ฉันลืมตาขึ้นมาในห้องที่ว่างเปล่า แสงสว่างตรงหน้าต่างที่ส่องทะลุม่านเข้ามา มันเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าในยามนี้คือยามกลางวัน..
ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองนอนนิ่งๆแบบนี้มาแล้วกี่วันแล้ว รู้เพียงว่าทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมามันจะมีแต่ม่านน้ำตา ฉันร้องไห้สักพักก็ผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาก็ยังคงร้องไห้ต่อไป เป็นเช่นนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะความอยากอยู่คนเดียว มันจึงทำให้ฉันร้องขอให้ทุกคนออกไปจากที่นี่..ฉันอยากจะอยู่คนเดียว อยากจะใช้ความเงียบในการตั้งสติและ..ใช้ความเงียบในการสำนึกผิดของตัวเอง
ฉันเคยเป็นเด็ก ที่ไม่กล้าวิ่งเล่นอย่างเด็กในวัยเดียวกันเพราะความหวาดกลัวในใจ กลัวว่าขาทั้งสองข้างนี้จะล้มลงเมื่อฉันวิ่งเร็วจนเกินไป หวาดกลัวว่าทุกครั้งที่พูดออกมามากมายดังที่ใจคิด กลัวว่าจะทำให้ผู้รับฟังไม่ชอบใจและ..รังเกียจฉัน
หวาดกลัวและระมัดระวังในทุกลมหายใจในการใช้ชีวิต ฉันอยากจะเจียมตัวอยู่ในที่ของตัวเอง ไม่เรียกร้องหรือว่าคาดหวัง..ทว่าในวันหนึ่งที่หิมะโปรยปรายลงมา
ฉันป่วย..
ฉันเกิดในเมืองที่เต็มไปด้วยหิมะ แต่กลับป่วยในทันทีเมื่อหิมะตกมาที่คามิล เป็นครั้งแรกที่..ฉันไม่สบายแล้วมีคนนั่งกอดอยู่ทั้งคืน เป็นครั้งแรกที่ได้รับความอบอุ่นและได้รับความรักจากคนอื่นมาเยียวยาจิตใจที่แหลกสลาย
"เอลิ..ลูกนอนมาสองวันแล้วนะ วันนี้จะต้องลุกขึ้นได้แล้ว"
ใบหน้าของท่านพ่อนั้นปรากฏแววของความเหนื่อยล้ามากทีเดียว ท่านพ่อคงจะอยู่ดูแลฉันตลอดระยะเวลาที่ฉันหลับไป..ความอบอุ่นมากมายที่ได้รับมา มันมาจากอ้อมกอดของท่านพ่อนี่เอง
อาการของฉันเริ่มดีขึ้นและในช่วงสายของอีกวัน ท่านพ่อก็พาฉันลงมาที่สวนด้านหน้าคฤหาสน์
"นี่คือวิธีการรักษาของอัศวิน ร่างกายลูกจะทนทานต่อความหนาวเย็นก็ต่อเมื่อ ลูกไม่หวาดกลัวมัน..."
เจ้าหมาป่าเคนดี้วิ่งมาพร้อมกับเซอร์คาเมล มันวิ่งมาหาฉันด้วยท่าทางดีใจ
ท่านพ่อจูงมือของฉันไปยังลานฝึกอัศวิน
"วิ่งเลยเอลิ เจ้าเคนดี้รอลูกอยู่.."
ฉันเม้มปากแน่น พร้อมกับช้อนสายตามองท่านพ่อ ฉันยังไม่หายป่วยก็เลยหวาดกลัวว่าจะล้ม.. ฉันไม่อยากล้มลงเพราะว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายของฉัน
ไม่มีใคร อยากจะทำให้ตัวเองเจ็บปวดหรอกจริงไหม
ฮาซานที่เห็นว่าลูกสาวของเขายังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน เขาเดินเข้ามาหาเอลิซ่าพร้อมกับอุ้มเธอขึ้นมา แล้วออกแรงวิ่ง!
"ทะ..ท่านพ่อคะ.."
เอลิซ่าในวัยสิบสองร้องลั่นเพราะว่าเธอหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงได้แต่โอบกอดคอของท่านพ่อเอาไว้
ฮาซานเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมา เขาแสร้งทิ้งตัวลงไปบนพื้นหิมะเพื่อที่จะแกล้งพาเอลิซ่าล้มลงไป..
อย่างไม่ต้องเดา เราบาดเจ็บเล็กน้อยและเอลิซ่าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
เธอโทษตัวเองว่าที่ท่านพ่อบาดเจ็บและได้รับแผลในครั้งนี้มันเป็นเพราะเธอ แต่ทว่าฮาซานกลับอุ้มเอลิซ่าขึ้นมาใหม่พร้อมกับพาเธอวิ่งอีกครั้งด้วยความเร็วเช่นเดิม
การกระทำของท่านพ่อนั้นอาจจะดูโง่งม ทว่าเธอกลับ..เข้าใจในความหมายการกระทำนั้น
เพราะว่าท่านพ่อรู้ว่าเธอหวาดกลัวการล้ม จึงไม่วิ่งเล่นกับเคนดี้ ท่านพ่อก็เลยพาเธอวิ่งออกมา เพื่อที่จะล้มลงไปพร้อมกันกับเธอ เพื่อให้เธอเข้าใจว่าเธอสามารถที่จะเจ็บปวดได้ มันไม่เป็นไรและ..ทุกครั้งที่เธอเจ็บปวด ท่านพ่อจะคอยอยู่เคียงข้างเสมอในทุกความเจ็บปวดของเธอ..
เพราะฉะนั้น จงมี..ความสุข และอย่าได้หวาดกลัวการใช้ชีวิต
"เอลิ..ลูกน่ะ อย่าหวาดกลัวจนเกินไป ลูกสามารถหัวเราะหรือว่ายิ้มได้มากที่ลูกต้องการโดยไม่ต้องสนใจใครทั้งนั้น ลูกสามารถวิ่งเล่นกับเจ้าเคนดี้ได้เพราะในทุกครั้งที่ลูกล้มมันจะทำให้ลูกแข็งแกร่งขึ้นมา และพ่ออยู่ตรงนี้..อยู่เพื่อคอยปลอบใจในทุกความเจ็บปวดของลูก.."
ไม่มี อีกแล้ว
ฉันกำลังเป็นคนสารเลวที่อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองมาตั้งแต่แรก ทั้งที่ฉันควรจะยินดีเมื่อท่านพ่อได้พบเจอครอบครัวที่แท้จริงแต่ทว่าฉันกลับ..ไม่อาจทำเช่นนั้นได้เลย
ฉันไม่อยากเสียท่านพ่อไปและไม่อาจยืนรออยู่ในงานเลี้ยงเพื่อรอให้ท่านพ่อออกปากไล่..
เช่นนั้นการเดินจากมาเองน่าจะดีที่สุด เพราะว่าฉันไม่สามารถทนความเจ็บปวดจากสายตาที่เย็นชาของท่านพ่อได้ ตอนนี้ฉันแค่ต้องการ..เวลาเท่านั้นเอง
เวลาของการทำใจให้ชิน กับการที่ไม่มีคนที่คอยยินดีกับทุกความสำเร็จของฉัน คนที่เล่าเรื่องความเก่งกาจของฉันให้คนอื่นฟังไม่รู้จักเบื่อ..
คนที่คอยบอกว่าไม่เป็นไรและ..คนที่ชอบหรี่ตามองฉันเมื่อฉันทำผิด
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว...
.......
"ไม่ดีขึ้นเลยอย่างนั้นหรือครับท่านอีวาน"
"เอลิต้องการเวลาเลเซน นี่คือเรื่องที่นางต้องใช้เวลาทำใจนานพอสมควร"
เลเซนยกมือขึ้นมากุมหน้า เขายังไม่ได้นอนเช่นกัน เขาจัดการหยุดทุกการเรียนเพื่อมาอยู่ที่คฤหาสน์อาเชน่า เพื่อรอคอยให้เอลิซ่าเปิดประตู แต่ทว่าผ่านไปนานนับสัปดาห์แล้ว นางก็ยังไม่เปิดประตูออกมาสักที เพราะว่านางสั่งเอาไว้ว่าห้ามเข้าไป เขาจึงทำได้แค่รอคอยเท่านั้น
"มีบางอย่างที่แปลกไปนั่นคือความเงียบสงบจากพระราชวัง...คนพวกนั้นไม่แสดงท่าทีใดๆราวกับว่าพวกเขานั้นล่วงรู้อยู่แล้ว ล่วงรู้ถึงการมาเยือนของอดีตองค์จักรพรรดินีเอเลเนอร์"
อีวานกล่าวพร้อมกับหลับตาลง เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วมองออกไปยังด้านนอกคฤหาสน์ที่ไร้ผู้คน
"หากกว่านี่คือแผนการขององค์จักรพรรดิ ข้าจะฆ่าเขาอย่างแน่นอนครับ"
เลเซนจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีนิลของอีวานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
"...แน่นอนเลเซน เจ้าจะได้ฆ่าเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็ช่วย..ทำให้เขาทรมานที่สุดด้วยก็แล้วกัน"
เราทุกคนแตกสลายไปไม่น้อยกว่าเอลิซ่า เธอเจ็บปวดเขาก็เจ็บปวดเช่นเดียวกัน มันคือความทรมานที่ไร้ทางออก ทว่าอีวานคิดว่าอีกไม่ช้า.. เอลิซ่าจะต้องเปิดประตูออกมาอย่างแน่นอน
นางจะเปิดประตูออกมาเป็นเอลิซ่าที่แตกต่างไปจากเดิม และเป็นเอลิซ่าที่พร้อมชนกับทุกคนที่จะทำร้ายเธอ บางอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วบาร์ตัน
คราวนี้ข้าไม่ยอมให้นาง..รักเจ้าอย่างแน่นอน!
.......
"คาเมล เหตุใดถึงยังหาเอลิซ่าไม่พบ เจ้าไปตามหานางที่วิหารมาแล้วรึยัง ที่คฤหาสน์ลามอนซ์ก็ด้วย อย่าลืมว่าจะต้องส่งคนไปค้นหาที่พระราชวัง.."
"ฮาซาน? ท่านมาอยู่นี่เองข้าคิดว่าในบางทีเราควรจะจัดงานพิธีบรรลุนิติภาวะให้อลิซบ้าง แน่นอนว่ามันควรจะยิ่งใหญ่มากกว่างานของลูกเลี้ยง..."
"อย่ากล่าวถึงนางเช่นนั้นเอเลเนอร์ อย่าเอาเด็กทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกัน สำหรับข้าเอลิซ่าสำคัญไม่น้อยไปกว่าเจ้าเลย!"
ดวงตาฉ่ำวาวของเอเลเนอร์มันรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา เธอเงยหน้าขึ้นมาคนรักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
"ทั้งที่ข้าทำงานอย่างยากลำบากเพื่อเลี้ยงลูกของเรามาเพียงผู้เดียว ข้ามิได้ต้องการให้ท่านเลี้ยงอลิซให้ดีแต่ทว่าข้าต้องการให้ท่านรักนาง..อย่างที่พ่อคนหนึ่งจะรักลูกสาวของตัวเอง"