"คุณหนูตื่นเถิดเจ้าค่ะ" เสียงของใครสักดังแว่วเข้ามาในหูของฉัน
"อือ...แป๊บนะแม่ข้าวยังง่วงอยู่เลย"ฉันตอบเสียงนั้นไปอย่างงัวเงียพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้า ทำไมแม่ฉันเสียงดูสาวจัง?
"คุณหนูเจ้าคะ ตื่นขึ้นมาล้างหน้าเถิดเจ้าค่ะข้าเตรียมน้ำไว้ให้ท่านแล้ว" แม่ฉันยังพูดต่อ แม่นี่นึกสนุกอะไรถึงมาเรียกฉันว่าคุณหนูนะเนี่ย แต่เดี๋ยวนะ…คุณหนู?....
"เฮือก!!!" ฉันรีบดีดตัวลุกจากที่นอนแล้วมองไปรอบๆ ทันที นี่ฉันไม่ได้ฝันไปหรอ? ฉันยังอยู่ที่นี่อยู่ ม่ายยยยย ฉันนึกว่ามันเป็นความฝันซะอีก
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ"ชิงชิงเดินมานั่งข้างเตียงแล้วมองหน้าฉันแบบงงๆ
"มะ...ไม่มีอะไรหรอกชิงชิง แหะๆ" ฉันหันไปยิ้มแหยๆ ให้ชิงชิงทันที นี่ไม่ใช่ความฝันฉันหลุดเข้ามาในนิยายจริงๆ และตอนนี้ฉันคือจางจินเยว่คุณหนูของชิงชิง ชายารองของอ๋องโจวตงหยาง...
"ท่านลุกมาล้างหน้าเถิดเจ้าค่ะ อีกนินานนักหมอหลวงน่าจักมาถึงท่านต้องรีบเปลี่ยนชุดอีกนะเจ้าคะ"ชิงชิงบอกกับฉันพร้อมกับประคองฉันให้ไปยังอ่างน้ำสำหรับล้างหน้าที่นางเตรียมไว้
ไม่นานหลังจากที่ชิงชิงแต่งตัวให้ฉันเสร็จหมอหลวงก็เข้ามาพร้อมกับโจวตงหยาง หมอหลวงนำผ้าบางๆมาวางไว้ตรงข้อมือฉันก่อนจะเอามือวางลงบนนั้นเบาๆ นี่คือการแพทย์ของจีนสมัยก่อนหรอ? ทำแบบนี้ก็รู้เลยหรอเนี่ยว่าเป็นโรคอะไรบ้างอ่ะ ไม่ต้องมีการใช้เครื่องมือแบบสมัยใหม่แค่จับชีพจรก็รู้โรคแล้ว เก่งเกิ๊นนน
"อาการพระชายารองมิมีอันใดน่าเป็นห่วงพะยะค่ะ แค่มีความเย็นในร่างกายเยอะเกินไป เพียงดื่มยาที่กระหม่อมเขียนเทียบให้ครั้งก่อน ดื่มจนครบสามวันอาการก็จักดีขึ้นพะยะค่ะ"หมอหลวงหันไปบอกโจวตงหยางอย่างนอบน้อม
"ในจวนของข้ามิต้องใช้คำพูดเป็นพิธีขนาดนั้นหรอกพูดธรรมดาก็พอที่นี่มิใช่ในวัง"โจวตงหยางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง หมอหลวงคารวะเขาด้วยท่าทีที่นอบน้อมทันทีพร้อมกับทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
"งั้นแสดงว่าข้าสามารถออกไปข้างนอกเรือนได้แล้วใช่หรือไม่"ฉันถามหมอหลวงทันทีเพราะอยากออกไปสำรวจข้างนอกบ้าง
"ข้ายังมิอนุญาตให้เจ้าออกจากตำหนักตอนนี้ รอให้เจ้าหายดีก่อนค่อยออกไปจักดีกว่า"โจวตงหยางพูดขึ้นทำให้หมอหลวงไม่กล้าพูดต่อ
"ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะ"ฉันตอบออกไปพลางจ้องมองเขา หน้าหล่อๆนั่นส่งสายตาดุมาให้ฉันทันที
"พวกเจ้าออกไปก่อน"เขาหันไปบอกกับชิงชิงและหมอหลวง ทั้งคู่ก้มคำนับก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูฉันมองตามหลังชิงชิงตาละห้อยก่อนจะหันมาโฟกัสที่ชายตรงหน้าเมื่อเขาเริ่มก้าวเท้าเข้ามาหาฉัน
"ท่านจะทำอะไร?" ฉันถามออกไปอย่างหวั่นใจ ฉันไม่รู้จักนิสัยใจคอเขาสักนิดรู้แค่ว่าจางจินเยว่ต้องทนทุกข์เพราะเขาแค่นั้น
"ข้าจักทำอันใดกับเจ้านั้นก็ย่อมทำได้เพราะเจ้าเป็นชายาของข้า"เขาพูดพร้อมกับนั่งลงข้างฉัน ฉันรีบถอยหนีทันที
"ขะ...ข้าจำไม่ได้ฉะนั้นท่านอย่าได้ทำแบบนี้เลยเจ้าค่ะ" ฉันหดคอหนีเมื่อเขาโน้มหน้าลงมาใกล้จนหายใจรดหน้าฉัน
"เจ้าจำมิได้แล้วอย่างไร? ข้ายังจำได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว" เขากระซิบข้างหูเสียงแหบพร่าทำเอาฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว
"ยะ...อย่าทำอะไรข้าเลยนะเจ้าคะ"ฉันพูดออกไปพร้อมกับหลับตาเพราะไม่อยากเห็นว่าตอนนี้หน้าเขาเข้ามาใกล้แค่ไหน แค่สัมผัสได้ถึงลมหายใจก็รู้แล้วว่าใกล้มาก
"เวลาพูดกับข้าก็มองตาข้าสิเจ้าจักหลบตาข้าทำไม"โจวตงหยางพูดพร้อมกับเชยคางฉันให้หันไปมองหน้าเขาฉันลืมตามองก็พบกับดวงตาคู่สวยคมของเขากำลังจ้องมองมาที่ฉัน ราวกับโดนมนต์สะกดฉันไม่สามารถขยับหนีดวงตาคู่นั้นของเขาได้เลยรู้ตัวอีกทีริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาที่ปากฉันแล้ว
"อื้อ!!" เมื่อได้สติฉันรีบผลักเขาออกทันที โจวตงหยางเองก็มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยในตอนที่ฉันผลักเขาออกก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าให้ปกติอย่างรวดเร็ว ฉันจ้องหน้าเขาด้วยหัวใจที่เต้นรัว ไม่นะ!! จูบแรกของฉ้านนนนนนน
"ครั้งก่อนที่ข้าได้ครอบครองเจ้า เจ้ามิได้มีอาการขัดขืนเช่นนี้เลยแม้แต่น้อยเลยนะ"โจวตงหยางเอ่ยขึ้นดวงตาคมของเขายังจ้องมาที่ฉันและเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้อีกรอบแต่ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวร่างกายของฉันก็โดนเขาตรึงไว้กับเตียงซะแล้วแถมพยายามดิ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเบียดตัวของเขาแนบชิดกับร่างกายของฉันมากขึ้น ใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะทะลุอกออกมา เขาก้มลงมาจ้องตาฉันและเลื่อนหน้าลงมาเรื่อยๆ จนลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดหน้าฉันอีกครั้ง
"ยะ...อย่าทำแบบนี้เลยนะเจ้าคะ...อื้อออ!!" คำพูดของฉันหายไปในลำคอเมื่อเขาประทับริมฝีปากลงมาอีกรอบคราวนี้ทั้งอ้อยอิ่งและยาวนานกว่าครั้งแรกที่ฉันผลักเขาออก สัมผัสที่วาบหวามจากเขาทำให้หัวสมองของฉันขาวโพลนไปหมด ร่างกายของเขายังคงทาบทับอยู่บนตัวของฉัน เขาบดขยี้ริมฝีปากเข้ามาเรื่อยๆ จนฉันเริ่มรู้สึกหมดอากาศหายใจในขณะที่มือของเข้าข้างนึงเริ่มเลื่อนไปลูบไล้ตามตัวของฉัน จนฉันเริ่มเกร็งไปทั้งตัวเพราะมือเขาเริ่มลูบจากเอวลงไปที่ต้นขาของฉัน!
"แต่ข้ากลับชอบเวลาเจ้าพยายามขัดขืนข้าแต่ทำอันใดมิได้แบบนี้มากกว่าเสียอีก"เขาถอนริมฝีปากออกแล้วเอ่ยขึ้นฉันรีบสูดลมหายใจเพื่อให้ได้กอบโกยอากาศเข้าปอดได้มากที่สุด สายตาที่เขาจ้องมองมาทำเอาฉันประหม่าไปหมด เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาอีกรอบ
"อื้อออ..."ฉันพยายามขัดขืนและดิ้นอีกรอบเมื่อเขาประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้งแต่ก็ไม่สามารถขัดขืนแรงของเขาได้ฉันจึงหยุดขัดขืนและทำใจยอมรับสัมผัสจากเขาเมื่อเขาเริ่มรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปากของฉันแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้จูบเขาตอบและปล่อยให้เขารุกล้ำเข้ามาตามอำเภอใจ แต่มือของเขาก็เริ่มซุกซนอีกครั้งจากที่จับเอวฉันอยู่ก็เริ่มเลื่อนลงไปลูบที่ต้นขาของฉันอีกแล้ว ' ไม่ได้น๊าาา จะมาเสียตัวแบบนี้ไม่ได้~' ฉันได้แต่กรีดร้องในใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเพราะร่างกายมันรู้สึกเกร็งจนขยับไม่ได้ เขายังคงบดขยี้ริมฝีปากของฉันซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนี้อย่างอ้อยอิ่งและเนิ่นนาน
"น้องหญิงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" เสียงของโจวหลี่อันดังมาจากข้างนอกพร้อมกับเสียงเคาะประตูทำให้เขาชะงักการกระทำทุกอย่างทันทีและผละออกจากริมฝีปากฉัน ฉันเลยอาศัยจังหวะนี้ผลักตัวเขาให้ลุกขึ้นก่อนที่ฉันจะรีบดีดตัวลุกออกจากเตียง