ชั้นล่างของบ้าน สองชั่วโมงต่อมา
เด็กน้อยฝาแฝดผู้ไม่ได้รู้เรื่องราวอันเร่าร้อนของบิดามารดา กำลังหลับตาพริ้มด้วยกันทั้งสองคน ด้วยว่าเมื่อคืนนี้ทั้งคู่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะหนึ่งในฝาแฝดฝันร้าย มันทำให้พวกเขานอนไม่พอ เลยมาเผลอหลับเอาตอนสายเช่นนี้
สองสามีภรรยาเดินโอบเอวกันลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยใบหน้าแจ่มใสเกินจะกล่าว ฝ่ายหนุ่มใหญ่หัวใจละอ่อน แทบจะฮัมเพลงขณะเดินลงบันไดเลยทีเดียว
“หมั่นไส้” คุณแม่ลูกสองประชดน้อยๆ เธอถูกสามีวัยเลยหนุ่มสูบเอาเรี่ยวแรงจนแทบจะเดินไม่ไหว แต่ด้วยธุระปะปังที่จำต้องไปทำให้เสร็จเรียบร้อยจึงไม่มีทางอื่นใดที่เธอจะหลีกเลี่ยงได้
“อาฮะ ไม่โกรธจ้าที่รัก วันนี้สามีอารมณ์ดี” ว่าแล้วก็ก้มลงสูดดมแก้มนวลไปสองที ค่าที่หล่อนทำตัวน่ารักไม่มีขัดใจให้เขารำคาญ
นิลอรอยากจะฟาดแขนเขาแรงๆ ที่ชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อ แต่แค่เงื้อมือขึ้นมา สามีก็เผ่นแน่บไปหาลูกๆ แล้ว
“โอ...แองจี้ รู้สึกว่าตัวแสบจะสิ้นฤทธิ์แล้ว”
โจนาธานผายมือให้แม่ของลูกดูผลงานชิ้นเอกของเขา เจ้าเด็กฝาแฝดนอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข ในขณะที่โทรทัศน์ยังฉายการ์ตูนค้างไว้ เขารีบปิดมัน ก่อนที่เสียงของการ์ตูนในนั้นจะปลุกลูกๆ ให้ตื่น
“เอาไงดีคะ ฉันมีธุระเยอะนะ ต้องไปติดต่อนายหน้าขายบ้านด้วย”
คุณแม่ลูกสองบอกสามี เธอยังต้องไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ และต้องซื้อของกินของใช้ให้พอดีกับเวลาที่คนในครอบครัวจะอยู่ที่นี่ก่อนย้ายไปอยู่ที่สิงคโปร์ด้วย
“ปลุกดีกว่า ไหนๆ ก็จะเที่ยงแล้ว”
โจนาธานแนะ ขณะปลุกสองแสบที่ยังงัวเงียไม่อยากตื่น ด้วยว่าเมื่อคืนฝนตกหนัก อากาศในยามสายจึงเย็นสบาย ทำให้บรรยากาศน่านอนเข้าไปใหญ่
ฝาแฝดทั้งสองสะลึมสะลือลุกขึ้นมา ใช้หลังมือเช็ดน้ำเชื่อมใสๆ ที่ไหลออกมาทางมุมปากช่างจ้อของทั้งสอง
“โอย...ลูกใครเนี่ย นอนน้ำลายไหลหมดสภาพ ดูไม่ได้เลย”
นิลอรส่ายหน้าขณะพูด ทั้งเอ็นดู ทั้งระอา
“ลูกฉันสิแองจี้ ฉันทำเองกับมือ...เอ...ไม่ใช่สิ? ฉันทำเองกับ...”
“โจนาธาน!” คุณแม่ลูกสองรีบร้องชื่อสามี ก่อนที่เขาจะจงใจเอ่ยประโยคกำกวมออกมาจนหมดทุกคำ
“หึๆ ทำไมหรือแองจี้ ไม่เชื่อเหรอ เธออยากพิสูจน์อีกทีไหมล่ะที่รัก”
คุณพ่อจอมหื่นเริ่มออกอาการ เขาลุกไปยืนเบียดกับแม่แองจี้ที่รักอีกหนอย่างต้องการแกล้งไม่เลิกรา
“อย่าบ้านะลุง! ไปดูลูกเลยนะ พาลูกไปล้างหน้าล้างตาเลย”
นิลอรว่าตาแก่ของเธอพลางสั่งให้เขาพาเด็กๆ ไปล้างหน้าล้างตา ตอนนี้เธอเองก็เพลียจนรู้สึกราวกับว่ามื้อเช้าที่กินเข้าไปมันถูกจ่ายเป็นพลังงานไปหมดแล้ว
โจนาธานหน้าบูดในบัดดล คำก็แก่สองคำก็แก่ ทีเมื่อกี้ละก็ คุณคิงส์คะคุณคิงส์ขา ฮึ่ม! อย่างนี้มันต้องจัดหนักจัดเต็มให้ลืมอายุคนจัดไปเลย
“แด็ดดีอุ้มๆ”
สองแฝดร้องขอพร้อมกัน ทั้งชูมือขึ้นรอให้บิดาอุ้ม สองแขนของโจนาธานเลยอ้าออก เขาย่อตัวลงเพื่อช้อนเอาร่างที่หนักไม่น้อยของลูกๆ มาอุ้มไว้คนละฝั่งของท่อนแขน
“เดี๋ยวแขนหักพอดี ทำเป็นบ้าพลังไปได้” คุณแม่ลูกสองบ่นอุบ น้ำหนักตัวของลูกๆ ถ้านำมารวมกันก็หลายกิโลฯ ยิ่งเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นตามท่อนแขนที่กำลังเกร็งของเขา เธอก็ยิ่งเป็นห่วง กลัวว่าคนเป็นบิดาจะทำลูกร่วง ทั้งกลัวว่าเขานั่นแหละจะเดี้ยงก่อนวัยอันควร
เอ...นี่เธอชักเป็นเอามากนะเนี่ย รู้จักห่วงตาแก่โจนาธานด้วยแฮะ
“โอ้ว...หนักนะนี่ อุ้มไม่ไหวแน่ๆ เลย อย่างนี้ต้องขอยาชูกำลังหน่อยละ อะแฮ่มๆ” คุณพ่อมือใหม่แกล้งกระแอมให้ภรรยาสาวรู้ตัว ก่อนจะสั่งเบาๆ ให้ลูกทั้งสองซบหน้าลงบนไหล่ “เร็วสิแองจี้ ขอจุ๊บทีหนึ่งก่อนขึ้นบันได”
หนุ่มใหญ่หัวใจละอ่อน วอนขอหนึ่งจุมพิตเพื่อเป็นยาชูกำลัง ในขณะที่แม่แองจี้น้อยได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความขัดเขิน ก่อนจะบรรจงจุมพิตเบาๆ แต่มากด้วยความรักและจริงใจลงบนริมฝีปากที่เผยอรออยู่อย่างน่าหมั่นไส้ของสามี
“โอ...เยี่ยมไปเลยที่รัก จูบเธอนี่หวานจริงๆ แองจี้ เอาละ...เธอเตรียมของเลยนะฉันขอพาเด็กๆ ไปล้างหน้าล้างตาก่อน” โจนาธานบอกอีกครั้งก่อนจะพาเจ้าสองแสบไปล้างหน้าล้างตาเพื่อจะได้ออกไปทำธุระนอกบ้าน
นิลอรมองภาพที่สามีอุ้มสองแฝดขึ้นบันไดแล้วหัวใจฟูฟ่อง มวลความสุขที่ไร้ตัวตนกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งในอก เขาช่างอบอุ่นและน่ารักเหลือเกิน เขาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสุขจนเธอไม่กล้าคิดเลยว่าหากวันข้างหน้าเธอไม่มีเขาขึ้นมา ชีวิตนี้จะอับเฉาเพียงไร
สมองที่กำลังจดจ่ออยู่กับพ่อของลูก รีบเบนมาสู่สิ่งที่สามีสั่งความไว้ เธอตรวจตราดูทุกหน้าต่างและบานประตูว่าปิดสนิทเรียบร้อยดี ก่อนจะวกกลับมาดูเอกสารในกระเป๋าอีกหนหนึ่ง หวังว่านายหน้าขายบ้านที่เธอรู้จัก จะยังมีสำนักงานของเขาอยู่ละแวกเดิมเมื่อครั้งที่เธอซื้อบ้านหลังนี้ อย่างน้อยเขาจะได้ช่วยหาคนซื้อให้เธอได้บ้าง เพราะลำพังปิดประกาศขายคงอีกนานเลยกว่าจะมีคนสนใจ เธอรักบ้านหลังนี้นะ และเธอยินดีขายให้ใครสักคนที่เธอรู้จักในราคาย่อมเยา หากว่าเขาหรือหล่อนคนนั้นจะอยากสานต่อร้านกาแฟของเธอ