นิลอรอ้าปากค้างด้วยความงุนงง เธอไม่เคยสั่งเจ้าแสบสองตัวให้ลุกอาบน้ำแปรงฟัน โดยที่เธอไม่ต้องกรีดร้องแทบจะเป็นบ้าได้เลย สองแสบมีความสามารถป่วนประสาทคนเป็นแม่ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เขา...ตาแก่โจนาธาน เขาสามารถทำให้ลูกคิงคองของตัวเองอยู่ในโอวาทได้ในเวลาไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง
“ค่อยๆ ลุกนะแองจี้” สามีสูงวัยแต่หัวใจละอ่อน บอกภรรยาที่รัก ขณะพยุงร่างหล่อนไปนั่งบนเตียงที่ตอนนี้ความสูงลดระดับเหลือไม่ถึงครึ่งน่องด้วยเพราะว่าขาเตียงมันหายไป
“โอ๊ะๆ โอ๊ย...เจ็บ!” นิลอรส่งเสียงโอดโอย เธอเคล็ดไปหมดแล้ว แก้มก้นนี่ระบมเพราะกระแทกกับพื้นตอนกลิ้งตกลงมา ถ้าไม่ตกใจจนลืมตัวก็คงไม่เสียศูนย์อย่างนี้หรอก น่าโมโหตัวเองจริงๆ
“ให้ฉันนวดให้ไหมแองจี้” สามีวัยเลยหนุ่มถามภรรยาสาวด้วยความห่วงใย แต่ฝ่ายภรรยากลับถลึงตาใส่จนนัยน์ตาดำๆ แทบกระเด็นออกมานอกเบ้า
“ฉันเกลียดคุณที่สุดเลย ตาแก่จอมหื่น!” ประชดประชันด้วยสิ่งที่รู้ว่าเขาไม่ชอบใจ แต่แทนที่เขาจะโกรธกลับทำหน้าเศร้าเพียงเท่านั้น เขานั่งยองๆ กับพื้น เพื่อจะได้สำรวจดูคนที่นั่งอยู่บนฟูกว่ามีรอยแผลตรงไหนหรือเปล่า
“ที่เธอไม่ยอมแต่งงานกับฉันเพราะอย่างนี้หรือแองจี้ ฉัน...แก่จริงๆ เหรอ?” ถามแล้วนั่งลงขัดสมาธิบนพื้นห้อง บางทีเขาอาจจะแก่เกินไป หล่อนก็เลยไม่อยากได้เขาเป็นสามี
นิลอรอยากบอกเขาเหลือเกินว่าเขาไม่แก่เท่าไหร่เลย ออกจะดูภูมิฐานน่าคบหาด้วยซ้ำ แต่เธอจะไม่พูดให้เขาได้ใจหรอก แค่นี้เขาก็เหลิงในความฟิตจัดของตัวเองจนทำเตียงพังไปหลังแล้ว ถ้าขืนยอว่ายังหล่อเฟี้ยวมีหวังพรุ่งนี้เธอไม่ต้องลุกจากเตียงพอดี
“ไม่รู้ไม่ชี้ โอย...เจ็บๆๆ” เธอบีบนวดแก้มก้นแรงๆ มันเจ็บอยู่ข้างในไม่หายสักที แล้วจู่ๆ มือร้อนๆ ของใครบางคนก็อาสามาช่วยนวด มันรู้สึกดีมากๆ เพราะแรงที่เขาใช้ช่วยลดทอนอาการเจ็บปวดได้อย่างพอเหมาะ
นิลอรค่อยๆ นอนคว่ำไปกับฟูกหนา เพื่อที่สามีทางพฤตินัยจะได้นวดบั้นท้ายและแก้มก้นให้ได้อย่างถนัด แต่ทว่าสองนาทีผ่านไป ฝ่ามือที่นวดเฟ้นบรรเทาอาการเจ็บ ก็เลื่อนขึ้นมาเหนือเอว ไต่ยุบยับขึ้นมากลางแผ่นหลังแล้วเลื่อนมาด้านหน้ากอบกุมทรวงอกอวบหยุ่นของเธอไปบีบเคล้นอย่างหน้าด้านๆ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! ตาแก่บ้ากาม!”
คุณแม่ลูกสองอยากตะกุยหน้าหล่อๆ ของพ่อของลูกนัก แต่เธอทำไม่ได้เพราะตอนนี้เขาได้เอนร่างคิงคองมาทับร่างเธอไว้เรียบร้อย
“ห้ามว่าฉันแก่อีกนะแองจี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าฉันยังไม่แก่สักนิด” เขาขู่ด้วยเสียงจริงจัง ปลายจมูกโด่งคมคลอเคลียซอกคอเนียนๆ สีน้ำผึ้งยวนตา จงใจปล่อยลมหายใจราดรดใบหูจนนิลอรขนลุกซู่
“จะข่มขืนฉันเหรอ เอาสิ! ฉันมันไม่มีเคยมีค่าอยู่แล้วนี่ คิดจะทำอะไรก็ทำเลย อยากจะปล้ำฉันตรงนี้ตอนที่เนื้อตัวยังเคล็ดขัดยอกก็เอาเลย เพราะในสายตาคุณ ฉันก็เป็นได้เพียงเครื่องบำเรอความใคร่เท่านั้น จริงไหม!”
เธอหายใจคล่องขึ้นเมื่อประโยคนั้นหลุดออกจากปากจนจบ เขาพลิกตัวออกห่างเธอทันทีราวกับว่านอนทับถ่านไฟแดงๆ ที่กำลังคุแรงอยู่ในเตา
“ฉันขอโทษนะแองจี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอคิดถึงเรื่องนั้นอีก ฉันรักเธอจริงๆ นะ และฉันจะบอกรักเธอทุกวันจนกว่าเธอจะใจอ่อนแล้วยอมแต่งงานกับฉัน” เขาบอกแล้วดึงหล่อนขึ้นไปกอด ก่อนจะจูบหน้าผากหล่อนซ้ำๆ “ฉันหยุดแตะต้องเธอไม่ได้ ถ้าเธออยู่ใกล้ฉันเกินห้านาที เอาละ...ฉันคิดว่าฉันควรไปดูลูกๆ จะดีกว่า ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นสามีที่ปล้ำเมียตัวเอง”
ฟอด! ฟอด!
โจนาธานสูดดมพวงแก้มภรรยาที่รักข้างละหน ก่อนจะผละไปดูเด็กๆ ที่อยู่อีกห้อง ทิ้งให้ภรรยาสาวต้องนอนถอนหายใจเฮือกๆ เพราะหัวใจจะละลายกับสามีที่ขยันหยอดคำหวาน เขาเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน บางทีช่วงเวลาสี่ปีที่จากกัน มันทำให้เขาตระหนักรู้กระมังว่าคิดกับเธอมากกว่านางบำเรอ แต่มันจะใช่ความรักแน่หรือ เพราะขนาดผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่างอย่างเอลิซ เกรย์ ยังต้องเตียงหักรักร้าวกันไป เธอไม่มั่นใจอะไรเลย
เช้าวันนี้ เด็กๆ อดไปโรงเรียนไปโดยปริยาย เพราะว่ามันสายเกินกว่าที่จะขับรถไปส่งทั้งคู่เข้าโรงเรียน นิลอรถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อย ขณะคนโจ๊กสำเร็จรูปที่กำลังเดือดปุดๆ ในหม้อ
หมับ!
“ว้าย! ตกใจหมดเลย คุณจะบ้าเหรอ!” เธอเกือบจะเอาทัพพีที่ถืออยู่เคาะกบาลตาแก่คิงคอง แต่พอคิดได้ว่าไม่สมควรก็รีบวางมันลง ก็เขาเล่นเข้ามากอดเธอจากด้านหลังไม่ให้สุ้มให้เสียง ใครไม่ตกใจก็บ้าแล้ว
“โอ...ขอโทษจ้ะที่รัก แค่เห็นเมียทำกับข้าวแล้วมันอดใจไม่ไหว เธอน่ารักมากๆ ตอนที่มีผ้ากันเปื้อนอยู่บนตัวและกำลังถือเจ้านี่” เขาชี้ไปยังทัพพีที่หล่อนวางไว้ ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองสิ่งที่อยู่ในหม้อแกง
“อย่าบอกนะว่าเธอเลี้ยงลูกด้วยโจ๊กสำเร็จรูปทุกเช้า”
โจนาธานอยากจะร้องไห้ ลูกๆ ควรได้รับอะไรที่มากกว่านี้ในมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน
“ช่วยไม่ได้ก็ฉันรีบนี่นา ปกติแวะซื้อขนมปังที่เซเว่นฯ ให้เด็กๆ ด้วยซ้ำ ระหว่างทางที่ไปส่งพวกแกที่โรงเรียน” บอกแล้วรวบซองโจ๊กสำเร็จรูปที่วางอยู่ข้างเตาทิ้งลงถังขยะ
หนุ่มใหญ่สะท้อนในอก เขาผิดมากเหลือเกินที่ไม่ได้ออกตามหานิลอรตั้งแต่วันแรกที่หล่อนจากมา ไม่อย่างนั้นเรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ
“เราจะไปสิงคโปร์ด้วยกันใช่ไหมแองจี้ ถ้าเธอไม่อยากแต่งงานก็ไม่ต้องแต่ง ฉันอยากให้เธอกับลูกมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่ต้องดิ้นรนหาเงินหาทอง ฉันเลี้ยงดูเธอกับลูกได้นะ ส่วนเอลิซ ฉันจะหาทางประนีประนอมให้หล่อนย้ายไปอยู่คอนโดฯ เอง เพื่อความสบายใจของเธอ”
คราวนี้นิลอรนิ่งเงียบไป เธอผละจากอ้อมแขนของเขาเพื่อไปหยิบกุ้งที่ลวกแล้วแช่เย็นไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เธอใส่มันลงไปในหม้อที่มีโจ๊กเนื้อเนียนเดือดปุดๆ ก่อนจะปิดแก๊สเมื่อกะว่ากุ้งที่ใส่ลงไปคงอุ่นพอดี
“ฉันยังไม่แน่ใจว่าคุณจะทำสำเร็จเรื่องเอลิซ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันจะไปสิงคโปร์กับคุณ”
นิลอรเห็นนัยน์ตาสีฟ้าครามเบิกกว้างด้วยความดีใจ และก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เขาก็ก้มลงมาประทับเรียวปากร้อนๆ กับริมฝีปากเธอเพื่อฉลองความดีใจหนนี้
“แองจี้...ฉัน...ฉันดีใจเกิน ฉันดีใจมากๆ ดีใจที่สุด เราจะกลับสิงคโปร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันสัญญาว่าจะดูแลเธอกับลูกๆ อย่างดีที่สุด ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจหรือร้องไห้อย่างแน่นอน ฉันสัญญา...แองจี้...ฉันรักเธอเหลือเกิน”
แล้วบุรุษร่างหนาก็ดึงกายภรรยาเข้ามากอดด้วยความดีใจสุดประมาณ เขาได้หล่อนคืนมาแล้ว ได้แม่แองจี้ที่รักของเขากลับคืนมา ได้แม่ของลูกๆ กลับสู่อ้อมแขนอีกครั้ง
“จำคำสัญญาของคุณไว้นะคะ คุณจะไม่ทำให้ฉันเสียใจและร้องไห้ คุณจำคำของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ”
หนุ่มใหญ่พยักหน้ารัวเร็ว ขณะที่นิลอรส่งยิ้มละไมให้เขา ไม่ว่าอะไรจะรอเธออยู่ที่สิงคโปร์ เธอจะเดินหน้าสู้กับมัน เพื่อครอบครัวเล็กๆ ที่สมบูรณ์ เพื่อครอบครัว ที่เธอไม่เคยมี