เวลาต่อมา ผมเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วพบว่ามิ้นกำลังนั่งคุยโทรศัพท์กับใครสักคนด้วยสีหน้าท่าทางมีความสุขจนน่าสงสัย เธอยิ้มแย้มจนตาหยี ลักยิ้มซ่อนลึกที่มองเห็นได้ยากปรากฏข้างแก้มในแบบที่น้อยครั้งจะได้พบ มองภาพนั้นอย่างไม่ค่อยใส่ใจก็เดินเข้าห้องครัวไป นำอาหารที่ซื้อมาเทใส่ชามเสร็จสรรพ ทว่าเมื่อเดินออกมาจากห้องครัวแล้วกลับพบว่ามิ้นนั้นยังไม่ได้วางสาย ยังคงหัวเราะคิกคักกับปลายสายอย่างสนุกสนาน ผมไม่คิดขัดขวางอยู่แล้ว จึงไม่ได้พูดแทรกหรือเร่งเร้าผ่านแววตา เลือกวางชามข้าวลงบนโต๊ะที่อยู่เข้าชุดกับโซฟา ส่วนตัวเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยงานผ่านช่องแชตไปพลาง และหลังจากนั้นไม่นานนัก... “เอออี้ วางก่อนนะ ต้องไปกินข้าว” “...” ตาผมยังมองหน้าจอโทรศัพท์ตัวเองอยู่ ไม่ได้ช้อนขึ้นมองเจ้าของเสียง แต่หูได้ยินสิ่งที่หลุดมาจากปากมิ้นชัดเจน ในตอนนั้นผมเข้าใจในทันทีว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้มิ้นมีความสุขมากขนาดนั้