นิลอรหันไปตะคอกบ้าง ตอนนี้น้ำตาอาบใบหน้านวลแล้วเรียบร้อย บาดแผลในหัวใจมันเจ็บแสบเกินทนจริงๆ เธอไม่ได้แค้นที่เขาไล่หรอก แต่แค้นที่เขาไม่ยอมบอกกันดีๆ ทำไมต้องให้ยัยปีศาจนั่นเป็นคนมาบอกด้วย ที่สำคัญก็คือทำไมเขาไม่พูดความจริงว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว ถ้าเขาบอกก่อนสักนิดเธอจะไม่โกรธไม่แค้นใจเลย
“เธอบอกว่าฉันมีภรรยาหรือเปล่าเมื่อครู่น่ะ เธอจะบ้าหรือแองจี้”
“ถ้าเป็นผู้หญิงสวยๆ ที่ชอบแต่งตัวประหนึ่งตู้เพชรเคลื่อนที่ละก็ ใช่เลยล่ะ หล่อนมาแสดงตัวว่าเป็นภรรยาคุณและขอร้องฉันอย่างน่าเวทนาที่สุดด้วยการบอกให้ฉันรีบเก็บกระเป๋าแล้วรีบเผ่นจากคอนโดฯ ของคุณซะ เพราะฉันเป็นมือที่สามระหว่างพวกคุณ และที่สำคัญ คุณตู้เพชรก็กำลังท้องลูกของคุณอยู่ ฉันถามหน่อยเถอะว่าถ้าคุณเป็นฉันบ้างคุณจะทำยังไง!”
นิลอรพูดรัวเร็วราวกับว่าถ้าช้ากว่านั้นจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก
“ฉันจะถามความจริงจากปากของผู้ชายที่นอนเตียงเดียวกับเธอทุกคืนไงล่ะแองจี้” โจนาธานครางบอกสิ่งที่เขาจะทำหากเขาตกอยู่ในสถานการณ์นั้น
“ไม่มีทางหรอก ขนาดฉันยังโกรธแทบเป็นบ้า ฉันควานหาพาสปอร์ตเผ่นกลับเมืองไทยแทบไม่ทันด้วยซ้ำ ถ้าเป็นคนบ้าอำนาจอย่างคุณฉันว่าคงบีบคอยัยปีศาจนั่นตายคามือไปแล้ว” นิลอรเว้นช่วงเพื่อสูดอากาศเข้าปอด เธอปาดน้ำตาไปด้วยจนปลายจมูกและตาสองข้างเริ่มแดงก่ำ “แล้วไงคะ พวกคุณยังอยู่ดีมีสุขกันดีไหม ลูกเต้าโตๆ กันหรือยัง อ้อ..น่าเสียดายนะ วันที่ฉันกลับมาที่นี่ฉันน่าจะเอาเงินสดกับเครื่องเพชรในเซฟมาด้วย เพราะถ้าฉันโกรธน้อยกว่านั้นนิดหนึ่งฉันจะกอบโกยจากคุณให้เปรมเลย”
นิลอรยิ้มหยันตัวเองพลางปาดน้ำตา วันนี้สิ่งที่อัดอั้นตันใจมากว่าสี่ปีได้ถูกระบายออกมาจนหมดจนสิ้น เหลือก็แต่เขาเท่านั้นว่าจะแก้ต่างเรื่องนี้อย่างไร
ร่างสูงหนาเริ่มระอากับนิทานที่แม่ของลูกปั้นขึ้นมา ยอมรับเลยละว่าตอนที่มันพรั่งพรูออกมาพร้อมหยาดน้ำตานั้นเขาอยากจะเชื่อจริงๆ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ‘เอลิซ เกรย์’ ไม่ใช่คนช่างแต่งเรื่อง หล่อนคงไม่ไร้สาระขนาดลุกมาเขียนจดหมายบ้าๆ เพื่อให้เขาเข้าใจผิดนางบำเรอของตัวเองหรอกน่า
บางทีนิลอรอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ บางทีเอลิซอาจจะเพียงแนะนำตัวว่าเป็นอดีตภรรยาของเขา และต่อจากนั้นก็เป็นความโกรธของนิลอรเองที่พาหล่อนกลับมาที่นี่ ส่วนเรื่องจดหมายสั่งลานั่น เขายังหาข้อสรุปไม่ได้ว่ามันเป็นมาอย่างไร เพราะนิลอรเองคงไม่กล้ามีชู้รักในขณะที่ตั้งท้องลูกฝาแฝดหรอก...เขาหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นละนะ
โจนาธานเคลื่อนร่างสูงหนาเข้าหาแม่ของลูกอีกนิดก่อนจะดึงร่างสั่นน้อยๆ ของหล่อนเข้ามากอดปลอบอย่างที่เคยทำเมื่อนานมาแล้ว แน่นอนว่าหล่อนดิ้นพล่านราวกับปลาถูกน้ำร้อนทีเดียว แต่เขาก็ไม่มีวันปล่อยจนตอนนี้หล่อนสิ้นฤทธิ์ยืนหายใจหอบถี่ไปเรียบร้อย
“ฟังนะแองจี้ ฉันหย่ากับเมียตั้งนานแล้ว ฉันจะอธิบายให้ฟังชัดๆ นะ บางทีผู้หญิงคนนั้นที่เธอเคยพบเมื่อนานมาแล้ว อาจจะเป็นเพียงอดีตภรรยาของฉัน และฉันคิดว่าบางทีพวกเธอคงจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ”
“ฉันไม่ได้โง่นะ ฉันจบมหาลัยตอนอายุยี่สิบด้วยซ้ำ ฉันเก่งภาษาอังกฤษกับภาษาจีนกลาง ถ้าฉันฟังเมียคุณพูดผิดไปแสดงว่าวันนั้นหูฉันคงผิดปกติแล้ว” นิลอรอดเถียงไม่ได้ เขากำลังกล่าวหาเธอใช่ไหมว่าสี่ปีที่ผ่านมาเป็นเพราะเธอเองที่พาลูกๆ มาพบกับความยุ่งยาก ทุกอย่างมันเป็นเพราะความเข้าใจผิดของเธออย่างนั้นหรือ เข้าใจคิดเหลือเกินนะ
“โอเคๆ ฉันจะไม่โทษใครก็ได้ เอาเป็นว่าเรื่องทั้งหมดทั้งมวลถือว่าฉันผิดคนเดียวก็แล้วกันนะที่รัก ฉันผิดที่ไม่ยอมตามหาเธอ ฉันไม่อาจปฏิเสธได้เลยในข้อนี้ และที่ฉันอยากจะบอกเธออีกเรื่องก็คืออดีตภรรยาของฉันชื่อเอลิซ และตอนนี้ฉันก็หย่ากับหล่อนมามากกว่าเจ็ดปีแล้ว ก่อนหน้าที่ฉันจะเจอกับเธอ หล่อนก็แต่งงานใหม่ไปแล้วด้วยซ้ำ ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีกเพราะเราคงทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น เอาเป็นว่าฉันจะยอมรับความผิดทั้งหมดเอาไว้เอง โอเค?”
“ไม่โอเค! ถ้าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด คุณก็ต้องเอาเวลาสี่ปีที่แล้วมาคืนฉัน! คุณรู้ไหมว่าฉันลำบากแค่ไหนที่ต้องทำงานงกๆ เลี้ยงเด็กสองคนนั้น คุณรู้บ้างไหม!”
นิลอรสาดซัดวาจาใส่โจนาธานเสียจนชุ่มโชก เธอเหนื่อยและเจ็บเหลือเกินที่ต้องมาแบกรับทั้งความจริงและสิ่งที่เขาบอกกล่าว เธอไม่ได้หูฝาด ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นภรรยาของเขาจริงๆ แต่ก็อย่างว่าละนะ เขาอาจจะเชื่อใจคนที่เขาบอกว่าเป็นอดีตภรรยามากกว่าเชื่อนางบำเรออย่างเธอ
“ฉันขอโทษนะแองจี้ ขอโทษจริงๆ” หนุ่มใหญ่กอดรัดร่างของอดีตนางบำเรอด้วยความสงสารเห็นใจยิ่งนัก ไม่ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นอย่างไร แต่สี่ปีที่ผ่านมาก็เป็นเพราะเขาเองที่ไม่เชื่อใจหล่อนและไม่ยอมออกตามหา เขาผิดเองที่ทอดทิ้งช่วงเวลาดีๆ ไปถึงสี่ปี
“ปะ...ปล่อย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” นิลอรเริ่มรู้สึกตัวเพราะแรงกอดรัดที่มากเกินปกติ แถมไอ้กระแสไฟวูบวาบที่มาจากร่างหนาก็ทำให้เธอต้องรีบไปให้ห่างจากอ้อมแขนคู่นี้ ให้ตายเถอะ กี่ปีๆ เขาก็ยังเปี่ยมล้นด้วยแรงดึงดูดทางเพศอย่างที่เธอไม่สามารถต้านทานได้เลย เขายังมีมันอยู่ล้นปรี่เหมือนวันแรกที่ได้พบกันไม่มีผิด
“ไม่ปล่อย...ฉันจะไม่ปล่อยเธออีกแล้ว เราจะกลับสิงคโปร์ด้วยกันและสร้างครอบครัวเล็กๆ ของเรากันใหม่นะแองจี้ เราเริ่มต้นกันใหม่นะที่รัก”
โจนาธานวอนขอแม่ของลูก แล้วทำในสิ่งที่นิลอรไม่คาดคิด
“มะ...ไม่! อย่านะ! อ่อยอ๊ะ!”
เสียงร้องทัดทานเริ่มฟังไม่ได้ศัพท์ในประโยคท้ายๆ นั่นเพราะนิลอรถูกริมฝีปากของโจนาธานปิดกั้นเสียงเอาไว้ ร่างบางถูกจู่โจมด้วยความรวดเร็ว เขาผลักประตูให้ปิดลงด้วยการใช้เท้าเข้าช่วย และนั่นทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนยิ่งดิ้นแรงยิ่งกว่าเดิม