มือหนาของโจนาธานเลื่อนมากดท้ายทอยของแองจี้น้อยให้เข้าหา กะระยะให้ริมฝีปากหล่อนประทับลงมาตรงตำแหน่งที่เขาต้องการพอดิบพอดี ตอนนี้เขาลืมตาขึ้นมาแล้ว และได้เห็นนัยน์ตาขุ่นเขียวของคนที่เขากำลังพยายามจูบอยู่
“อ้าปากเดี๋ยวนี้แองจี้” เขากระซิบลอดไรฟัน แต่นิลอรยังเม้มปากแน่นไม่ยอมให้เขาได้ล่วงล้ำไปมากกว่านี้ หนุ่มใหญ่หัวใจละอ่อนไม่ยอมแพ้ในยกแรก ในเมื่อนิลอรไม่ยอมเปิดปากให้เขาจูบ เขาจึงเปลี่ยนมาหอมแก้มสีน้ำผึ้งของเจ้าหล่อนแทน
ฟอด! ฟอด!
“อ๊ายยย!”
สองแฝดส่งเสียงอย่างชอบอกชอบใจเมื่อได้ยินเสียงฟอดๆ ดังกล่าว นิลอรหน้าแดงก่ำ เธอคาดโทษตาแก่โจนาธานเอาไว้ในใจตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
“เอามือออกได้แล้วจ้า รู้สึกว่าแด็ดดีจะได้ยาดีฟื้นแล้วครับผม” คุณพ่อลูกสองปล่อยแม่ของลูกให้เป็นอิสระ ตอนนี้หนูน้อยจึงเอามือที่ปิดตาออก
“พรุ่งนี้แด็ดดีจะไปซื้อของ ใครจะเอาอะไรบ้างไหมครับ แด็ดดีจะให้รางวัลบ้าง” เขาบอกพลางยิ้มกว้าง ก็อยากตอบแทนที่ลูกๆ ทำให้แด็ดดีได้หอมแก้มมามี้นี่นา
“เจคจาเอาหุ่นยนต์” เจ้าหนูนัยน์ตาพราวระยับขณะบอกกล่าวในสิ่งที่ตนปรารถนา โจนาธานพยักหน้าหงึกหงัก แค่หุ่นยนต์สบายมาก ซื้อให้ทั้งโรงงานยังได้เลยลูกชาย
“เจสเอาตุ๊กตาเจ้าหญิงตัวหญ่ายๆ” เจสสิก้าบอกบิดาบ้าง
“อืม...ได้อยู่แล้วลูกรัก แต่ก่อนอื่นต้องให้รางวัลแด็ดดีก่อน เอ้าเร้ว! ใครจะหอมแก้มแด็ดดีเป็นรางวัลบ้าง”
ฟอด!!!
สองแฝดหอมแก้มบิดาคนละข้างพร้อมๆ กันแล้วส่งเสียงหัวเราะชอบใจ นิลอรเบะปากใส่ความขี้อ้อนของหนุ่มใหญ่ ก่อนจะประกาศว่าปาร์ตี้นิทานรอบดึกหมดเวลาแล้ว และทุกคนต้องเข้านอนเสียที
โจนาธานและนิลอรส่งลูกๆ เข้านอนด้วยการจูบอวยพรให้ทั้งสองคนนอนหลับฝันดี ก่อนจะออกมาจากห้องของเด็กๆ เมื่อปิดไฟเรียบร้อยแล้ว
หญิงสาวเป็นฝ่ายปิดประตูห้องให้ลูก เธอเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองโดยไม่ยอมพูดอะไรกับพ่อของลูกสักคำ
“เดี๋ยวสิแองจี้” โจนาธานร้องห้ามแม่ของลูก เจ้าหล่อนกำลังจะเปิดประตูห้องนอนของตัวเองแล้วเข้าไปในนั้น โดยทิ้งเขาเอาไว้ด้านนอกตอนเที่ยงคืนกว่าๆ
“อะไรมิทราบ” นิลอรหันกลับมา ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งที่ข้างในมันกำลังปั่นป่วนเพราะกลิ่นของบุรุษเพศที่ไม่ได้พานพบในระยะประชิดมากว่าสี่ปี แถมบุรุษคนดังกล่าวยังเป็นพ่อของลูก เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ได้สัมผัสพรหมจรรย์ของเธอ
“ใจคอเธอจะให้ฉันนอนข้างล่างเหรอ”
“ใช่ แต่ถ้าไม่พอใจ จะกลับไปนอนบ้านตัวเองก็ได้นะ”
นิลอรยิ้มเยาะเล็กน้อย ยกมือกอดอกรอดูท่าทีเขาว่าจะทำอย่างไรต่อ โดยหารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นยิ่งทำให้ทรวงอกที่ไร้เสื้อชั้นในถูกดันจนขึ้นรูป มันยังอวบอิ่มและดูเหมือนจะอวบยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่มีเจ้าตัวแสบสองคนเสียอีก
“แน่ใจเหรอ ก็ในเมื่อเธอจงใจยั่วฉันซะขนาดนี้”
นิลอรปล่อยมือที่กอดอกออก เขาพูดเรื่องอะไรกัน เธอเนี่ยนะยั่ว ก็แค่ชุดนอนสายเดี่ยวคอลึกและชายกระโปรงสั้นเต่อจวนจะเห็นแก้มก้นกับชุดชั้นในที่เธอไม่ได้ใส่มันเท่านั้นเอง...
‘กรี๊ดดด!!! งั้นตอนนี้เธอก็โนบราน่ะสิ!’
นิลอรหน้าชาเมื่อรู้ว่าทำผิดมหันต์ รีบถอยหลังเข้าด้านในช้าๆ และอาศัยความว่องไวปิดประตูกั้นเขาเอาไว้ด้านนอก แต่ความไวของเธอคงต้องพ่ายแพ้พ่อของลูกกระมัง เพราะในที่สุดเขาก็เข้ามายืนอยู่ในห้องนอนจนได้
“ห้องเธอสวยดี” เขาชมขณะกวาดตาไปมองรอบๆ นิลอรรีบไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะค้นหากุญแจห้องนอนแขกในลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้ง
“นี่...เอานี่ไปแล้วรีบๆ ออกไปซะฉันจะนอน ห้องอยู่ข้างๆ ฉันนี่แหละ ทั้งบ้านมีห้องอยู่แค่นี้คงไม่หลงหรอก”
นิลอรส่งกุญแจให้แบบไม่ค่อยพอใจนัก โจนาธานอยากจะจูบหล่อนอีกสักครั้งเหลือเกิน นานมากแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกอยากจูบใครอย่างนี้ ก็ใช่ละนะเพราะนิลอรเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถปลุกพลังอันน่าพิศวงในเรือนกายของเขาได้นี่นา
หนุ่มใหญ่หย่อนกุญแจที่รับมาลงในกระเป๋าเสื้อสูท แน่นอนว่าทุกๆ วินาทีดวงตาเขายังจดจ้องอยู่แต่วงหน้าของแม่แองจี้น้อย
“ทำไมเธอถึงทิ้งฉันมา”
เขาถามตรงๆ อีกครั้ง นิลอรสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะตอบ
“ฉันไม่ได้ทิ้ง! แต่ฉันถูกเฉดหัวส่งโดยผู้หญิงที่ประกาศว่าเป็น...”
มือทั้งสองกำแน่นอยู่ข้างลำตัว ความเจ็บปวดที่ถูกฝังอยู่ก้นบึ้งของจิตใจถูกเขาใช้วาจาเพียงไม่กี่คำขุดออกมาอย่างง่ายดาย แรงดึงทึ้งของคำพูดในประโยคนั้นทำให้หัวใจเธอเป็นแผลเหวอะหวะ เลือดซึมไหลซิบๆ ทีเดียว
“เป็นใคร?” โจนาธานพยายามหาคำตอบ ดูเหมือนว่าบางอย่างหรือบางคนกำลังเล่นตลกกับเขาด้วยการแย่งชิงเวลาที่เขาสมควรมีความสุขกับแองจี้และลูกๆ ไปนานถึงสี่ปี และเขาต้องการรู้
“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก เราต่างคนต่างอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว ฉันไม่ต้องการแย่งของของใคร” นิลอรตอบเสียงเครือ น้ำตากำลังจะไหลออกมาจากหน่วยตาสีนิลแต่เจ้าตัวรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อให้มันไหลย้อนคืน
“ของของใครแองจี้” หนุ่มใหญ่ย้อนถาม เขามั่นใจว่าไม่ได้มีพันธะผูกพันกับใครในตอนนั้นหรือแม้แต่ตอนนี้ก็เถอะ และใครกันที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้
“ภรรยาของคุณไงมิสเตอร์!” นิลอรกระแทกเสียงเกรี้ยวกราดลงไปในประโยคนั้น เจ็บปวดกับการปิดบังของเขา ในเวลานั้นเธอยอมรับความจริงแล้ว ยอมรับความผิดที่เธอก่อ ยอมทนให้บาปกรรมมันลงทัณฑ์จนปวดร้าวทั้งกายใจ ยอมเป็นนางบำเรอที่ทำหน้าที่บนเตียงของเขา คนที่ได้พรหมจรรย์ของเธอไปง่ายๆ เพราะความโง่ของเธอเอง
“อะไรนะ!?” โจนาธานถามกลับอย่างตื่นตระหนก เขาคิดว่านิลอรคงจะเข้าใจบางอย่างผิดไป
“ไม่ต้องมากระแทกเสียงใส่ฉันตอนที่ฉันพูดความจริง!”