิจัยเลย " วิเป็นอะไรหรือเปล่า" เก็ตส์เนอร์ถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วงมากๆ เขาเดินไปที่บ้านของแด๊ดเค " อ้าวไอ้เ..ี้ยเนอร์" เสียงเถื่อนเรียกเก็ตส์เนอร์ที่กำลังจะเดินเข้าไปในบ้านของเขา มาคัสมองหน้าเก็ตส์เนอร์นิ่งๆ เถื่อนมองหน้าเก็ตส์เนอร์แล้วยิ่งไม่ชอบอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันเหมือนเขากำลังมองหน้าหลานชายเลย " อืม กูเองไอ้พวกสา" เก็ตส์เนอร์เอ่ยปากทักทายเถื่อนและมาคัส " วิอยู่ไหนว่ะ" เก็ตส์เนอร์ถามด้วยความสงสัย เข้ามาเข้าไปในบ้าน เถื่อนขบกรามแน่นๆ เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มันคันไม้คันมืออยากกระทืบเก็ตส์เนอร์มากๆ " วิไม่อยู่ที่นี่หรอกตาเนอร์" เสียงแด๊ดเคดังมาจากทางด้านหลังของเถื่อนและมาคัส เก็ตส์เนอร์เงยหน้าไปมองทันที " วิอยู่ไหนครับอาเค" เก็ตส์เนอร์ถามด้วยความสงสัย " วิอยู่คอนโดนะ " มัมเม็งบอกกับเก็ตส์เนอร์ ทั้งแด๊ดเคและมัมเม็งมองหน้าเก็ตส์เนอร์และหันมามองหน้ากัน เพราะพวกท่านกำลังใช้ความคิดบางอย่างคือเก็ตส์เนอร์หน้าตาเหมือนใครบางคน " คอนโดเหรอครับ" เก็ตส์เนอร์ถามเสียงแผ่วเบา เพราะวันนี้เขาก็แวะไปคอนโดของวิจัยด้วยแต่ไม่เจอ เธอไม่ได้อยู่คอนโดเลย " ผมขอที่อยู่ได้ไหมครับ" เก็ตส์เนอร์ถามแด๊ดเคและมัมเม็ง เถื่อนและมาคัสมองหน้ากัน เพราะพวกเขาสองคนพึ่งมาจากวิจัย " ได้สิ" แด๊ดเคตอบ เก็ตส์เนอร์วิ่งเดินเข้าไปหาแด๊ดเคและมัมเม็ง เถื่อนและมาคัสมองหน้ากัน " แม่งเหมือนยังกับแกะ" ทั้งสองหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับ เก็ตส์เนอร์ได้ที่อยู่คอนโดของวิจัยแล้ว เขารีบเดินจากไปทันที แด๊ดเคและมัมเม็งมองตามหลังพลางรู้สึกสับสนอย่างบอกไม่ถูก ' วิคุยกับเนอร์บ่อย เด็กๆเลยหน้าเหมือนเนอร์มั้งค่ะ' คำพูดของวิจัยผุดขึ้นในหัวของท่านทั้งสองคน คอนโดของวิจัย ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง เก็ตส์เนอร์ยืนอยู่หน้าห้องของวิจัย ทั้งชั้นมีสองห้องเท่านั้น และห้องตรงข้ามคือห้องของซีคริสนั้นเอง ติ่งหน่องๆๆ เสียงกริ่งหน้าห้องของวิจัย เก็ตส์เนอร์ยืนนิ่งๆอย่างใจจดใจจ่อ " วิเปิดสิวิ" เก็ตส์เนอร์พูดพึมพำคนเดียวหน้าห้องของวิจัย ติ่งหน่องๆๆๆ เขากดกริ่งหน้าห้องอีกครั้ง เก็ตส์เนอร์ยืนนิ่งๆเขาได้ยินเสียงปลดล็อคประตูด้านใน ประตูห้องเปิดออกกว้างๆ วิจัยยืนทำหน้านิ่งๆ มองหน้าเก็ตส์เนอร์ด้วยสายตาว่างเปล่า " วิ" เก็ตส์เนอร์เรียกชื่อวิจัยทันที " มัมครับ/ ขา ใครมาเหรอคะ" เสียงสดใสของเด็กๆดังมาจากด้านหลังของวิจัย เก็ตส์เนอร์ที่มองหน้าวิจัยเขาก้มลงไปมองตามเสียงที่อยู่ด้านล่างทันที คนบ้าที่ไหนลูก ???
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD