"หึ ๆ” เขาได้แต่ยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ย
"แต่ง ๆ ให้จบ ๆ ไป ปู่จะได้สบายใจ ดีไหมครับ" เขาเย้าหยอก
"หนูเค้กน่ารักนะ แกไม่เจอเธอตั้งนาน ถ้าเจอตอนนี้ขี้คร้านจะชมว่าหนูเค้กสวย คุณเกชายังเล่าอีกว่าทำงานก็เก่ง ขยันขันแข็ง จบมาก็ทำงานที่ไร่ เงินทองไม่มีกระเด็น คนแบบนี้แหละที่เหมาะจะมาแต่งงานกับแก"
"ปู่ครับไม่ต้องชมหนูเค้กมากก็ได้ครับ ยังไงผมรับปากไปแล้ว ผมไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ ยังไงในชีวิตนี้ ผมก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงสักคนเพื่อมีทายาทให้คุณปู่"
ปู่พนัสหัวเราะร่า
"ใช่ ๆ อายุโหน่งก็มากแล้ว ปู่คิดดูแล้ว เวลานี้แหละที่เหมาะที่สุดที่แกจะสร้างครอบครัว"
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ มีคนมาเคาะประตู
"เข้ามา"
"จะประชุมไหมคะคุณโหน่ง ทุกคนพร้อมแล้วค่ะ" ผ่องจิตรเลขาหน้าห้องชายหนุ่มเอ่ยถาม เธอรู้ว่าเขาเป็นคนตรงต่อเวลาแค่ไหน
"อ้าว...มีงานยุ่งหรอกเหรอ งั้นปู่ไปก่อนนะ ยังไง ๆ โหน่งก็หาเวลาไปหาหนูเค้ก พากันออกไปกินข้าวก็ได้ เอ่อ...อีกเรื่อง นัดแนะกันไปดูชุดที่จะใส่ในงานแต่งด้วย" คุณปู่บอกจุดประสงค์ทั้งหมดที่มานั่งคุยกับเขาในวันนี้
"ครับผม ถ้าผมไม่ยุ่งนะครับ ผมขอเคลียร์เรื่องวุ่น ๆ พวกนี้ก่อน แล้วผมจะโทรไปหาเธอครับ"
ปู่พนัสสีหน้ายิ้มแย้ม ดีใจมาก ๆ ที่หลานชายยอมทำทุกอย่างในสิ่งที่เขาร้องขอ
โหน่งส่ายหน้านิด ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาจากปากเบา ๆ เขาเองก็ตัดสินใจได้แล้ว หากแม้วันนี้ยังไม่มีคนรัก ภาวินีก็ไม่ได้เสียหายอะไร เขาบอกว่าผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ต้องมองอะไร ๆ ได้ดีกว่าเขา และสิ่งไหนที่ทำให้ปู่มีความสุขได้ เขาก็ไม่อยากจะขัดใจ
'อยู่ไปก็รักกันเองแหละ' ประโยคที่คุณปู่พูดซ้ำ ๆ ดังขึ้นมา แต่วันนี้คุณปู่ไม่ยักจะพูดขึ้นมาอีก
"มากันครบแล้วค่ะ" ผ่องจิตรเอ่ยย้ำอีกครั้ง
"โอเคครับพี่ผ่อง เดี๋ยวผมตามไป"
เขารีบเซ็นเอกสารที่เหลืออีกสองสามหน้า ก่อนจะเดินไปยังห้องประชุมเล็ก
ในห้องนอนของตั้นและแม่
"แม่ครับนี่บัตรประกันชีวิตของแม่ที่ผมทำไว้ให้ เวลาที่แม่ไม่สบายต้องให้คนพาไปนอนโรงพยาบาลนะครับ จะได้ใช้สิทธิ์ของเราให้เต็มที่"
"ตั้นพูดเหมือนกำลังจะไปไหนไกล ๆ ยังงั้นแหละ แม่เป็นอะไร แม่ก็ต้องโทรหาตั้นเป็นคนแรกอยู่แล้ว"
"ตั้นแค่ย้ำแม่ เผื่อเอาไว้นะแม่ ก็แม่ชอบลืม"
นางนั่งลงใกล้ ๆ ลูกชายก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัว
"แม่รักตั้นนะลูก"
ชนวีย์น้ำตาแทบไหล เขาสวมกอดแม่แน่น
"ตั้นจะขยันทำงาน จะรีบสร้างตัวให้เร็วที่สุด แล้วตั้นจะให้แม่เลิกทำงานแบบนี้เสียที แม่เหนื่อยมามากแล้ว" เขาพูดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจมานาน
"ถ้าแก่แล้ว ตั้นไม่ให้แม่ทำอะไร แม่คงเป็นง่อยนะสิ แม่เกิดที่ไร่นี้ อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เล็ก ๆ เจอพ่อตั้นที่นี่ ทั้งตา ทั้งยาย ทั้งพ่อของตั้นก็ตายที่นี่ แม่ไม่อยากไปไหนหรอก" แม่พูดจริงจัง
"โธ่แม่...." เขาครวญ
ลำดวนถึงกับหัวเราะ
"รีบแต่งงานสิ แล้วมีหลานให้แม่เลี้ยงดีกว่า แม่จะได้หาเหตุผลออกไปจากไร่นี้ได้เสียที" แม่พูดจี้ใจดำ
"แม่เป็นคนเดียวที่ตั้นทำผิดแล้ว แม่ไม่เคยโกรธ และแม่ก็อภัยให้ตั้นเสมอ" เขารู้สึกผิดกับเรื่องที่เขาคิดจะทำ และสิ่งสำคัญตั้นไม่อยากจากแม่ไปไหน เขาเป็นห่วงแม่
"พูดเหมือนเป็นเด็ก ๆ ไปได้ แม่ภูมิใจในตัวตั้นมาก ตั้นไม่เคยทำให้แม่เสียใจ มีแต่ตอนเล็กที่ซนที่ดื้อ จุ๊บ..." แม่หอมแก้มเขา ชนวีย์ทิ้งตัวลงไปนอนหนุนตักแม่เหมือนตอนเด็ก จับมือของแม่ขึ้นมาแนบแก้ม แล้วหลับตาลง
'แม่รอตั้นนะครับ แล้วตั้นจะกลับมารับแม่ครับ ผมจะไปไม่นาน' เขาสะท้อนในใจ แผนการที่จะพาเค้กหนี ต้องไปในที่ไกล ๆ และคิดว่าไม่มีใครตามเจอ
"ผมรักแม่ครับ"
“แม่ก็รักลูก” แม่ส่งฝ่ามือลูบหัวเขาเหมือนตอนเล็ก ๆ
"ครีมต้องไปกับพี่เค้ก ไปช่วยพี่เลือกชุดแต่งงานด้วยนะ" ป้าแววออกคำสั่ง
เด็กสาวได้แต่สั่นหน้า ก้มมองลงไปในหน้าหนังสือที่อ่านทำไม่สนใจ
"หนูครีม ป้าสั่งให้เราไปเป็นเพื่อนพี่เค้กเลือกชุดแต่งงาน"
ภาวนาลุกขึ้นนั่งแล้วทำหน้ายุ่ง ยกหน้าขึ้นมาก็เห็นใบหน้าของพี่สาวที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าพร้อมกับยื่นมือส่งมาให้เพื่อฉุดน้องสาวให้ลุกขึ้น
"ครีม ไปเป็นเพื่อนพี่นะ วันที่ดีที่สุดของพี่ พี่อยากให้ครีมมีส่วนร่วมด้วยนะจ๊ะ"
ภาวนาถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อพี่เค้กมาง้อเธอถึงขนาดนี้แล้ว พี่สาวที่แสนดีเพียงคนเดียวของเธอ แต่ภาวนาก็ยังทำหน้างอน ๆ อยู่
"ไปสิ เราก็หาชุดสวย ๆ เอาไว้ด้วย เพราะต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่เค้กนะ รู้ไหม" คุณป้าแววออกคำสั่งอีกครั้ง
พี่สาวพยักหน้าให้ จับมือของครีมบีบเบา ๆ ครีมถอนหายใจ
"ก็ได้" เธอรับปาก พี่เค้กถึงกับยิ้มกว้าง
ที่ลานกว้างหน้าบ้าน รถเก๋งคันโก้ของอาโหน่งจอดอยู่
ภาวนาใจเต้นแรงทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่หล่อสมาร์ตของอาโหน่งก้าวลงมาจากรถ เขายังคงหล่อเหมือนเดิม ใบหน้าเข้ม ๆ ของเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นสองสาว ทั้งสองพี่น้องยกมือไหว้เขา
"ฝากน้องสองคนด้วยนะโหน่ง" ป้าแววที่เดินมาส่งบอก
"ครับ เสร็จเรียบร้อยแล้วผมจะรีบมาส่งครับ"
"จ้ะ ๆ” ป้าดันหลังสองสาวให้ขึ้นรถไป