ตอนนี้เจ็ดวันแล้วที่ฉันต้องนอนหมกตัวอยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหนเพราะแผลยังไม่หายสนิทดี แต่ที่น่าอัศจรรย์คือยาที่ใช้ทาแผลฉันนี่แหละแม้ช่วงสองสามวันแรกจะแสบมากเวลาที่แผลโดนยา แต่พอผ่านมาจนถึงวันนี้แผลของฉันกลับสมานตัวกันแล้ว ตอนนี้ฉันสามารถลุกเดินนอนนั่งได้ตามสะดวกแล้วแต่ยังมีตึงๆ ที่แผลนิดหน่อย อยากรู้มากว่าเขาใช้ตัวยาอะไรทำให้แผลหายเร็วขนาดนี้ ฉันอยากไปหาชิงชิงมากแต่ก็ไปไม่ได้เพราะวันก่อนฉันดื้อดึงที่จะไปหาชิงชิงให้ได้อีตาอ๋องนั่นเลยสั่งให้ฉันอยู่แต่ในตำหนักจนกว่าจะหายดีฉันจึงทำได้เพียงสอบถามกับบ่าวรับใช้เท่านั้น เห้อชีวิตหนอชีวิต พูดแล้วเศร้า
"อาหารและยามาแล้วเจ้าค่ะ"ซูหวายกอาหารมาให้ฉันก่อนจะกลับไปยืนประจำที่เดิม
"ซูหวาเมื่อไหร่ข้าจะได้ออกไปข้างนอก" ฉันเอ่ยถามซูหวาอย่างเซ็งๆ เพราะตั้งแต่ตื่นขึ้นมาฉันอุดอู้อยู่แต่ในตำหนักเท่านั้นได้ออกไปแค่ครั้งเดียวคือโจวตงหยางเรียกให้ไปหาที่ตำหนัก เซ็งมากแม่ อยากออกไปข้างนอกว้อยยยยย!
"พระชายารองหายดีเมื่อใดก็ออกไปได้เจ้าค่ะ เพียงแต่ตอนนี้ยังมิได้" ซูหวาตอบฉันอย่างนอบน้อม
"ข้าหายดีแล้วเจ้าก็เห็นนี่"ฉันขยับตัวไปมาให้นางดู
"แม้บาดแผลท่านจะสมานกันดีแล้วแต่ยังเหลือรอยและมีอาการเจ็บอยู่บ้างจึงยังมิหายขาดเจ้าค่ะ ท่านต้องทายาให้หมดกระปุกด้วยเพื่อที่จักมิให้หลงเหลือรอยแผลเป็นบนเรือนร่างเจ้าค่ะ"
"เห้อ ข้าเบื่อนี่ ข้าอยากออกไปข้างนอกบ้าง"
"เดินเล่นชมสวนอยู่ภายในตำหนักก็ถือว่าเป็นด้านนอกนะเจ้าคะ"
"ข้าหมายถึงนอกจวนน่ะ"
"ท่านรักษาตัวให้หายดีเถิดเมื่อหายดีแล้วค่อยไปขออนุญาตท่านอ๋องก็มิสายนะเจ้าคะ"
"ข้าอิ่มแล้ว" ฉันบอกซูหวาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะกลั้นใจดื่มยาต้มขมปี๋นี่จนหมด ดื่มทีไรก็ขม ขมแบบขมมากขมกว่าอะไรทั้งสิ้นที่มีรสขมที่เคยกินมา บอระเพ็ดที่ว่าขมยังสู้ยาในถ้วยนี้ไม่ได้เลย..
"เป็นอันใดไปหน้าบูดบึ้งเชียว" เสียงของผู้มาเยือนยิ่งทำให้ฉันหน้าบูดกว่าเดิมอีก ใช่!โจวตงหยางเองจ้า
"คารวะท่านอ๋อง" ซูหวาโค้งคำนับโจวตงหยาง ฉันเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนจะสะบัดหน้าหนี
"เจ้านี่ช่างไร้มารยาทเสียจริง! อยู่ต่อหน้าข้ายังมิรู้จักทำความเคารพอีก" เขาเสียงดุใส่ฉันเมื่อฉันเมินเขา ฉันจึงจำใจต้องลุกขึ้นยืนทำความเคารพเขาแบบฝืนๆ
"เจ้าออกไปก่อน หากข้าไม่สั่งห้ามใครเข้ามา" โจวตงหยางหันไปสั่งซูหวา
"เจ้าค่ะ"ซูหวาทำความเคารพเขาก่อนจะยกถาดอาหารออกไปและปิดประตูให้
"แผลเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เขาเอ่ยถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
"ข้าหายดีแล้วและข้าอยากจะไปหาชิงชิงเจ้าค่ะ!" ฉันกระแทกเสียงตอบเขาอย่างไม่พอใจ หลายวันมานี้ฉันแทบไม่ต่างจากนกในกรง ออกไปไหนก็ไม่ได้มีแต่คนจับตามองแม้แต่ซูหวาบ่าวรับใช้ฉันตอนนี้ก็คนของเขาทั้งสิ้น
"ข้ายังไม่อนุญาต" เขาเอ่ยขึ้นพลางมองมาที่ฉัน
"ท่านห้ามข้ามิได้หรอกเจ้าค่ะ หากข้าจะไปใครก็ห้ามมิได้!" ฉันขึ้นเสียงใส่เขาเพราะในใจร้อนรนแต่อยากจะไปดูชิงชิงบวกกับความอึดอัดที่ต้องโดนกักบริเวณมาเป็นเวลาหลายวันทำให้ฉันคิดว่าตัวเองคงสติแตกในอีกไม่นานนี้แน่
"บังอาจ! เจ้ากล้าคิดจะขัดคำสั่งของข้าหรือ?" เขาก้าวเท้าเดินเข้ามาประชิดตัวฉันทำให้ฉันต้องรีบถอยห่างทันที
"ทำไมข้าต้องฟังท่านด้วยเจ้าคะ? หากเพราะว่าข้าคือชายาของท่านงั้นท่านก็เชิญปลดข้าเลยเจ้าค่ะ จะเขียนลงในหนังสือปลดว่าข้าเลวร้ายเยี่ยงไรก็แล้วแต่ท่านเถิด" ฉันเชิดหน้าเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส
"จินเยว่! เจ้าอย่าได้ยั่วอารมณ์ข้าไปมากกว่านี้นะ ที่ผ่านมาข้าใจดีกับเจ้าเกินไปหรือ? เจ้าถึงได้เอาแต่ใจเยี่ยงนี้!" เขาดุฉันเสียงดัง นั่นยิ่งทำให้ความอดทนของฉันหมดลง ไม่อยู่มันแล้วเว้ยกรงทองแบบนี้! ไปตายเอาดาบหน้าก็ได้!
"แล้วอย่างไรเจ้าคะ? หากมิพึงใจท่านก็ปลดข้าสิเจ้าคะ ปลดวันนี้เลยยิ่งดี! ข้าจะได้พาชิงชิงกลับแคว้น!" ฉันตะคอกใส่หน้าเขาก่อนที่จะเดินหนีแต่กลับถูกเขากระชากกลับไปหาเขาจนตัวลอย
"ที่ผ่านมาข้าคงใจดีกับเจ้าเกินไปจริงๆ!" เขากระชากตัวฉันกดลงบนเตียงและคร่อมตัวฉันไว้ไม่ให้ขยับหนี
"ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้านะ!" ฉันดิ้นหนีอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่เป็นผลเขาบีบข้อมือฉันจนรู้สึกเจ็บราวกับกระดูกจะหักออกจากกัน
"หึ! เดี๋ยวเจ้าก็รู้" ไม่พูดเปล่าโจวตงหยางรวบข้อมือฉันไว้เหนือหัวด้วยมือเดียวก่อนที่มืออีกข้างจะ...
แคว่กกกกก!! เขาใช้มืออีกข้างฉีกเสื้อของฉันออกจนขาดและเขวี้ยงเศษผ้าพวกนั้นทิ้งลงพื้น
"กรี๊ดดดดด!! อุ๊บ!...."เสียงกรีดร้องของฉันหายไปทันทีเมื่อเขากระแทกริมฝีปากของตัวเองลงมาปิดไว้พร้อมกับบดขยี้จูบลงมาอย่างรุนแรงจนฉันรู้สึกเจ็บเขารุกล้ำเข้ามาในโพรงปากของฉันโดยที่ฉันไม่ยินยอมสักนิด
"อื้อ!!!" ฉันพยายามขัดขืนและดิ้นสุดแรงแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของเขาได้ มือของเขาปัดป่ายไปตามตัวฉันก่อนจะดึงผ้ามัดเอวเสื้อตัวในออกและวางมือลงมาลูบไล้หน้าท้องของฉัน สัมผัสร้อนจากมือเขายิ่งทำให้ฉันใจเสียว่าเขาจะทำอะไรที่เกินกว่านั้น
"อื้ออออ!!" ฉันพยายามรวบรวมแรงที่มีขัดขืนเขาและพยายามเม้มปากไว้เพื่อไม่ให้เขาทำเกินกว่านี้แต่เขาก็ทาบทับริมฝีปากลงมาแรงขึ้นอีกจนตอนนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความคาวและรสชาติของเลือดในปาก แต่เขาก็ยังไม่หยุด
มือของเขายังลูบไล้ไปตามตัวของฉันวนเวียนอยู่ที่เอวขึ้นมาบนหน้าอกและลูบลงไปยังต้นขาอยู่แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา น้ำตาแห่งความกลัวของฉันไหลออกมาเมื่อคิดว่าคงไม่อาจหยุดการกระทำของเขาได้แล้ว
ชายกระโปรงของฉันร่นขึ้นมาจนถึงต้นขาจากการลูบไล้ของเขา เสื้อท่อนบนของฉันถูกเขาฉีกกระชากจนขาดหมดเหลือเพียงเสื้อมัดอกตัวบางที่เป็นเสื้อชั้นในเท่านั้น
"อื้ออออ!!" ฉันรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายที่จะพยายามขัดขืนเขาเพราะตอนนี้ฉันเริ่มหายใจไม่ออกแล้วจากการที่เขาจูบฉันอย่างหนักหน่วงโดยไม่เว้นช่วงให้ฉันได้หายใจเลยสักนิด
ฉันดิ้นขัดขืนจนหมดแรงแล้วจึงหยุดนิ่งและทำใจยอมรับสัมผัสที่เขามอบให้ทั้งน้ำตา เขาพรมจูบวนเวียนอยู่กับริมฝีปากของฉันอยู่นานก่อนจะผละออกและซุกหน้าลงที่คอและเนินอกฉันซึ่งฉันก็ปล่อยให้เขาทำได้ตามใจเพราะขัดขืนไปก็คงหนีไม่พ้นอยู่ดี
"ฮึก..." ฉันสะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เขาในตอนนี้น่ากลัวมาก รสจูบที่เขามอบให้ในครั้งนี้มันทั้งรุนแรงและขมขื่นมันทำให้ฉันรู้สึกแย่มาก
"จินเยว่.."เขาชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองฉัน ฉันหันหน้าหนีเขาทันที
"เจ้าเสียใจขนาดนั้นเลยเชียวหรือ?" โจวตงหยางเอ่ยเสียงเบา
"หากมิได้เต็มใจ..ใยข้าจะต้องยินดีด้วยเล่า?"ฉันพูดออกไปทั้งที่ยังไม่มองหน้าเขา
"จินเยว่.."โจวตงหยางเรียกชื่อฉันอีกครั้งคราวนี้ฉันหันมาเผชิญหน้าเขาทั้งน้ำตา
"ครั้งแรกนั้นแม้ข้าจะจำไม่ได้แล้วว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่จากที่ได้ยินมาคือท่านลอบเข้าห้องข้าและข้าก็มิได้เต็มใจสักนิด พอมาตอนนี้ท่านก็ทำกับข้าแบบนี้โดยที่ข้ามิได้เต็มใจอีกเช่นเคย.."
"...."เขามองหน้าฉันนิ่งไม่พูดอะไร เขายังคงคร่อมตัวฉันไว้ ไม่ขยับไปไหน
"ท่านจะทำร้ายร่างกายและจิตใจของข้าไปถึงไหนเจ้าคะ?" ฉันถามเขาออกไปทั้งน้ำตา ความรู้สึกอัดอั้นที่สั่งสมมา ทั้งความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เขาทำเมื่อกี้ ทำให้น้ำตาฉันพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
"...." โจวตงหยางมองฉันนิ่งก่อนที่เขาจะลุกขึ้นนั่งและดึงฉันลุกขึ้นนั่งตามเขาโดยที่เขายังไม่ยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ
"ตอบข้ามาสิเจ้าคะ! ท่านจะรังแกข้าไปถึงไหน!" ฉันระเบิดอารมณ์ใส่เขาพลางยกมือขึ้นทุบอกเขาซ้ำไปซ้ำมาแต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรฉัน หลังจากปล่อยให้ฉันทุบเขาจนพอใจเขาก็ดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่นจนฉันดิ้นไม่ได้
"ข้าขอโทษ" เขาเอ่ยออกมาเสียงแผ่วและนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนที่ภาพทุกอย่างจะตัดไป
......
ข้าเอ่ยคำขอโทษออกจากปากไปอย่างลืมตัวทั้งที่ข้ามิเคยต้องกล่าวขอโทษสตรีนางใดมากก่อนในชีวิต แต่กลับต้องมาเอ่ยต่อสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนผู้นี้ที่นางเอ่ยมาล้วนถูกต้องข้ารังแกนางและมิได้นึกถึงจิตใจของนางเลยแม้แต่น้อยก่อนหน้านี้ที่นางปักใจรักมู่เฉินก็เป็นข้าที่พรากนางออกจากคนรักแม้ว่ามู่เฉินจะมิได้มีใจรักใคร่นางดังที่นางปรารถนาแต่นางก็มิได้ล่วงรู้เรื่องราวพวกนี้ด้วยเลย การที่นางแต่งเข้ามาในจวนข้าอย่างมิเต็มใจนั้นนางก็เป็นทุกข์มากโขแล้วยิ่งมารู้ข่าวที่มู่เฉินแต่งชายาอีกนั่นคงจักยิ่งทำให้นางเป็นทุกข์หนักจนมิอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ทั้งที่สวรรค์ให้โอกาสนางได้ใช้ชีวิตใหม่โดยลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไปแต่ข้ากลับยังทำให้นางเป็นทุกข์ดังเดิม...
"จินเยว่..."ข้าเรียกชื่อนางออกมาอย่างแผ่วเบาเพราะนางนิ่งไปจากที่ร้องไห้จนตัวสั่น พอก้มลงมองก็พบว่านางหลับไปแล้ว หลับไปทั้งน้ำตาที่อาบแก้ม ดวงตาบวมเป่งจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อสักครู่
"ข้าคงทำกับเจ้าเกินไปสินะ.."ข้าเอ่ยออกมาเมื่อมองไปยังเสื้อผ้าของนางที่โดนข้าฉีกกระจายจนกลายเป็นเศษผ้ากองอยู่บนพื้น และเมื่อมองสำรวจตัวของนางที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของข้าตามตัวนางมีรอยแดงจากการโดนเสื้อผ้าที่ข้าฉีกออกบาด ข้อมือนางทั้งสองข้างที่ข้าใช้กำลังบีบจนช้ำ ริมฝีปากนางมีแผลจากการที่โดนข้าจูบอย่างรุนแรงจนเลือดออก ร่องรอยตามคอและเนินอกที่ข้าจงใจทำมันนั้นแดงช้ำจนข้ามิอาจรู้ได้ว่านางจักเจ็บมากเพียงใด สภาพนางตอนนี้หากผู้ใดเห็นเข้าก็อาจจักเข้าใจผิดเป็นแน่ว่านางโดนทารุณมา แต่สิ่งที่ข้ากระทำลงไปเมื่อครู่ก็มิต่างจากการทารุณเลยสักนิด
ข้าจัดแจงให้นางนอนได้อย่างสบายก่อนจะเก็บเศษเสื้อผ้าของนางไปทิ้งและหยิบเสื้อของข้ามาสวมให้นางแทน
"ฮึก..."จินเยว่มีอาการผวาเล็กน้อยในขณะที่หลับข้าจึงดึงนางมานอนกอดไว้
สิ่งที่ข้ากระทำลงไปคงจะฝังลงไปในจิตสำนึกของนางทำให้นางหวาดกลัวและผวาจนเกือบรุ่งสางข้าถึงข่มตาหลับได้