ส่วนที่โต๊ะของเมรินทร์ จังหวะที่พนักงานวางไวน์ลงพร้อมแก้ว เธอและเพื่อน ๆ ต่างมองเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย เพราะว่าไม่ได้สั่งเลย
“เอ่อ เราไม่ได้สั่งนะคะ” เมรินทร์เป็นคนบอก แต่พนักงานกลับรินไวน์ให้เสียอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรครับ มีคนสั่งให้ครับ”
“เอ่อ มีคนสั่งให้เหรอคะ ใครคะ” มุกดาเป็นคนถามพนักงานหนุ่มด้วยความสงสัย เขาจึงบุ้ยหน้าไปทางโต๊ะของเซดริก
“โต๊ะนั้นครับ คนหล่อ ๆ น่ะ” เมื่อพนักงานบอกเมรินทร์กับเพื่อน ๆ จึงหันไปมอง และในจังหวะเดียวกันนั้นเซดริกก็ส่งยิ้มและยกแก้วชูขึ้น เพื่อเป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่าเขาเอง เท่านั้นแหละเพื่อนของเมรินทร์ก็ฮือฮาแทบจะกรี๊ดกันทันที ส่วนเมรินทร์ก็เขินจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ได้แต่ยิ้มรับไมตรีจากเขาพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยแต่พองาม
“ตาย ๆ ยัยเม ฉันว่าเขาชอบเธอแน่เลย” รฐาบอก เรียกได้ว่าอารมณ์ตื่นเต้นยิ่งกว่าเมรินทร์เสียอีก
“ฝากขอบคุณโต๊ะนั้นด้วยนะคะ เอ่อ ไม่ทราบว่าเขาชื่ออะไรคะบอกได้ไหม” เมรินทร์บอกและถามพนักงานหนุ่ม
“ได้ยินเพื่อน ๆ เรียกว่าคุณเซดครับ คิดว่าเป็นลูกครึ่งครับ หน้าฝรั่งแต่พูดไทยได้”
“เอ่อ เกรงใจจัง แต่ก็ขอบคุณมากนะคะ ฝากบอก เอ่อคุณเซดด้วย” เมรินทร์บอกด้วยความเกรงใจ
“ได้ครับผม เรียบร้อยแล้วครับ หากอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็เรียกได้นะครับ ผมยินดีรับใช้เต็มที่เลย”
“ค่ะ” เมรินทร์ตอบสั้น ๆ พนักงานหนุ่มจึงได้ขอตัว จากนั้นสาว ๆ ก็พากันยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วหันไปทางโต๊ะของเซดริก ซึ่งเขาก็มองเป็นระยะอยู่แล้ว ทั้งสองโต๊ะจึงได้ทักทายกันโดยอัตโนมัติ
“ร้ายว่ะเซด ทีนี้ก็เลือกเลยว่าจะเอาใคร สาว ๆ ปลื้มคนใจป้ำ” ภาษิตเป็นคนแซว
“อย่าพูดแบบนั้น เขาเรียกว่ามีน้ำใจ ฉันก็แค่อยากทำความรู้จักกับ...” เซดริกกำลังจะพูดแผนการออกมา ทว่าพนักงานคนเดิม ก็เดินกลับมาหาอีกครั้ง เพื่อรายงานความเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้วครับ เธอฝากขอบคุณคุณเซดด้วย” พนักงานพูดกับเซดริกเป็นหลัก
“งั้นเหรอ แล้วพูดอะไรอีกไหม” เซดริกถามด้วยความอยากรู้
“บอกแค่ว่าเกรงใจน่ะครับ”
“เหรอ แล้วเธอชื่ออะไร” เซดริกถามเสียงเรียบพลางยกเหล้าขึ้นจิบไปด้วย
“คนไหนครับมีอยู่สี่คน” พนักงามถามกลับ ทำให้เซดริกได้สติแล้วมองหน้าเพื่อน
“คือ เอ่อ คนที่... สวยกว่าเพื่อนน่ะ นายคิดว่าใครล่ะ” เซดริกถามลองเชิง
“อ๋อ ผมได้ยินเพื่อน ๆ เรียกว่าเมครับ แต่ไม่ทราบชื่อเต็ม คงใช่คนเดียวกันใช่ไหมครับ” พนักงานหนุ่มถามอีกครั้ง
“ก็สวยสุดมีคนเดียว ส่วนคนอื่นก็สวย แต่สู้คนนี้ไม่ได้” รู้สึกว่าเซดริกจะถูกใจคนสวยคนนี้เสียแล้ว
“ตาถึงมากนะครับ ดูใกล้ ๆ ขนาดในความมืด เธอยังสวยมากเลย” พนักงานหนุ่มออกปากชม ทำให้เซดริกตวัดหางตาขึ้นมองทันที เหมือนจะไม่ชอบใจที่ชมเกินหน้า
“เอ่อ ไม่รบกวนแล้วดีกว่า ขอตัวนะครับ” พนักงานรีบขอตัวทันที เพราะเกรงเซดริกจะต่อว่า
“หน้าตาท่าทางจะหายเมา ก่อนหน้านี้ยังดูเหมือนคนไม่มีสติอยู่เลย” นิลพัฒน์ที่ค่อนข้างห่วงตอนเมาก็อดแซวไม่ได้
“ก็ได้ไปล้างหน้าล้างตา เลยสดชื่น” เซดริกแก้ตัวเสียงเรียบ
“จริงเหรอ แล้วรู้จักผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง” นิลพัฒน์เอ่ยถามอีกคนด้วยความอยากรู้
“ไม่บอก และคนนี้ห้ามยุ่ง โอเค๊” พอพูดจบเซดริกก็ยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วอีกครั้งก่อนจะรินใหม่ พร้อมกับแอบปรายตามองไปทางเมรินทร์เป็นระยะ ซึ่งเห็นว่าหญิงสาวกับเพื่อน ๆ กำลังพากันเดินมาที่กลางฟลอ เมื่อเพลงเริ่มเปิดจังหวะเร็วขึ้น แขกเหรื่อก็ทยอยออกมาเต้น เขามองเพื่อหยั่งเชิงเล็กน้อย จากนั้นจึงถือแก้วเหล้าแล้วลุกไปเสียดื้อ ๆ
“อ้าวเฮ้ยเซด ไปไหนวะ” เพื่อนร้องถามด้วยความสงสัย
“ไปเต้น” สั้น ๆ แต่ได้ใจความ ทว่าเพื่อน ๆ นี่สิที่ต้องแปลกใจ เพราะปกติแล้วเซดริกไม่ใช่คนชอบเต้นกลางฟลอขนาดนั้น นอกเสียจากว่ามีสิ่งดึงดูดให้เข้าไป
ช่วงเวลาเดียวกัน เสียงเพลงเปิดดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามด้วยจังหวะดนตรีที่ไม่เร็วนัก พอให้ได้โยกย้ายเคลื่อนไหวแบบเซ็กซี่ เซดริกแหวกผู้คนแล้วเดินไปยังจุดหมายที่สายตาเล็งเอาไว้แล้ว กระทั่งเดินมาหยุดอยู่ทางด้านหลังของเมรินทร์
“ขอร่วมวงด้วยคนนะครับ” เซดริกโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ๆ หูของเมรินทร์ พร้อมกับเอ่ยเสียงนุ่ม ทำเอาเธอสะดุ้งขนลุกเกรียวเลยทีเดียว
“อุ้ย! เอ่อ” เมรินทร์อุทานแล้วรีบหันควับกลับมาหาทันที ขณะที่เพื่อน ๆ ของเธอได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แสร้งไม่สนใจต่อความหล่อของเซดริก
“คุณนั่นเอง” เมรินทร์เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่มีรอยยิ้มบนใบหน้า
“เต้นรำกับผมสักเพลงนะ” เขาโน้มหน้าเข้าไปพูดใกล้ ๆ เพราะกลัวเธอจะไม่ได้ยิน แต่คิดว่าเต้นเพลงเร็วสินะ ซึ่งคงไม่ได้อะไรมากมายหรอก แค่เต้นด้วยกันเท่านั้นกระมัง เธอคิด
“เอ่อ เชิญค่ะ” เธอไม่อยากปฏิเสธเพราะเขายังคงสุภาพอยู่ แต่เธอไม่กล้าเต้นแรงอยู่ดี ได้แต่โยกตัวเพียงเล็กน้อย
เท่านั้น ส่วนเขาก็เอาแต่จิบเหล้าทีละนิด ยิ้มมุมปาก ขณะที่ดวงตาคมกริบวาววามใต้แสงไฟมากจนทำให้เธอเขินไม่กล้าสบตา แต่ก็ต้องหาเรื่องคุยไม่งั้นบรรยากาศน่าอึดอัดมาก
“เอ่อ ขอบคุณสำหรับไวน์นะคะ” เมรินทร์ขอบคุณตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้คิดจะอ่อยเลยแม้แต่น้อย แต่อาการเขินเหมือนคนกำลังอ่อยชอบกล เธอคิดว่าให้ตัวเอง
“ยินดีครับ ดีใจที่คุณรับไมตรีจากผม ถือเสียว่าเป็นการขอโทษอีกครั้งนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะอย่าคิดมาก มันเป็นอุบัติเหตุ คุณไม่ได้ตั้งใจ”
“เอ่อ ใช่สิ ผมเห็นคุณมากับเพื่อน ๆ น่ะ”
“ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อน ทว่าทุกคนขยับไปเต้นทางไหนแล้วก็ไม่รู้
“อ้าว หายไปไหนล่ะ เร็วกันจริง ๆ เชียว” เธอบ่นก่อนจะหันมาหาเขา
“คงกำลังสนุกมั้งครับ” เขายื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ เสียจนเธอใจเต้นแรง เพียงเพราะได้กลิ่นเหล้าชั้นดีจากลมหายใจร้อน บวกกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพง ผสมกันแล้วมันให้ความรู้สึกเบลอไม่มีสติชอบกล ง่าย ๆ เลยคือกำลังระทวยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอ่อ คนแน่นนะคะ” เมรินทร์กำลังบอกเป็นนัย ๆ ว่าอยู่ใกล้กันมากเกินไปแล้ว อีกทั้งแขกก็เริ่มเบียดเสียด บางคนเต้นไปพลางก็ชนเธอไปพลาง เรียกได้ว่ากระแทกแผ่นหลังเสียจนเธอเซปะทะกับอกกว้างของเขาพอดี
“อุ๊ย!” เมรินทร์อุทานเพราะเจ็บที่โดนกระแทก ทว่าเซดริกก็คว้าเอวเอาไว้ทันอีกครั้ง ก่อนจะมองหน้าคนทำ ซึ่งเป็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง
“ระวังหน่อยสิคุณ” เซดริกหันไปว่าคนที่ชนด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้มพลางขมวดคิ้ว
“คนเต้นอยู่จะให้ระวังอะไรคุณ ถ้าไม่เต้นก็ไปนั่งไป” ชายวัยรุ่นว่าให้อย่างไม่แยแส ซึ่งทำให้เซดริกไม่พอใจ คิดจะเดินเข้าไปหา ทว่าเมรินทร์ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ผมว่าคุณควรขอโทษนะ” เซดริกบอกเสียงเข้ม
“ออกสเตปมันก็ต้องมีชนกันบ้าง ถ้าโดนนิดโดนหน่อยไม่ได้ ก็กลับบ้านครับลุง” วัยรุ่นพูดพร้อมกับยักไหล่ เซดริกก็คงไม่อยู่เฉยแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร เราก็ไปนั่งก็ได้นะคะ นะ” เมรินทร์บอกขณะที่เซดริกกำลังมองหน้าชายคนนั้นและพร้อมจะเอาเรื่อง ไม่รู้จักให้เกียรติผู้หญิงแถมไม่ขอโทษอีกต่างหาก
“นะคะ” เมรินทร์บอกพร้อมกับรั้งแขนเขา ขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นเขากัดฟันแน่นจนเส้นเลือดนูนเป็นสัน เธอจึงปรับน้ำเสียงให้หวานขึ้น เพื่อทำให้เขาใจเย็นลง
“นะคะคุณเซด ไปค่ะ” สิ้นคำของเธอเท่านั้นแหละเขาก็มองหน้าเธอทันที เพราะไม่คิดว่าเธอจะรู้จักและเรียกชื่อเขาถูก เท่านั้นแหละ เขาก็ไม่อยากจะทำอะไรมากไปกว่าการได้คุยกับเธอแล้ว
“ไปนั่งนะคะ” เมื่อรู้ว่าได้ผล เมรินทร์จึงดึงแขนเขาให้เดินตามออกมาจากฟลอ แล้วมานั่งที่โต๊ะของเธอแทน
“อย่าให้เรื่องเล็ก ๆ มาทำให้เสียบรรยากาศเลยค่ะ มันก็ต้องชนกันเป็นเรื่องธรรมดา” นี่เธอกำลังปลอบใจหรือสอนเขากันแน่นะ
“ก็... มันชนคุณแล้วไม่ขอโทษ แถมยังจองหองอีก ควรสั่งสอนกันสักหน่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโอเค เราอย่าไปมีเรื่องคนพวกนี้เลย ไม่ควรไปแลกอะไรด้วยหรอก ดีเสียอีกเราจะได้คุยกันง่ายขึ้นไม่ต้องคุยแข่งกับเสียเพลง” เมรินทร์จะบอกว่าดีที่ได้คุยกับเขาอย่างนั้นหรือ จะเข้าข้างตัวเองว่าเธอชอบดีไหมนะ
“นั่งก่อนนะคะ” ว่าแล้วเธอก็เชิญให้เขานั่งตรงข้ามกัน ขณะที่เขาเริ่มมีรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะมองไปที่ขวดไวน์ที่เขาเป็นคนสั่งมาให้
“เอ่อ ไวน์ถูกปากหรือเปล่าครับ” เซดริกถามเพื่อหยั่งเชิง จะได้มีเรื่องคุยกัน
“ก็... ก็ดีค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย แพงน่าดู”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรินให้นะ” เซดริกรีบขันอาสา ประหนึ่งว่าจะมอมไวน์เธออย่างนั้นแหละ แต่ขณะที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพัง เพื่อนของเมรินทร์ก็แอบมองอยู่ห่าง ๆ พลางหัวเราะคิกคักชอบใจ และถือโอกาสไม่เข้ามาเสียเลย อย่างน้อยก็ให้เมรินทร์ได้มีคนคุยด้วย จะได้ไม่หมองเศร้าเหมือนก่อนหน้านี้