เทพธิดาระเริงไฟ

2119 Words
กองทัพเกราะเงินวางกำลังไว้เป็นสามชั้น หกกองร้อย แนวรบแรกมีสามกองร้อยถือดาบกุมโล่ห์ตั้งเป็นด่านหน้า แนวรบที่สองเป็นกองทวนวางกำลังไว้เป็นชั้นกลาง ส่วนแนวรบหลังสุดเป็นกองเกาทัณฑ์ มีลูกศรพาดสายเตรียมออกศึก ผู้นำกองกำลังยืนอยู่หลังแนวรบ มันรูปร่างสูงใหญ่ แขนขามีกล้ามเนื้อเป็นมัด ใบหน้าเหลี่ยม ตาหยี่ จมูกโต หนวดเครารกครึม ดูคล้ายมนุษย์ครึ่งยักษ์ที่ยืนตระหง่าน เรืองรองไปด้วยรังสีฆ่าฟันไปทั่วกาย มันชื่อซุนจ้าง ฉายาบรรพตค้ำฟ้า จัดเป็นหัวหน้าองครักษ์อันดับเก้าของวังเมฆาขจี เมื่อหลิวหงเหินเห็นมันจากที่ไกลตา พลันอมยิ้มละไมด้วยรู้สึกว่าพอมีทางรอดแล้ว เพราะมันล่วงรู้แน่ชัดว่าซุนจ้างเป็นคนซื่อสัตย์อย่างยิ่ง ทุกวาจามันล้วนมั่นคงเที่ยงตรง สามารถเชื่อถือได้ในทุกวลี แต่การเป็นข้าหลวงที่ซื่อสัตย์เกินไป มักจัดรวมกลุ่มอยู่ในพวกดักดานแล้ว แม้เพลงดาบมันจะเลิศล้ำไม่ยิ่งหย่อนกว่าองครักษ์คนใด แต่มันกลับรั้งอยู่ในอันดับเก้า เกือบท้ายสุดเพราะความเถรตรงเป็นไม้บรรทัดของมันนั้นเอง " เจ้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อันใด เจ้าชายโฉด " เสียงอ่อนหวานของเด็กสาว แว่วถามมาจากด้านหลังชายหนุ่ม ทำให้หลิวหงเหินรู้สึกหนักหลังขึ้นมาทันทีทันใด วูบหนึ่งมันคืดเทียบว่าถ้าแบกซุนจ้างไว้บนหลัง อาจรู้สึกเบาสบายกว่าแบกเด็กสาวเป็นไหนๆ " คนสติฟั่นเฟื่อนจะแย้มยิ้ม จะร้องไห้ ใยต้องมีเหตุผลมากความด้วยเล่า ? " หลิวหงเหินตอบโต้ด้วยทีเล่นทีจริง ขณะก้าวลงจากเนินผา โดยมีชุดเกราะเงินสวมอำพรางตัว ที่ร้ายคือมันต้องแบกเด็กสาวไว้บนหลัง ด้วยเหตุผลเดียวคือ เด็กสาวไม่ยอมสวมใส่รองเท้าทหาร นางว่า เท้าคืออวัยวะที่ซื่อสัตย์ที่สุดของผู้คน ใยต้องปกปิดความซื่อสัตย์หนึ่งเดียวด้วยเล่า !... เด็กสาวสาธยายการเปลือยเท้าเปล่า ขณะสวมใส่เกราะทหาร แล้วนำผ้าขาวมาพันเท้า แสร้งเป็นบาดเจ็บ ให้หลิวหงเหินแบกลงมา " เจ้าคิดอะไรพิเรนท์ได้ใช่หรือไม่ จึงได้ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ แม้ขณะหลับใหลเจ้ายังยิ้มกลิ้งกลอกแบบนี้ออกมาบ่อยๆ " " มีเด็กสาวประหลาดอยู่บนหลัง ย่อมต้องยิ้มพิลึกพิกลแน่อยู่แล้ว " รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลิวหงเหิน ทำให้เด็กสาวคิดกล่าวโต้กลับไปสักอีกหลายวาจา ทว่านางพลันต้องเงียบลงกระทันหัน เมื่อมีกลุ่มทหารวิ่งแตกตื่นเข้ามา " เจ้าสองคนนั้นอยู่กับกองรบท่านจวนมิใช่รึ ....เหตุใดจึงกลับมาเพียงเท่านี้ แล้วนายกองกับพวกที่จะไปคร่ากุมตัวเรา " นายทหารท่าทางขึงขังปรี่เข้ามาด้วยเสียงเอะอะโว้ยวายยิ่ง " ท่านนายกองได้รับบาดเจ็บอยู่บนเชิงผาขอรับท่าน ส่วนน้องชายคนนี้บาดเจ็บสาหัสยิ่ง ข้ากำลังเร่งรีบไปให้หน่วยแพทย์รักษา " หลิวหงเหินเร่งโต้ตอบทันควัน โดยเด็กสาวก็รีบก้มหน้าก้มตาหลบ ทำเป็นระโหยโรยแรงตามคำมัน " เจ้าเร่งรีบนำคนเจ็บไปส่งหน่วยแพทย์ แล้วให้รีบไปสมทบกับกองตะวันตก มีงานเร่งด่วนให้กระทำก่อนสิ่งใดทั้งสิ้น " หัวหน้ากองกำลังกล่าวคำราม ก่อนจะนำแถวทหารไปทิศตะวันตกที่มันออกคำสั่ง หลิวหงเหินแสร้งเป็นผงกหน้ารับ แล้ววิ่งฉิวไปหลังแนวรบ ที่มันรู้ว่ามีหน่วยแพทย์เป็นกองหลังรอคอยอยู่ " เจ้ามาทางนี้ทำไม ไปทางตะวันตกซิ มีเรื่องน่าเล่นรอคอยอยู่ไม่ใช่เหรอ ! " " ต้องไปแน่ ! แต่คนบาดเจ็บไม่สวมใส่รองเท้าจะเข้าไปรวมพลได้อย่างไร " " ย่อมต้องได้ซิ ! " เด็กสาวกล่าวรวบรัด พลางโคจรพลังดีดพุ่งตัวขึ้นจากหลังหลิวหงเหิน แล้วลอยละล่องไปตามยอดไม้ พรางตัวไปกับหมู่แมกไม้อันรกครึ้ม " ข้าละยอมเจ้าจริงๆ แม่นางน้อยสุดพิสดาร " หลิวหงเหินบ่นพึมพำพร้อมหันตัวกลับวิ่งไปทางตะวันตก ไปสมทบกับกองทหารที่กำลังหอบท่อนไม้ กิ่งไม้กันมาเป็นทิวแถว ร้ายที่สุดเห็นจะเป็นผู้นำกลุ่มกองทหาร ที่ทำเอาหลิวหงเหินจ้องมองตาไม่กระพริบ ...เฒ่าหยาง !... " นำเอาฟืนทั้งหมดไปวางไว้หน้าถ้ำ ....หน่วยเกาทัณฑ์รุกคืบมาตั้งแถวเบื้องหน้า หน่วยคบไฟเริ่มจุดฟืนไฟในทันที " เฒ่าหยางบัญชาการราวแม่ทัพใหญ่ เหล่าทหารตระเตรียมทุกสิ่งว่องไวเท่าใจมันปราถนา ถึงครานี้หลิวหงเหินเข้าใจแล้วว่า เหตุใดองครักษ์เก้าจึงแน่นิ่งอยู่กับที่ ไม่ยอมสั่งทหารโจมตีเข้าไปภายในถ้ำ ที่เฒ่าหยางกำลังทำคือการสุมไฟรมควัน กดดันให้คนภายในถ้ำออกมามอบตัว เป็นผู้ใดกัน !... ถึงทำให้พวกมันเปลืองเรี่ยวแรงที่จะจับเป็นมัน แทนที่จะส่งอาวุธหนักทำลายอย่างง่ายดาย " สุนัขต้าหมิง ขลาดเขลาบัดซบยิ่ง เหตุใดไม่ออกมาสู้กันซึ่งหน้า ใช้อุบายชั่วช้านับเป็นวิญญูชนอันใด " เสียงกังวานใสที่ลอยลอดออกจากถ้ำ ฟังคุ้นหูเสียจนหลิวหงเหินทอประกายตาดีใจพร้อมๆกับหวาดวิตกไปในที ...อมิตาร์ !... ทันทีที่หลิวหงเหินรู้ว่าใครอยู่ภายในถ้ำ เปลวไฟพลันลุกโชนโชติช่วง " ตั้งโล่ห์กระพือพัดควันให้เข้าไปในถ้ำโดยไว " เฒ่าหยางตะโกนลั่นสั่งการณ์ โดยทันทีนั้นเหล่าทหารผู้ถือโล่ห์เงินต่างกระพือโหมไล่ควันโขมงเข้าภาพในถ้ำ " เฒ่าชั่วช้า องครักษ์เลวทราม มาข้ามศพข้าไปก่อน ถ้าคิดจะได้ตัวแม่นางไป " ไม่ได้มีอมิตาร์คนเดียวที่อยู่ภายในถ้ำ มีชายกำยำวัยกลางคนกระโดดออกจากถ้ำ มันมีแขนเดียวกวัดแกว่งดาบคล้องห่วงทอง ปัดป่ายกลุ่มควันให้แหวกเป็นทาง " ดาบทองไท้ซาน !...นับเป็นคนกระดูกเหล็กจริงๆ ไม่คิดว่าจะรอดมาถึงตอนนี้ ! " หลิวหงเหินครุ่นคิดกับตัวเอง ขณะเห็นชายแขนเดียวกระโจนออกมาท้าทายองครักษ์ โดยมีเหล่าชายฉกรรจ์แปด-เก้านายถือดาบกวัดแกว่งตามหลังมา " หน่วยเกาทัณฑ์ยิง ! "... เฒ่าหยางร้องสั่งเฉียบขาด พร้อมเพรียงกับที่เหล่าเกาทัณฑ์ต่างปล่อยศรออกจากแหล่ง พุ่งเข้าหากลุ่มควันโดยไม่เลือกเป้า " ผิดท่าแล้ว ! " หลิวหงเหินร้องลั่น พร้อมกับเร่งเผ่นโผนไปยังกองเกาทัณฑ์ เพราะรู้แน่ชัดว่าหากมันไม่ลงมือขัดขวาง มีหวังพวกดาบทองไท้ซานได้มีหนามงอกเป็นเม่นแน่ พลังลมปราณถูกปล่อยออกจากสองดัชนีแยกไปหลายทิศทาง พวยพุ่งเข้าใส่เกาทัณฑ์สิบกว่าคันหักทำลายไปพริบตา ถึงกระนั้นยังมีเกาทัณฑ์อีกหลายสิบคันถูกพลังปราณจากปลายขลุ่ย จู่โจมเข้าหักทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหน่วยเกาทัณฑ์ล้มขม้ำไม่เป็นท่า " แค่ทำลายหน่วยเกาทัณฑ์ไม่พอหรอกเจ้าคนโฉด ดูนั้นซิ ! " เด็กสาวลอยละลิ่วเข้ามายืนเคียงข้างหลิวหงเหิน พร้อมกับชี้ให้ดูชายแขนเดียวในกลุ่มควัน ที่กำลังออกดาบสัปยุทธกับนักดาบเกราะเงินที่ดาหน้าเข้ามา " ถูกต้อง !...แค่เอาเกาทัณฑ์ออกย่อมไม่เพียงพอ ต้องเอาควันไฟออกด้วย ! " หลิวหงเหินกล่าวลิงโลด พร้อมกับกระโจนเข้าหักเสายาวที่ปักธงสีเงินผืนใหญ่ปลิวไสว เพียงพริบตามันใช้วิชาคว้าจับกุญชรหักเอาเสาธงมาถือไว้ในมือ แล้วโบกสะบัดมันด้วยลมปราณอันกระจายไปตามผืนธงไสว สะบัดม้วนเอากลุ่มควันลอยแยกสลายไปหลายทิศทาง ขณะเดียวกับที่เด็กสาวเข้าควงขลุ่ย สกัดเอาเหล่าทหารที่สะบัดทวน ฟันดาบเข้าใส่ ทั้งหมดล้วนถูกเพลงกระบี่ลมปราณสะกัดกั้น จนถอยห่างไปหลายก้าว ส่วนดาบทองไท้ซานเมื่อเห็นกลุ่มควันเบาบาง จึงทุ่มเทท่าร่างเปล่งอนุภาพดาบได้แกร่งกร้าว ทรงพลังจนดาบในมือทหารหักสะบั่น โล่ห์บิ่นพังไปหลายชิ้นหลายอัน ตราบกระทั้งพื้นเริ่มสะเทือนไหว เมื่อร่างยักษ์ขององครักษ์9 พลันเคลื่อนขยับ พร้อมเสียงกัมปนาทพุ่งเข้าใส่ดาบทองไท้ซาน " วางดาบ มอบตัวเสียแต่โดยดีเจ้าพวกกฏ แล้วข้าจะละเว้นโทษตายให้ " ซุนจ้างตวัดดาบใหญ่ยักษ์สะบัดเข้าใส่กลุ่มของดาบทองไท้ซาน .... ซุนจ้างใช้เพลงดาบอันสืบทอดมายาวนานจากรัฐเว่ย เป็นวิชาอันทรงพลังทางกายภายนอกราวสัตว์ป่าคลุ่มคลั่ง ฟาดฟันจนเหล่าชายผู้ถือดาบทองถอยล่นไม่เป็นขบวน ดาบทองไท้ซานถึงกับมือสั่นเทา ต้านรับดาบมันได้ไม่กี่ท่าก็ต้องมีอันทรุดเข่าลงกับพื้น เกินกว่าจะฝืนทน กระทั้งเกิดประกายสีทองวาววับพุ่งออกจากถ้ำ บินโฉบเข้าใส่ซุนจ้าง จนมันตั้งโล่ห์รับ ทำให้แสงสีทองสะท้อนกลับเข้ามืออมิตาร์ ! ที่เหินลอยออกจากถ้ำ เอื้อมมือคว้าดาบโค้งที่ล่อนวนวกกลับ เมื่อมีดาบอยู่ในมือ นางคล้ายกลับกลายร่างเป็นเทพีแห่งสงคราม ....นางพลิกกายกลางอากาศ วาดดาบโค้งเสี้ยวพระจันทร์ ร่ายกระบวนท่าจู่โจม8กระบวนท่าตามติด ในชั่วพริบตา เพลงดาบอาบจันทร์ที่นางใช้ออก ยิ่งลงมือ ยิ่งแผ่ขยายคมคาย ราวแสงจันทร์แผ่รังสีขยายออก หากดาบใหญ่กับโล่ห์เหล็กได้ตั้งรับ พร้อมตีโต้ดั่งภูผาถล่มทลาย ผ่านไปห้าสิบกระบวนท่า ดาบโค้งที่เวียนวนรอบตัวซุนจ้างได้พลิกเปลี่ยนเป็นโจมตีด้านล่าง ว่องไวดั่งพายุโหมทวน ตรงเข้าเฉือนฟันเข้าข้อพับตรงหน้าเข่าของซุนจ้างเต็มแรง องครักษ์9พลันต้องเซถอยล่น เลือดซึมอาบขา หากดาบทรงพลังยังตวัดวาดป้องกันกาย พร้อมแผดเสียงร้องตะโกนสุดเจ็บปวด ชั่วกระบวนท่าผลิกแพลงเดียว ก่อนดาบอาบจันทร์จะตรงฟาดฟันได้ชัยชนะ เบื้องบนพลันเกิดประกายไฟวูบวาบพวยพุ่งเข้าใส่อมิตาร์ ราวดาวตกลุกติดไฟถาโถมมา ทั้งหมดที่พุ่งมาคือห่วงทองติดไฟลุกท่วม ทะยานมานับร้อย ตรงเข้าโฉบเฉี่ยวร่างอมิตาร์ จนนางต้องตวัดดาบโค้งคุ้มครองกาย ชั่วอึดใจองครักษ์ในชุดเกราะทองนับร้อย ได้ลอยละล่องลงจากเนินผา ราวเหล่าเซียนชุดทองล่อนลงจากสวรรค์ ตรงเข้ามาล้อมรอบร่างอมิตาร์ไว้ทุกทิศทาง ห่วงเพลิงที่ล่อนมาก่อนหน้า ล้วนตกลงพื้นเกิดไฟกระพือโหมลุกโพลงขึ้น แสงส่องเจิดจ้าอาบไล้เรือนร่างแช่มช้อยในอาภรณ์เหลืองสล่าง ให้สว่างไสวดั่งเกิดรัศมีในร่างเทพธิดาน้อยกลางวงเพลิง แล้วผู้นำแห่งกลุ่มองครักษ์เกราะทองได้ลอยละล่องมากับห่วงทองในมือ โฉบลงมายืนอยู่เบื้องหน้าเปลวไฟอันโชติช่วง มันคือจางตง หัวหน้าองครักษ์อันดับสอง ผู้มีฉายาอัสนีร่างทอง.... " แม่นางอมิตาร์ ในที่สุดข้าพเจ้าก็หาท่านจนพบ ไม่ทราบว่าหลงลืมสัญญาประลองกันแล้วหรือ ? " จางตงในรูปลักษณ์งามสง่า ในอาภรณ์สีทองอร่าม ได้ก้มกายกล่าวสุภาพหากทรงพลังเย้อหยิ่ง จนไม่เหลือบแลองครักษ์9 ที่ค่อยเขยิบตัวยืนสับส่ายเพราะแรงเพลิงที่โหมกระพือ " เป็นท่านเองหัวหน้ารอง ไม่พบกันเพียงครู่ ท่านกลับกลายเป็นชายไร้ยางอาย ใช้พวกมากเข้าเอาชัยไปแล้วรึ " อมิตาร์กล่าวด้วยรอยยิ้มพริ้มพราย ใบหน้าคมคาย งามซึ้งอย่างสาวเปอร์เซีย บาดเฉือนจนเหล่าชายสะทกสะท้านใจสั่นระรัว แม้แต่จางตงว่าสุขุมสงวนท่าที ยังไม่วายที่หนวดเหนือริมฝีปากยังต้องสั่นกระตุก เกร็งความรู้สึกที่นางถากถางมา " การประลองอย่างชาวยุทธจะอย่างไรต้องพิสูจณ์แน่แท้ แต่วันนี้ข้าพเจ้ามาในนามข้าหลวงแห่งต้าหมิง จะอย่างไรสมควรคร่ากุมกบฏ ตามหน้าที่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน " " ฮ่า ฮ่า ฮ่า...สุนัขต้าหมิง จะอย่างไรย่อมเป็นสุนัขอยู่ดี จะมัวเชื่องช้าอยู่ใย รีบลงมือเถิด ! "... อมิตาร์กล่าวด้วยเสียงเริงรื่น พลางวาดดาบร่ายรำในวงเพลิงสีส้มจาง ๆ เลื่อนไหลประกายไฟไปตามกระแสลมปราณจากปลายดาบ ดูไปคล้ายเปลวเพลิงเวียนไหวไปตามเรือนกายนาง ผู้คนล้วนมองดูจนตะลึงลาน ดูประหนึ่งเทพธิดาระเริงไฟในพงพี….
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD