หญิงสาวยืนนิ่งให้ตัวร้ายด่าโดยไม่คิดเถียง เพราะที่เขาพูดมาก็เรื่องจริงทั้งนั้น นิสัยนางร้ายแย่เกินจะรับไหว หลอกใช้คนอื่นเพื่อความต้องการของตัวเอง เห็นแก่ตัวไม่ต่างจากพ่อกับแม่
“พี่หมื่นฮันนี่ขอโทษจริง ๆ ค่ะ หมดธุระแล้วลานะคะ”
อยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว โดนด่าจนพรุนไปหมด
“ไม่ต้องมาตลบตะแลง ขอโทษมันง่ายนี่ เธอรู้ไหมฉันเจ็บกับเธอมากี่ครั้ง!” สิบหมื่นกระตุกยิ้มก่อนจะคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเธอมาเขย่าแรง ๆ ให้สมกับสิ่งที่ตัวเองถูกกระทำ
“ฮันนี่เจ็บ คุณหมื่น อ๊ะ!” ร่างเล็กถูกเขย่าก่อนจะถูกผลักจนล้มลง แรงของอีกฝ่ายส่งผลให้เธอเจ็บจนร้องออกมา
“ฮันนี่!/พี่ฮันนี่ขา!” ชายหนุ่มเองก็ดูได้สติรีบก้มลงประคองทว่าก็ช้ากว่าร่างกลม ๆ ของเด็กหญิงหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง มือเล็กวางบนแขนของฮันนี่
“คุณป๊าผลักทำไมคะ ฮือ ๆ พี่ฮันนี่ขาเจ็บไหม” เจ้าตัวน้อยเบะปากร้องไห้
“เดี๋ยวนะคะ” ฮันนี่งงเพราะเด็กคนนี้เรียกตัวร้ายว่าป๊า ซึ่งนิยายไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย สิบหมื่นก็แค่คนที่ถูกนางร้ายหลอก ไม่ได้มีลูกแต่ตอนนี้ไม่ใช่
โอ้ พระเจ้าอย่าเล่นอะไรแผลง ๆ เชียวนะ ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมาแบบคาดไม่ถึง
คำภาวนาดูจะไร้ผลเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยขยับมาแนบชิดตัวเธอพร้อมกับดึงแขนไปกอด
“ฮึก พี่ฮันนี่ทำไมไม่มาหาน้องควีนบ้างคะ ฮือ ๆ น้องควีนคิดถึงคุณมี๊ทุกวันเลย งานวันแม่พี่ฮันนี่ก็ไม่ยอมมาหา เพื่อน ๆ ทุกคนมีแม่ไปร่วมงานครบทุกปีเลย ฮึก ขาดแค่น้องควีนกับปังปอนด์ที่แม่ไม่ไป” เด็กหญิงพูดด้วยเสียงสั่นเครือเคล้าด้วยเสียงสะอื้นไห้
“คืออะไรคะ เด็กคนนี้คือ” แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เด็กคนนี้เป็นใครกัน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย นึกจนหัวจะระเบิดก็ไม่มีความทรงจำอะไรเลย ในหัวรับรู้แค่เรื่องราวที่นิยายเขียนเอาไว้เท่านั้น แล้วทำไมทุกอย่างออกมาเป็นอย่างนี้ได้
“อย่าเรียกลูกแบบนี้ ถ้าการท้องเก้าเดือนไม่ได้ช่วยให้มีสามัญสำนึกความเป็นแม่ ก็ช่วยมีความเป็นคนบ้าง!”
สิบหมื่นพูดเสียงลอดไรฟันชิดใบหูเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน มือข้างหนึ่งของเขากระชากให้เธอลุกขึ้นยืน
ประตูห้องทำงานถูกเคาะตามด้วยพี่เลี้ยงเด็กวิ่งเข้ามาขอโทษเจ้านาย ป้าแหววทำหน้าตกใจเมื่อสบตากับฮันนี่ที่ตอนนี้ยืนเหมือนคนสติหลุด
“ขอโทษค่ะ คุณหนูควีนงอแงจะมาหาคุณหมื่นท่าเดียว ขอโทษค่ะคุณฮันนี่” ป้าแหววดึงสติกลับมาได้รีบขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า
“ป้าแหววพาน้องควีนไปในห้องเล็ก” สิบหมื่นพ่นลมหายใจออก ข่มใจอย่างถึงที่สุดไม่ให้ตวาดใส่อารมณ์กับฮันนี่ต่อหน้าลูก
“พี่ฮันนี่สัญญาได้ไหมว่าจะอยู่ทานข้าวด้วยกัน น้องควีนทำสลัดอร่อยนะคะ” ใบหน้าน่ารักเช็ดตาแล้วยิ้มแฉ่งอวดฟันขาว
เด็กน้อยรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ รู้มาตลอดเพราะป๊าชอบดูภาพตอนแม่คลอดเธอออกมา ภาพพวกเราสามคน ในห้องคลอด น้องควีนรู้เพราะแอบถ่ายภาพไปถามป้าแหวว
“ป้าแหวว!” สิบหมื่นเสียงเข้มขึ้นจนป้าแหววสะดุ้ง
“ค่ะ ๆ ไปเถอะค่ะคุณหนู” ป้าแหววหันมาจับมือคุณหนู
“พี่ฮันนี่ยังไม่รับปากเลยนะคะ” น้องควีนทักท้วง
“วันนี้ป๊าจะพาไปกินสุกี้ครับ น้องควีนอ่านนิทานรอนะครับ ป๊าคุยกับพี่ฮันนี่ก่อนว่าเราจะไปร้านไหนกันดี” สิบหมื่นย่อตัวลงลูบหัวลูกสาวพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“เย้! น้องควีนทำผมใหม่รอดีกว่า พี่ฮันนี่ขาคุยเสร็จแล้วตามน้องควีนไปทำผมนะคะ” เสียงใสพูดไปกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจไปด้วย
กระทั่งห้องกลับมาอยู่ในความเงียบสงบ ฮันนี่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง ภายในหัวว่างเปล่าขาวโพลนดั่งคนไม่รู้จะเอาอย่างไรกับเหตุการณ์ตรงหน้าดี
“ลูกฮันนี่เหรอคะ” เธอยังคงเปล่งเสียงถามออกมาอย่างยากลำบาก
“ตลกเหรอ” คนถูกถามกำหมัดมองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ถามว่าเขาคือลูกฮันนี่เหรอ!!!” หญิงสาวลุกขึ้นตะโกนถามสุดเสียง ฮันนี่แน่นหน้าอกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
“ใช่! น้องควีนคือลูกของเราสองคน ลูกที่เธอไม่เคยดูแลเพราะเอาแต่วิ่งแจ้นตามไอ้เหี้ยนั่น ลูกที่ถามหาเธอทุกวัน เธอท้องเมื่อหกปีก่อนจนเราต้องหอบไปคลอดถึงอังกฤษ พอกลับมาเธอก็โยนลูกให้ฉันแล้วกลับไปใช้ชีวิตอิสระ ไม่มีความเป็นคนแล้วเหรอถึงถามประโยคโง่ ๆ นั่นออกมา!” ชายหนุ่มเจ็บปวดจนไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้อย่างไร
“ใช่ฮันนี่มันโง่ โง่ที่คิดว่าตัวเองโชคดีได้มาอยู่ในร่างนางร้ายเฮงซวยนี่ โง่ที่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่าย ทั้งที่ความจริงไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง!” โคตรโง่ที่คิดว่าชีวิตจะสุขสบาย
เธอควรรู้สิว่าไม่มีอะไรง่ายดายทั้งนั้น นี่คือกฎของการเป็นมนุษย์ขั้นพื้นฐาน จนก็ทุกข์แบบจน รวยก็ทุกข์แบบรวย ฮันนี่เลยได้ทั้งโชคดีและโชคร้ายในคราวเดียวกัน
“เพ้อเจ้ออะไรของเธอ เสียสติแล้วเหรอถึงได้พูดแบบนี้ จะบอกว่าเธอคือคนอื่นมาอยู่ในร่างนี้เหรอ”
“ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ แต่ฮันนี่คนนี้ไม่ใช่คนที่เคยมีลูกกับคุณแน่นอน ฮันนี่ตายแล้วมาอยู่ในร่างนี้ ขอฮันนี่กลับไปอยู่กับตัวเองก่อน หรือตอนนี้ฝันอยู่” ฮันนี่สะบัดหน้ารัว หลับตาลืมตาอยู่หลายครั้งแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เธอตบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อเรียกสติ จนข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบไว้
“ทำบ้าอะไรฮันนี่ ทำร้ายตัวเองให้ได้อะไร มาอ่อนไหวอะไรตอนนี้” ยัยบ้านี่เสียสติไปแล้วจริง ๆ หรืออย่างไร เมื่อก่อนก็ไม่เคยอ่อนไหวหรือใส่ใจอะไรเรื่องลูกสักเลย แทบจะมองเป็นอากาศเสียด้วยซ้ำ
“ทำไมไม่เป็นแค่ฝัน คุณหมื่นคะ ฮันนี่ไม่ใช่เจ้าของร่างนี้จริง ๆ นะคะ” ไม่อยากอยู่ในร่างนี้แล้ว อยากกลับไปโลกที่เธอเคยอยู่
“คุณเป็นใครก็ช่าง แต่ร่างนี้คือแม่น้องควีน วันนี้ต้องไปทานข้าวกับลูก” สิบหมื่นเหนื่อยจะเถียงกับแม่ของลูกให้อารมณ์เสีย
“ขอโทษจริง ๆ ฮันนี่คิดว่าตัวเองไม่พร้อมกับการทำอะไรทั้งนั้น ขอกลับนะคะ” เธอวิ่งออกจากห้องซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับร่างกลมของน้องควีนวิ่งเข้ามาพอดี ในมือถือกระดาษเอสี่พับครึ่งที่ถูกวาดภาพผู้หญิงกับเด็กไว้ด้านหน้า
สิบหมื่นรีบวิ่งเข้าไปอุ้มลูกสาวไว้แนบอก ทั้งสงสารและโกรธฮันนี่ที่ไม่เคยเห็นใจลูกเลย เขายอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ แต่แค่ทานข้าวกับลูกสักมื้อยังไม่ยอม
“พี่ฮันนี่อย่ากลับนะคะ ฮึก ๆ ไหนว่าสัญญาว่าจะไปทานข้าวด้วยกัน ฮือ ๆ อย่าไปนะคะ อย่าทิ้งน้องควีน ฮือ ๆ”
เด็กหญิงแผดเสียงร้องเพราะรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าผู้เป็นแม่กำลังจะจากไป
ฮันนี่หูดับไม่สนใจแม้แต่เสียงของเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ร้องไห้ เธอกำลังสับสนกับชีวิตตัวเอง ทะลุมาร่างนางร้ายได้แต่งงานกับพระเอก
แต่มีลูกกับตัวร้าย!
“กรี๊ดด คุณป๊าปล่อยน้องควีน ฮือ ๆ น้องควีนจะไปห้ามไม่ให้พี่ฮันนี่กลับ ปล่อย!!! ฮือ ๆ ทำไมถึงทิ้งน้องควีนทุกครั้งเลย ฮือ ๆ วันนี้วันเกิดน้องควีนนะคะ ฮึกทำไมไม่อยู่ด้วย ฮือ ๆ หม่ามี๊ขาอย่าไป!” ร่างน้อยดิ้นจนสุดแรง แผดเสียงร้องจนสุดเสียงแต่แม่ก็วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
สิบหมื่นกอดลูกสาวที่ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ มือน้อยยังกำการ์ดอวยพรที่เขียนว่ารักแม่เอาไว้แน่น แม้ดวงตากำลังพร่ามัวด้วยน้ำตา
น้องควีนไม่น่ารักเหรอ ทำไมถึงไม่รักน้องควีนบ้าง…
นั่นคือสิ่งที่น้องควีนถามตัวเองทุกครั้งเวลาเห็นคนอื่นมีแม่คอยอยู่ข้างกาย