บทที่ 5
โปรดอย่าทำร้ายใจ
ชาร์ลส์เดินตรงสู่ลิฟต์เมื่อแยกจากความยุ่งยากที่สาวต่างถิ่นหยิบยื่นมาให้ เขาหัดพูดภาษาไทยราวสี่ปีก่อน เพื่อนิลอร หญิงสาวที่เป็นแรงจูงใจเพียงหนึ่งเดียวของเขา
ร่างสูงโปร่งก้าวเข้าไปในลิฟต์ และก้าวออกมาเมื่อลิฟต์ส่งเขาถึงชั้นที่เจ้านายบอกมาทางสมาร์ตโฟน ถ้าเดาไม่ผิด เขาควรจะได้พบนายผู้หญิงคนสวยในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า
“ชาร์ลส์! ทางนี้!”
นิลอรโบกไม้โบกมือเรียกผู้ช่วยของสามี เธอซื้อของใช้จำเป็นด้วยความรวดเร็วเพื่อจะได้ไม่เสียเวลาวกกลับมาซื้ออีก ของใช้ภายในบ้านจำพวกน้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจานและอื่นๆ จึงถูกคุณแม่ยังสาวหอบหิ้วจนล้นมือ
“โอ...แองจี้? ทำไมคุณถึงไม่ใช้รถเข็นล่ะ”
ชาร์ลส์ถามพลางยื่นมือไปรับข้าวของที่นายผู้หญิงคนใหม่ถืออยู่
นิลอรยิ้มให้น้อยๆ พลางบอกว่ามันไม่ได้เยอะขนาดต้องใช้รถเข็น เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวชาร์ลส์ก็ต้องมาช่วยถือ สามีคนดีเพิ่งโทรมาบอก
“เราเอาของไปเก็บก่อนดีกว่านะ” นิลอรชวนแล้วเดินนำไปยังลิฟต์ที่ชาร์ลส์เพิ่งก้าวออกมา เพื่อโดยสารลงไปยังชั้นล่างสุด
สิบนาทีต่อมา ชาร์ลส์และนายหญิงของเขาก็เก็บของเข้าหลังรถเรียบร้อย นิลอรส่งถุงกระดาษใบหนึ่งให้ชาร์ลส์เป็นสินน้ำใจ ไม่ใช่เรื่องช่วยถือของแน่ๆ ที่ทำให้ชายหนุ่มได้รับของสิ่งนี้ แต่เป็นเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน ชาร์ลส์ช่วยเหลือเธอไว้มาก เธอไม่เคยลืม
ผู้ช่วยหนุ่มอยากรู้ว่านายหญิงให้ของเนื่องในโอกาสอะไร แต่ก็ไม่ได้ถาม เขาหยิบสิ่งที่อยู่ในถุงกระดาษออกมาพิจารณา มันคือเนกไทลายเรียบหรู ไม่โดดเด่นจนเกินไป และในชั่ววินาทีนั้น ความปลื้มปริ่มยินดีก็ไหลบ่าเข้าสู่หัวใจเย็นชาของชาร์ลส์
“ชอบไหมชาร์ลส์ ลองเลยก็ได้นะ ฉันอยากดูว่าเหมาะกับคุณหรือเปล่า” คุณแม่ลูกสองคะยั้นคะยอให้ชาร์ลส์สวมเนกไทที่เธอเพิ่งซื้อให้
“ขอบคุณครับ แต่ว่า...เอาไว้สวมวันเดินทางกลับสิงคโปร์ดีกว่า” เขาบอกแล้วยิ้มเก๋อย่างที่ใครๆ ได้เห็นแล้วต้องใจละลาย และใครๆ ที่ว่าในตอนนี้ก็คงต้องรวมนิลอรเข้าไปด้วย
คุณแม่ลูกสองยิ้มค้างเมื่อเห็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของชาร์ลส์ เขารูปงามราวเทพบุตรตอนส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้พร้อมคำขอบคุณ แล้วจู่ๆ สองเข่าของเธอก็อ่อนลงเสียดื้อๆ มันไร้เรี่ยวแรงกะทันหัน และชาร์ลส์อีกนั่นแหละที่คว้าร่างเธอไว้ได้ ก่อนจะร่วงลงไป
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
หัวใจของเธอเต้นถี่เร็วแรง เมื่อร่างกายหลายส่วนแนบสนิทกับร่างแกร่งกำยำของชาร์ลส์ เขากอดเธอไว้แนบแน่นจนสัมผัสได้ถึงแผ่นอกบึกบึนและร้อนผ่าว แล้วพลันเส้นขนอ่อนในเรือนกายก็พร้อมใจลุกพรึ่บพร้อมกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่มวลแห่งความวาบหวาม แล่นเข้ามาคลี่คลุมทั้งเขาและเธออย่างไม่ทันตั้งตัว
ทั้งสองจ้องตากันเนิ่นนาน ราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงฝันที่รายล้อมด้วยทุ่งดอกไม้และสายลมบางๆ แล้วริมฝีปากของฝ่ายชายก็ค่อยๆ ประทับลงมาบนริมฝีปากอิ่มสวยของฝ่ายหญิงอย่างช้าๆ
แล้ววินาทีนั้นเอง ที่สติของนิลอรกลับคืนมา สองตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ความอ่อนหวานที่รายล้อมรอบกายสูญสลายในฉับพลัน นี่เธอกำลังทำบ้าอะไร! เธอกำลังจูบกับผู้ช่วยที่มีนามสกุลเดียวกับสามีตัวเอง! มันไม่สมควรเลยสักนิด! ไม่สมควรเลย! ผลักเขาออกสินิลอร ผลักเขาออกไป!
หวืด!
ร่างสูงใหญ่ของชาร์ลส์ลอยห่างออกไปชั่วพริบตา ทว่านิลอรมั่นใจว่าไม่ใช่แรงผลักของเธอแน่ๆ
“โอ...คุณพระช่วย!? โจนาธาน!”
ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!
สามหมัดหนักๆ ที่โจนาธานซัดใส่ชาร์ลส์ ยังไม่อาจสมานแผลใจให้หายเจ็บ ทำไมคนที่เขารักและห่วงใยทั้งสองคนถึงได้รังแกเขาด้วยการกระทำอันไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องจริง! พวกเขาทำได้อย่างไร ทำร้ายเขาได้อย่างไรกัน!
“ชาร์ลส์...” นิลอรวิ่งไปดูคนที่นอนหงายอยู่กับพื้น ส่วนโจนาธานยืนพิงรถด้วยความเหนื่อยหอบ เหนื่อยทั้งหัวใจและร่างกายจนแทบไม่มีแรงจะยืน
ชาร์ลส์ได้สติ เขาลุกขึ้นและปัดมือของนิลอรออกอย่างสุภาพ ดวงตาสีเทาสุดเย้ายวนไม่ได้ถูกบดบังด้วยแว่นสีชาอีกต่อไป มันกระเด็นออกไปที่ใดเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ผู้ช่วยหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายที่เคารพยิ่งกว่าบิดาของตัวเอง โจนาธาน คิงส์ เปรียบเสมือนผู้ให้ชีวิตใหม่ ให้ความอบอุ่น ให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความรักเท่าที่บุรุษผู้หนึ่งจะมอบให้คนในครอบครัว แต่เขากลับตอบแทนความเมตตาที่ได้รับ ด้วยการกระทำที่หนักหนายิ่งกว่าคำว่าเนรคุณ!
“ผมขอโทษครับนาย ผมไม่มีคำแก้ตัวครับ แต่นายหญิงไม่ผิด เธอโดนบังคับ”
ผัวะ!
อีกหนึ่งหมัดกระทบมุมปากของชาร์ลส์ มันทำให้ร่างเขาเซไปหลายก้าว และเมื่อทรงกายให้ยืนอยู่ได้ เขาก็ก้าวเข้าหานายที่รักยิ่งอีกครั้ง
“แองจี้ เธอไปพาลูกลงมา เราจะกลับกันแล้ว”
นิลอรใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ คิดว่าโจนาธานจะเกรี้ยวกราดจนสามารถบีบคอเธอให้ตายคามือ แต่เขาแค่บอกให้เธอไปพาลูกกลับมาขึ้นรถเท่านั้น เขาต้องการให้เธอสำนึกผิดใช่ไหม ถ้าใช่ละก็...ได้เลย ตอนนี้เธอรู้สึกผิดเป็นบ้า และหวังว่าเขาจะสะใจ
“ขึ้นรถชาร์ลส์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
เมื่อเจ้านายสั่ง ลูกน้องก็ทำตามอย่างว่าง่าย ชาร์ลส์ก้าวไปเปิดประตูให้เจ้านาย ไม่แยแสรอยเลือดที่ติดอยู่มุมปากด้วยซ้ำ
ความเงียบงันครอบครองพื้นที่ทุกตารางนิ้วภายในห้องโดยสาร ก่อนที่เสียงอันแหบเครือของหนุ่มใหญ่จะแทรกผ่านความเงียบงันนั้น
“ฉันเสียใจที่สุด เสียใจจนไม่รู้จะทำยังไงกับนายดี ฉันรักนายเหมือนน้องชาย เหมือนคนในครอบครัว แต่นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง ฉันอยากฆ่านายให้ตายคามือ แต่ฉันก็ทำไม่ได้ เพราะฉันรักนายเกินไป!”
ชาร์ลส์นิ่งเงียบ เฝ้าฟังถ้อยคำที่เจ้านายระบายออกมา เขาอยากฆ่าตัวตายให้สาสมกับความผิดหนนี้ เขาควรหักห้ามใจไม่ใช่หลงใหลไปกับแรงยั่วยุของกิเลศตัณหา เขาไม่น่ากระทำเรื่องไร้ยางอายพรรค์นี้เลย ให้ตายสิ!
“ผมจะไม่ทำมันอีก ผมสาบานครับนาย”
ชาร์ลส์ยืนยันหนักแน่น สบตากับเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง
โจนาธานนัยน์ตาแดงก่ำเพราะกลั้นน้ำตาไว้สุดชีวิต เขาไม่เคยลงไม้ลงมือกับชาร์ลส์ แต่ก็ต้องทำหากไม่อยากให้คนทั้งสองก่อเรื่องอย่างนี้อีกในวันข้างหน้า เขาทำถูกแล้วใช่ไหม แม้ว่าบางทีทั้งสองอาจจะรักกันอยู่โดยที่เขาไม่รู้ก็ตาม แต่ขอเถอะนะ ขอให้ลูกๆ โตกว่านี้แล้วค่อยแสดงความเสน่หาที่มีต่อกันได้ไหม อย่าทำร้ายหัวใจของเด็กน้อยด้วยการกระทำอันขาดสติของผู้ใหญ่สองคนเลย
ขณะที่โจนาธานและชาร์ลส์กำลังนั่งเงียบอยู่บนรถเพื่อขบคิดเรื่องราวในส่วนของตน นิลอรก็พาเด็กๆ มาขึ้นรถ เธอเจอลูกๆ วิ่งไล่กันอยู่ในสวนสนุกที่มีลูกบอลหลากสี นึกอยากจะด่าพ่อของลูกให้สมกับความมักง่าย ที่ปล่อยเด็กสามขวบกว่าๆ ไว้กับพี่เลี้ยงที่โซนบ้านบอล แต่พอนึกขึ้นได้ว่าความผิดนั้นด้อยกว่าความผิดของตัวเอง เลยได้แต่นิ่งเงียบ และพอขึ้นมานั่งบนรถอีกครั้ง ความเงียบจนผิดปกติของผู้ใหญ่ทั้งสามก็ทำให้เจค็อบและเจสสิก้าสัมผัสได้
“แด็ดดีกับมามี้เปนอาลายอ่า ทำมายมะพูดกันเลย เจคเหงานะ เจคจาเปนเดกมีปัญหาถ้าม่ายมีคนคุยด้วย”