ข้าเคยรักสตรีผู้หนึ่งจนแทบจะเป็นบ้า อยากได้นางมาครอบครองจนลงทุนทำทุกอย่างโดยไม่สนใจชีวิต
และ..ฝังกลบตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เบื้องลึกสุดในหัวใจ ให้ดวงตาสีน้ำทะเลของนางได้มองเห็นชายที่แสนดีและคู่ควรให้นางรัก
ได้โปรดมาอยู่เคียงข้างข้า จับมือไปด้วยกัน จงละทิ้งชายทุกคนที่อยู่รอบกายของเจ้าแล้วรีบวิ่งมาหาข้าสิ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าต้องการ ข้าล้วนแล้วแต่จะนำมันมามอบให้เจ้า..มารีอา สตรีอันเป็นที่รักของข้า
........
สามปีที่แล้ว
ในฤดูฝนที่เหน็บหนาวกว่าทุกปี อากาศเย็นลงจนน่าใจหาย พร้อมกับฝนที่ตกลงมาอย่างยาวนานติดต่อกันหลายสัปดาห์ จนน้ำเอ่อล้นราวกับจะท่วมในพื้นที่เกษตร
เขา..เกลียดชังฤดูฝน เพราะท้องฟ้ามันชอบเป็นสีเทา ราวกับว่ามันคือความหม่นหมองที่ตามติดตามที่ชีวิตของเขาตลอดเวลา
"บาร์ตัน ข้ามาคุยเรื่องงานแต่งของเราค่ะ แน่นอนว่าข้ามิได้ต้องการความยิ่งใหญ่อะไร ขอเพียงแค่เราอยู่ด้วยกันก็พอ"
เขายกมือขึ้นมาเสยผมสีทองสว่างด้วยท่าทางเกียจคร้าน พร้อมกับปรายตามองใบหน้าที่สวยงาม โดดเด่นของอาเรีย..
ไม่มี..ความรู้สึกใดๆหลงเหลืออยู่เลย มันคือความว่างเปล่าในทุกครั้งที่เขามองเห็นว่าที่พระชายา เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้วยิ่งมีความทรมานและเสียงบ้าบอที่เกิดขึ้นในหัว มันยิ่งทำให้เขาไม่ต้องการนาง
และไม่ใช่แค่อาเรียแต่เขาไม่ต้องการใครทั้งสิ้น
ทว่าบาร์ตันรู้ดีว่าอาเรียนั้นยึดติดกับเขามาก นางรักเขาถึงขนาดยินยอมละทิ้งศักดิ์ศรีที่มี ยินยอมทำใจเรื่องความมากรักของเขา เรื่องนี้ก็น่าชื่นชมแต่..ตอนนี้เขามิได้ต้องการนางอีกแล้ว
ไม่ต้องการทั้งอาเรียและอำนาจของวาเลรี
ไม่ต้องการสิ่งใดเลย เพราะขาของเขามันสามารถยืนได้อย่างมั่นคงในตำแหน่งองค์รัชทายาท และกับตำแหน่งองค์จักรพรรดิก็เช่นกัน
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคืออะไรกันแน่..เอลิซ่าอย่างนั้นหรือ?
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้คิดถึงสตรีผู้นั้นอยู่เรื่อย คำนึงถึงแทบจะตลอดเวลาอย่างหาสาเหตุมิได้ ทั้งที่เมื่อก่อนเราก็มิได้สนิทกันขนาดนั้น เขากับเอลิซ่าพูดคุยจนแทบจะนับคำได้
แต่ในใจมันต้องการนาง..อย่างมาก มากที่สุดเท่าที่เคยต้องการมาก
และมันจะมีปัญหาแน่นอนเพราะว่าเอลิซ่าเป็นเด็กดี นางจะต้องปฏิเสธเขาเพราะว่านางรักและเคารพอาเรียมาก เช่นนั้นก่อนที่นางตื่นมาจากการหลับใหล ต้องจัดการอาเรียก่อนเป็นอันดับแรก
สตรีที่รักเขา รักชายที่มิเคยชายตามองตัวเอง หากว่าวันหนึ่งมีบุรุษสักคน ที่ทั้งใจดีและเอาใจใส่นาง อย่างมิต้องคาดเดานางจะต้องหวั่นไหวไปกับชายผู้นั้นอย่างแน่นอน
เขาก็แค่รับบทชายชั่ว..ที่ทำให้นางเจ็บปวด
สะสมมันเข้าไปเถอะอาเรียความเจ็บปวดที่เจ้าจะได้รับจากข้า เพราะว่าหัวใจของเจ้ามันจะได้อ่อนไหว..และเปิดใจรับคนอื่นเข้ามาได้ง่าย
คนอื่นที่ว่านั่น..ก็คือไอ้สารเลวโจชัวร์ที่กำลังคิดหาทางแก้แค้นเขายังไงล่ะ..
บาร์ตันถอนหายใจ
"เร็วไปอาเรีย ข้าในยามนี้ยังมิได้คิดถึงเรื่องแบบนั้นเลย ข้าอยากจะสนุกกับการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ และยังไม่พร้อมที่จะเป็นสามีหรือว่าภรรยากับใคร อาเรียไม่มีตรงไหนเลยที่ข้าฉุดรั้งเจ้าเอาไว้ เจ้าสามารถเดินไปจากข้าได้ทุกเมื่อ ที่ผูกเราเอาไว้ก็มีแค่ความรักที่ไร้สาระยามเด็ก มันเล็กน้อยและเปราะบางมากจนข้าลืมหมดสิ้นไปแล้ว"
อาเรียยังคงยิ้ม...
"เช่นนั้นข้าจะมาใหม่ภายหลังนะบาร์ตัน"
เธอเดินออกมาจากห้องทำงานของเขา ที่พระราชวังขนาดใหญ่แห่งนี้เธอเดินเข้ามาที่นี่ด้วยตัวคนเดียว ขาทั้งสองข้างพาเธอเดินมาที่นี่จนนับครั้งไม่ถ้วน
เธอมาหาเขา เดินมาด้วยความเหนื่อยล้าและกดดันอันมหาศาล
ใครมันจะไปรักไอ้เวรที่เห็นความรักเป็นเรื่องตลกอย่างบาร์ตันได้.. เธอก็แค่อยากจะเป็นจักรพรรดินีเท่านั้นเอง! และวาเลรีควรจะได้รับเกียรติจากสังคมที่เลวร้ายกลับคืนมา! เธอวางทิ้งศักดิ์ศรีเอาไว้เพื่อมาหาเขา แต่ทว่าเขากลับไม่ไยดี..
"ดูสิว่าวันนี้ ข้าเจอใคร? อย่าบอกว่าเขาไล่เจ้าออกมาอีกแล้วอาเรีย"
เธอยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว และพยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุดเมื่ออยู่ต่อหน้าโจชัวร์ เขาและบาร์ตันมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ขัดใจกันจนนำไปสู่การเป็นศัตรูที่รุนแรง
"ไม่เป็นไร ต่อหน้าข้า..เจ้าสามารถร้องไห้ออกมาได้นะอาเรีย"
วันนี้...เลดี้แอนไม่อยู่พอดี โจชัวร์กำลังคิดหาสตรีไปอยู่ด้วยในคืนนี้เขาไม่อยากจะนอนเหงาคนเดียวบนเตียงอันกว้างใหญ่นั่นหรอกนะ และมันคงดีมากหากว่าเป็นอาเรีย เพราะว่าเขาจะได้แก้แค้นบาร์ตันไอ้คนบ้าอำนาจนั่นไปในเวลาเดียวกัน
สีหน้าที่ดูมั่นใจของมันจะเป็นเช่นไรกันนะ เมื่อรู้ว่าเขาและอาเรีย..ได้ร่วมเตียงกัน
อ่า..อยากเห็นชะมัดเลยแฮะ!
เขาตรงเข้าไปหาอาเรีย ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา
"ไม่เป็นไรนะอาเรีย ข้าอยู่กับเจ้าและบาร์ตันมานาน ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นพยายามมามากแค่ไหน..คงจะดีถ้าหากว่าวันนี้เจ้าพอมีเวลา ให้ข้าได้ปลอบใจเจ้าในฐานะของสหาย..ที่มีมาเนิ่นนาน"
อาเรียชะงักเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าขาทั้งสองข้างนี้ไม่ควรแม้แต่จะเดินตามงูพิษอย่างโจชัวร์ไปเลย แต่ทว่า..แววตาของเขามันอ่อนโยน
มันอ่อนโยนเสียจนความเจ็บปวดในใจได้รับการเยียวยาถึงแม้ว่าเธอจะแค่สบตาเขาเท่านั้นเอง ร่าวกับว่าการสบตาเขามันคือการถูกมนต์สะกด หัวใจของเธอพลันเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
"มาเถอะ..ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล เราเรียนที่เดียวกันมาตั้งหลายปีอาเรีย..ไว้ใจข้าบ้างสิ"
ดวงตาสีทองจับจ้องไปยังบุรุษและสตรีที่เดินขึ้นรถม้าไปด้วยกัน ที่ใบหน้าหล่อเหลาพลันปรากฏรอยยิ้มแสนยินดีขึ้นมา เขาหัวเราะเบาๆพร้อมกับลูบไล้ที่ก้อนหินสีฟ้าในมือ
เมื่อไหร่เราจะได้พบกันนะ..เอลิซ่า
ข้ารู้ว่ามันจะต้องยากเย็นอย่างแน่นอนการเดินทางไปหาเจ้า ทั้งเรื่องที่เจ้าตั้งกำแพงใส่ข้า เพราะว่าข้าคือคนรักเก่าของพี่สาวที่เจ้านับถือ แล้วยังจะเรื่องที่ราชวงศ์และคามิลไม่ถูกกัน
ทว่าข้ามิได้หวาดกลัวอุปสรรคอะไรพวกนั้นเลยที่รัก..มันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความอยากครอบครองเจ้าที่อัดแน่นอยู่ในใจ
ข้าไม่อยากจะทำร้ายเจ้า แต่หากว่าท้ายที่สุดแล้ว เจ้ายังไม่หันมาสนใจข้า ข้าอาจจะต้อง..ทำร้ายเจ้านิดหน่อย
"เรื่องที่ให้ไปสืบ..เรียบร้อยและครับ ข้าพาสตรีทั้งสองนางมาที่นี่แล้ว"
เป็นวันแรกที่เขารู้สึกมีความสุขมากๆในฤดูฝน ท้องฟ้าที่หม่นหมองนั่นไม่อาจทำให้เขารู้สึกไม่ดีอีกแล้ว เพราะว่าวันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเดินทางความต้องการของเขาอย่างง่ายดาย
สตรีสองนางเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่หวาดหวั่น
ความงดงามที่เรียกได้ว่าเหมาะสมกับการตั้งโชว์หรือว่าการเก็บใบหน้าที่ล้ำเลิศนั้นเอาไว้ในกรอบรูป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เสด็จพ่อถึงได้ทำสงครามกับคามิลอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็เพราะว่าสตรีผู้นั้นงดงามขนาดนี้ยังไงล่ะ
"เอเลเนอร์ ขอถวายความเคารพแก่ดวงอาทิตย์ด้วยน้อยของจักรวรรดิ.."
"พาพวกนางไปพักที่พระราชวังด้านหลัง เลี้ยงดูอย่างดีและ..ปิดบังเรื่องนี้เอาไว้อย่าให้ผู้ใดล่วงรู้"
ดยุคโคเรย์ก้มหน้าลงพร้อมกับเชิญอดีตองค์จักรพรรดินีให้เดินตามเขาไปยังที่พัก การจะตามตัวเอเลเนอร์นั้นมิใช่เรื่องง่ายเพราะว่าพระนางอยู่ในคฤหาสน์ของบารอนทีแกน
บารอนต่ำต้อยผู้นั้นใช้ชีวิตในฐานะสามีและภรรยากับพระนาง เพราะว่าพระนางความจำเสื่อม จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชื่ออะไร และมาจากไหน
แน่นอนว่าเขาจัดการฆ่าทุกคนในตระกูลบารอนทีแกนไปแล้ว ไมละเว้นแม้แต่ข้ารับใช้ชั้นต่ำ..
เอเลเนอร์นั้นยังอยู่ในอาการตกใจกลัว พระนางโอบกอดบุตรสาวที่มีใบหน้าเหมือนกับบารอนผู้นั้นอย่างกับแกะ
ผมและตาสีน้ำตาลที่เป็นสัญญาลักษณ์สามัญชน... น่าขยะแขยงทุกครั้งที่ได้มอง
บาร์ตันเดินทางไปหาเอเลเนอร์และอลิซ..เขายกมือขึ้นมาแตะที่เส้นผมสีน้ำตาลที่แข็งกระด้างของเธอเบาๆ
เพราะเป็นราชวงศ์ พลังเวทเขาถึงได้ทรงอำนาจมากขนาดที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียง เขาจัดการเปลี่ยนสีผมและสีตาให้กับเด็กสาวผู้นั้นพร้อมกับ...
สร้างความทรงจำขึ้นมาใหม่ ความทรงจำที่เขาได้รับการบอกเล่ามาจากดยุคโคเรย์เกี่ยวกับความรักที่มากล้นของแกรนด์ดยุคคามิลและจักรพรรดินีเอเลเนอร์ เพราะว่ามันเป็นความทรงจำที่ละเอียดมากเขาจึงต้องใช้เวลาสองปีเต็มในการสร้างความทรงจำที่สมบูรณ์แบบออกมา
พอถึง..วันที่เจ้าไม่มีใคร วันที่เจ้าไร้อำนาจ
ข้าจะโอบกอดเจ้าเอาไว้เองเอลิซ่า ไม่มีสิ่งใดต้องหวาดกลัวเพราะว่าข้าไม่คิดจะทอดทิ้งเจ้าไปอย่างแน่นอน