บทที่ 2
ข้อตกลงอันร้อนแรง
นิลอรส่งลูกๆ เข้านอนในตอนเกือบสามทุ่ม วันนี้เด็กๆ นอนดึกกว่าปกติ เธอโทษว่านั่นเป็นความผิดของตาแก่คิงคองจอมเผด็จการที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอในเวลานี้
“เท่าไหร่?” เขาถามอย่างรู้ทัน นิลอรคงต้องอยากได้เงินเพิ่มแน่นอน ก็เจ้าหล่อนมันหน้าเงินนี่นา
นิลอรยกยิ้มอย่างไม่ประหลาดใจเลยที่เขารู้ทัน ก็ดีแล้วล่ะ เธอจะได้ไม่ต้องพูดอะไรให้มันมากความ พูดกันตรงๆ รวดเร็วทันใจดี
“ลูกสองคนก็คูณสอง สัก 10,000 ดอลล่าร์สิงคโปร์ต่อคืน ถ้าไม่เอาก็เชิญ” นิลอรผายมือไปทางประตู ตอนนี้พวกเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร “อย่าลืมล็อกประตูให้ด้วยล่ะ” เธอประชดน้อยๆ รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ยอมมาเสียเงินคืนละสองแสนกว่าเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับลูกหรอก มันแพงเกินไป
แต่ทว่า...
“โอเค ฉันจะจ่ายทั้งหมดให้เธอเป็นรายเดือน” โจนาธานกัดฟันกรอดๆ อย่างต้องการระงับความโกรธ นิลอรทำอย่างกับกำลังขายลูกให้เขาอย่างไรอย่างนั้น ทำไมหล่อนต้องเอาเงินมาเกี่ยวในสถานการณ์นี้ด้วยนะ เขาไม่เข้าใจเลย
“นี่...นี่คุณโอเคจริงๆ เหรอ นั่นมันไม่ใช่น้อยๆ นะ!”
เจ้าของข้อเสนอเริ่มนั่งไม่ติด ทำไมตาแก่โจนาธานถึงได้กล้าทุ่มขนาดนี้
“นั่นไง! ฉันว่าแล้วเชียว เธอเรียกราคาสูงลิบเพื่อจูงใจให้ฉันไม่ยอมจ่าย ฝันไปเถอะแองจี้ ยังไงซะ ฉันก็ไม่มีวันพรากจากลูกของฉันอีกแล้ว ส่วนเธอต้องการอะไรหรือต้องการเท่าไหร่ว่ามา!” เขาเปิดทางให้นิลอรเต็มที่ ดูซิว่าหล่อนจะทำอย่างไร
“สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือ...” โจนาธานนิ่งเงียบรอฟังสิ่งที่หล่อนต้องการอย่างใจจดใจจ่อ เขาอาจจะหมดตัวเอาได้ง่ายๆ แต่ทว่า...ทุกสิ่งมันกลับตาลปัตร
“อย่าทำให้ลูกฉันรู้ว่าคุณทอดทิ้งแก ไม่ต้องบอกความจริงว่าทำไมเราถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา คุณแค่บอกพวกแกว่าคุณไปทำงานที่อวกาศนอกโลกอะไรก็ได้ แต่อย่าบอกเชียวนะว่าคุณไล่ฉันออกจากคอนโดฯ ของคุณ เข้าใจใช่ไหม!”
หยาดน้ำตาเริ่มมาขังคลอในประโยคท้ายๆ นิลอรจำได้ดีว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยัยปีศาจหน้าสวยนั่นมาประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตาแก่โจนาธานถึงคอนโดฯ ที่เขาให้เธออาศัยอยู่ เธอจะไม่มีวันตกลงอุ้มท้องลูกให้เขาอย่างเด็ดขาดหากรู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว
โจนาธานขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน เขาไม่มีวันบอกลูกอย่างนั้นอย่างเด็ดขาดเพราะเขาไม่เคยไล่นิลอรออกจากชีวิต หล่อนทำตัวเองทั้งนั้น และถ้ารู้สักนิดว่าตอนนั้นหล่อนอุ้มท้องลูกเขาอยู่ละก็ ต่อให้แม่แองจี้น้อยกกใครอยู่บนเตียง เขาก็จะลากหล่อนกลับสิงคโปร์ให้จงได้
“ฉันไม่พูดแน่นอนเพราะฉันไม่เคยไล่เธอ และจะไม่พูดด้วยว่าแม่ของแกหอบเสื้อผ้าหนีตามชู้รักทั้งๆ ที่กำลังอุ้มท้องแก” โจนาธานเดือดดาลอย่างที่สุดเมื่อนึกถึงจดหมายลาเมื่อครั้งกระโน้น เขาฉีกมันเป็นชิ้นๆ ในทันทีที่อ่านจบ
ปัง!
นิลอรตบโต๊ะเสียงดังจนโจนาธานสะดุ้งโหยง ความโกรธของหนุ่มใหญ่มลายหายไปสิ้นด้วยความตกใจ
“ใส่ร้ายฉันพอรึยังฮะ! ฉันจะไปมีชู้รักได้ยังไงในเมื่อคุณให้ฉันอยู่แต่บนเตียงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มีสมองก็หัดคิดซะบ้างนะตาแก่เอ๊ย!”
คุณแม่ลูกสองตะคอกใส่หน้าพ่อของลูก นัยน์ตาสีนิลลุกวาวด้วยเพลิงโทสะ เขาหาว่าเธอหนีไปกับชู้รักทั้งๆ ที่เธอแทบไม่เคยลงมาเหยียบล็อบบี้ที่คอนโดฯ ของเขาด้วยซ้ำ ตลอดเวลาที่เธอมีสถานะเป็นนางบำเรอ เธออยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ใช้เวลาที่ว่างเว้นจากเรื่องบนเตียงคิดถึงแต่พี่สาวที่จากไปและจมอยู่กับการอ่านตำราที่เกี่ยวกับการทำร้านกาแฟ ซึ่งความรู้เล็กๆ ในตอนนั้นมันช่วยเธอให้มีอาชีพ มีเงินพอที่จะเลี้ยงเด็กฝาแฝดสองคนนี่ไง
“ก็เธอเขียนโน้ตไว้อย่างนั้นนี่ ฉันกลับมาถึงห้องที่ฉันคิดว่าจะเจอนางฟ้าแองจี้ใส่ชุดนอนเซ็กซี่อ้าแขนรอต้อนรับในวันที่ฉันกลับมาจากการเดินทางอันหฤโหด วันนั้นฉันเหนื่อย ฉันเครียด ฉันไม่ได้งานเพราะว่าฝ่ายคู่แข่งดันส่งคนเข้ามาล้วงความลับในบริษัทฉัน วันนั้นปัญหาทุกอย่างเหมือนถูกโยนโครมมาในครั้งเดียว แต่รู้อะไรไหมแองจี้ มันยังน้อยกว่าที่ฉันพบโน้ตแผ่นนั้นในห้องของเรา ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะมานั่งอยู่ตรงนี้ไหมถ้าไม่มีเอลิซคอยอยู่ข้างๆ วันนั้นฉันแทบจะกระโดดตึกตายเพราะความโมโหในความไม่ซื่อสัตย์ของเธอ!”
โจนาธานอธิบายด้วยเสียงที่พยายามข่มความปวดร้าวเอาไว้ ถ้าไม่ได้อดีตภรรยาคอยปลอบใจเขาคงเหลือแต่ชื่อไปแล้ว นิลอรคงไม่รู้กระมังว่าการกระทำของหล่อนสร้างแผลในใจให้เขามากมายแค่ไหน ถ้อยคำไม่กี่ประโยคบนโน้ตแผ่นนั้นแต่อานุภาพของมันไม่ต่างจากเครื่องประหารเลยสักนิด
นัยน์ตาสีนิลจ้องมองบุรุษเบื้องหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้ ความหม่นหมองในจิตใจถูกสะกิดอย่างแรงด้วยชื่อของยัยปิศาจที่ชื่อเอลิซ เขายังกล้าเอ่ยชื่อภรรยาของเขาให้เธอได้ยินอีกอย่างนั้นหรือ
“ฉันเกลียดคุณ...โจนาธาน คุณเป็นผู้ชายที่สารเลวที่สุดที่ฉันเคยพบมาเลย” นิลอรบอกอย่างสุภาพที่สุดแล้วลุกจากโต๊ะที่นั่งอยู่เพื่อจะได้วิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ตอนนี้สิ่งที่เธออยากทำก็คือปลดปล่อยน้ำตาออกมาล้างแผลใจสักลิตรสองลิตร เธอไม่น่าพบเจอกับเขาในวันนี้เลย ไม่น่าเลย!
“แองจี้! เรายังคุยกันไม่จบนะ!” หนุ่มใหญ่พยายามรั้งนางฟ้าคนสวยไว้ด้วยสิ่งที่พวกเขากระทำค้างอยู่
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วโจนาธาน! กลับไปซะ กลับไปหาเมียของคุณโน่นอย่ามายุ่งกับเราอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะพาลูกหนีไปไห้ไกลเลย”
คุณแม่ลูกสองทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้ววิ่งขึ้นบันได เธอแทบจะกระโจนเข้าห้องนอนทันทีที่มือแตะลูกบิดประตู
ร่างอรชรโถมกายลงบนที่นอนหนานุ่ม ปล่อยเส้นผมสีนิลดุจราตรีกาลให้แผ่กระจายบนหมอนหนุน นิลอรร้องไห้จนหมอนเปียกชุ่ม ร้องตั้งแต่สามทุ่มกว่าๆ จนกระทั่งนาฬิกาบนฝาผนังตีบอกเวลาเที่ยงคืน