บทที่ 3/3 คุณแม่ตัวร้าย

1342 Words
คุณแม่ลูกสองตัวชาดิก เขาพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า เขาเนี่ยนะจะมารักเด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอ เป็นไปไม่ได้ สเปกเขามันต้องยัยปีศาจเอลิซโน่น เรียบหรูดูดี พาออกหน้าออกตาได้ไม่มีอายคน ผิวหล่อนหรือก็ขาวราวหิมะ น่าทะนุถนอม ไม่มีอะไรที่เหมือนเธอสักนิดเดียว “คุณโกหกแน่ๆ คุณ...อย่าได้คิดเอาเรื่องเมื่อคืนมาเกี่ยวข้องเชียวนะ ต่อให้ฉันนอนกับคุณเป็นร้อยครั้ง ฉันก็ไม่มีวันตอบรับคำขอแต่งงานของคุณหรอก ตาแก่บ้า!” หยาดน้ำตาแห้งเหือด เหลือเพียงคราบแห้งกรังบนแก้มนวลของคุณแม่ลูกสอง นิลอรอยากประณามนักที่เขากล้าล้อเล่นด้วยการบอกว่ารักแล้วจะแต่งงานด้วย มันสนุกนักหรือที่ได้กลั่นแกล้งเธอแบบนี้ เขายังไม่หายแค้นใช่ไหมที่เธอหนีมา “ไม่ๆ ที่รัก อย่าดูถูกความรักของฉันนะแองจี้ ฉันรักเธอจริงๆ รักอย่างที่แม้แต่เอลิซที่ฉันเคยคิดว่ารักหล่อนที่สุด ยังน้อยกว่าตอนนี้ที่ฉันรักเธอ แต่งงานกันนะ ให้ฉันได้ดูแลเธออย่างที่ฉันปรารถนาเถอะ ฉันรับรองว่าเธอจะอยู่อย่างสุขสบาย เธอไม่ต้องทำงานจะได้มีเวลาเลี้ยงลูกไงคนดี แต่งงานกับฉันนะที่รัก” เขารั้งใบหน้าที่เชิดขึ้นด้วยความโกรธของนิลอร ให้หันมาเผชิญหน้า อยากให้หล่อนมองเห็นความจริงใจที่เขาสื่อสารผ่านดวงตาคู่นี้ อยากให้หล่อนเห็นแววที่ปรารถนาให้หล่อนมีความสุขอยู่ในนั้น อยากให้หล่อนเห็นครอบครัวเล็กๆ ที่เขาต้องการสร้างมันร่วมกันกับหล่อนอย่างแท้จริง “ไม่! ฉันเกลียดคุณ เกลียดความดีของคุณที่มอบให้ยัยป้านั้น เธอจะทำลายครอบครัวของเราถ้าคุณคิดจะสร้างมัน และฉันจะไม่มีวันตอบรับคำขอแต่งงาน ตราบใดที่ยัยเอลิซยังอยู่ที่บ้านของคุณ!” ครืดๆ ครืดๆ สมาร์ตโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ส่งเสียงสั่นครืดๆ และมันก็ช่วยหยุดการปะทะคารมอันดุเดือดของโจนาธานและนิลอร คุณแม่ลูกสองยืนหายใจแรงๆ เพื่อสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาแนบหู “ใช่ ว่าไง” เธอตอบด้วยเสียงราบเรียบที่สุดเมื่อได้ยินเสียงของพนักงานที่ร้านกาแฟ “อะไรนะ โอเคๆ โทรเรียกช่าง แล้วให้เด็กกลับไปก่อน วันนี้ฉันหยุดให้วันหนึ่งก็แล้วกัน แต่พี่ต้องอยู่ก่อนนะ รอให้ช่างมาเอาเครื่องก่อนค่อยกลับ ถ้าเครื่องยังไม่เรียบร้อยฉันคงไม่เข้าร้าน ขอบคุณนะพี่” นิลอรวางสายแล้วล้มกายลงนอนอย่างเพลียร่าง ทำไมปัญหามันต้องมารุมเร้าตอนนี้ด้วยนะ มือขวาของคุณแม่ลูกสองยกขึ้นมาคลึงขมับที่ปวดตุบๆ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบสว่าง แถมตื่นมาก็ยังต้องฉะกับตาแก่บ้าโจนาธานอีก ถ้าไมเกรนเธอไม่ขึ้นก็ให้มันรู้ไป “แองจี้...ฉันขอโทษที่ทำให้เธอไม่สบายใจ เธอมีเรื่องอะไรบอกฉันได้นะ” หนุ่มใหญ่หัวใจละอ่อนได้โอกาสอ้อนเมียสาวอีกครั้ง อย่างไรเสียเขาก็ต้องหว่านล้อมให้เจ้าหล่อนยอมไปอยู่ที่สิงคโปร์ให้ได้ “เรื่องที่ร้านน่ะ คุณไม่ต้องรู้หรอก มันไม่สำคัญ” เธอบอกปัดแล้วพลิกกายขยับให้เข้าที่เพื่อจะได้นอนต่อ “ถ้าไม่สำคัญแล้วทำไมเธอต้องทำหน้าเครียดด้วยล่ะ ฉันห่วงเธอนะ” เขาเอ่ยแล้วขยับไปนอนเบียดแม่ของลูก กอดหล่อนไว้หลวมๆ นิลอรก็ไม่ได้ขัดขืน อาจเป็นเพราะเหนื่อยและเพลียเกินกว่าจะดิ้นรนให้เหนื่อยกาย “ขอบคุณ...ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า แค่เครื่องชงกาแฟมันพังพร้อมกันเท่านั้นเอง เดี๋ยวช่างก็เอาเครื่องมาเปลี่ยนให้นั่นแหละ” เธอไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ในเรื่องเครื่องชงกาแฟเครื่องเล็กที่เธอเช่ามาเพื่อเปิดกิจการร้านกาแฟ “นั่นไง เห็นไหมล่ะ เครื่องชงกาแฟก็ไม่ใช่ถูกๆ ไม่ใช่เหรอ เธอจะทำให้มันเหนื่อยทำไมแองจี้ ไปอยู่สิงคโปร์ดีกว่านะ” เขาคะยั้นคะยอ แต่กลับถูกเจ้าหล่อนสายตาพิฆาตให้เสียเต็มรัก “ไม่ต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้าหรอก อย่างคุณจะไปรู้อะไร ฉันรู้ว่าเครื่องชงกาแฟมันแพงแล้วฉันจะซื้อทำไมล่ะ ฉันก็เช่าเขาสิตาแก่ เวลามันพังเขาก็เอาเครื่องมาเปลี่ยนให้สบายจะตาย อย่ามาอ่อยให้ยากเลย ฉันไม่ไปไหนอีกแล้ว สิงคโปร์เล็กนิดเดียว ฉันหายใจไม่ออก” คุณแม่ลูกสองหาข้ออ้างไปเรื่อยเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการไปอยู่ที่ประเทศนั้นตามคำชักชวนของเขา เธออาจจะไปก็ได้ ถ้ายัยปีศาจไม่อยู่ที่นั่นด้วย “แล้วฉันล่ะแองจี้ ฉันมีงานรออยู่ แต่ฉันก็อยากเห็นหน้าเธอกับลูกๆ ฉันมีบ้านอยู่บนเกาะ เธอไม่ต้องกลัวว่าจะอึดอัดกับประเทศเล็กๆ ที่ว่า” เขาหาข้ออ้างมาหักลบกลบล้างสิ่งที่นิลอรกำลังกลัว เขามีบ้านอยู่บนเกาะเล็กๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเกาะท่องเที่ยว แต่สัดส่วนพื้นที่บริเวณโดยรอบบ้านก็ยังถือว่าเป็นส่วนตัวมากพอควร “คุณนี่เข้าใจยากนะ! เรื่องของเรื่องก็คือ ฉันจะไม่ไปอยู่ที่นั่นเด็กขาด ถ้ายัยเอลิซอยู่ด้วย เข้าใจไหม!” โพล่งออกไปอย่างเหลืออด เธอไม่มีวันอยู่ร่วมบ้านกับยัยปีศาจนั่นหรอก “โธ่...แองจี้ เดี๋ยวฉันให้เอลิซไปอยู่ที่คอนโดฯ จตุรศิลป์สาขาโน้นก็ได้ มันจะไปยากอะไร” หนุ่มใหญ่เร่งหาวิธี ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดเขาจะทำได้มากแค่ไหน แต่นาทีนี้มันต้องทำทุกวิถีทาง ปลายจมูกโด่งคมของโจนาธานดอมดมกระหม่อมบางของนิลอรอย่างแสนรัก กลิ่นแชมพูอ่อนๆ บนศีรษะหล่อนชวนให้เขาผ่อนคลาย คุณแม่ลูกสองเริ่มบวกลบคูณหารส่วนได้ส่วนเสียในใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องที่พักอาศัยก็เป็นอันว่าตกลง เอาอย่างไรดี ถ้าเขาใช้อำนาจเงินพาตัวลูกๆ ไปจากเธอ เธอก็คงสู้ไม่ได้ แล้วถ้าเด็กๆ ไปอยู่ที่โน่นแต่เธอไม่ไป ยัยเอลิซมันต้องหาทางรังแกลูกเธอแน่นอน ดวงตาสีนิลหรี่ลงอย่างใช้ความคิด แล้วจู่ๆ เธอก็ลุกพรวดขึ้น “มีอะไรรึแองจี้?” โจนาธานชักงง หล่อนจะเอาอะไรอีกล่ะ ไหนว่าจะนอนไง “ไม่มี...ฉันแค่! แค่ตกลงไปอยู่สิงคโปร์ แต่ไม่ใช่ถาวรนะ ฉันแค่ไปดูแลเด็กๆ ชั่วคราว อย่างน้อยก็จนกว่าพวกเขาจะโตพอที่จะรับรู้ได้ว่า การแต่งงานและการหย่าคืออะไร” บุรุษร่างหนาลุกขึ้นทันใด “เธอหมายความว่ายังไงแองจี้” โจนาธานงุนงง ตกลงหล่อนจะแต่งงานกับเขาแล้วหย่าขาดกันทีหลังเหรอ ทำไมล่ะ “ก็หมายความว่า คุณไม่ต้องแต่งงานกับฉันเพื่อลูก ส่วนทางพฤตินัยอาจจะห้ามไม่ได้ละนะ ในเมื่อเราสองคนก็จูนติดกันไว เอาเป็นว่าเราจะอยู่ในฐานะสามีภรรยา แต่ฉันจะไม่จดทะเบียนสมรสกับคุณให้มันยุ่งยากหรอก” โจนาธานหน้ามุ่ยแล้วเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เวลาเขาทำท่าครุ่นคิด บนใบหน้าจะแลเห็นริ้วรอยแห่งวัยได้ชัดเจนทีเดียว ถ้าไม่ติดว่ามีใบหน้าหล่อเหลาประหนึ่งดาราฮอลลีวูดแล้วละก็ โจนาธานคงไม่ริอ่านมีเมียสาวอย่างนิลอรเป็นแน่ เขามักภูมิใจในความหล่อเหลาของตัวเองอยู่เสมอ และพยายามอย่างที่สุดให้มันคงอยู่ไปอีกหลายสิบปี แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ นิลอรจะช่วยทำให้เขาชรามากกว่าที่เป็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD