EP 5/3 โปรดอย่าทำร้ายใจ

932 Words
ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้โจนาธานเร่งวันเวลาให้ภรรยาและลูกๆ ไปอยู่ที่สิงคโปร์โดยเร็วที่สุด เขาอยากมีเวลาอยู่กับแม่แองจี้คนงามให้สมกับที่เสียเวลาไปหลายปี แต่เจ้าหล่อนกลับอิดออดด้วยว่ายังห่วงเรื่องบ้านที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย เขาจึงสั่งให้ชาร์ลส์อยู่ทางนี้จัดการย้ายข้าวของออกจากบ้านของนิลอร มาไว้ที่บ้านเขาให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับ ส่วนตัวเองพอจัดการเรื่องเอกสารให้นิลอรและลูกๆ เสร็จ ก็พาทุกคนลัดฟ้าสู่เกาะสิงคโปร์ในทันที สิบโมงเช้า ณ เกาะเซ็นโตซ่า (SENTOSA) ประเทศสิงคโปร์ นิลอรทอดสายตาไปยังผิวน้ำที่ต้องประกายแดดระยิบระยับราวกับอัญมณี นานมากแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาที่นี่...นานเหลือเกิน นานจนบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่นเกาะเล็กๆ ที่สมควรจะเงียบสงบดังเช่นชื่อของมัน เกาะเซ็นโตซ่า ซึ่งแปลตามความหมายว่าเกาะแห่งความสงบ บัดนี้มันช่างแตกต่างกับความเป็นจริง เพราะก่อนที่เฮลิคอปเตอร์ที่สามีพานั่งมาจากสนามบิน Changi จะร่อนลงจอด เธอเห็นทั้งสวนสนุก ทั้งตึกรามบ้านช่องที่ผุดขึ้นมาใหม่มากมาย มันแทบจะเบียดกันตกทะเลอยู่รอมร่อ เด็กๆ สนุกกันใหญ่ตอนที่แด็ดดีของพวกเขาชี้ชวนให้ดูผ่านหน้าต่างกระจกว่าตรงนั้นคือสวนสนุก ตรงนี้คือสวนสัตว์กลางคืน (Night Safari) ส่วนตรงนี้คือพิพิธภัณฑ์ (Images of Singapore) เป็นอาทิตย์กระมัง กว่าเธอจะพาเด็กๆ เที่ยวครบ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว...เฮ้อ... “ถอนหายใจอะไรจ๊ะแองจี้” โจนาธานถามหยิกแกมหยอกเพราะได้ยินเสียงสุดที่รักถอนหายใจมาหลายหน ตั้งแต่นั่งอยู่บนเครื่องแล้ว หนุ่มใหญ่ถามพลางคลี่ผ้าผืนหนาคลุมไหล่ให้ศรีภรรยา ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่บนระเบียงของบ้านหลังงาม ที่เนรมิตให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ หลังคาบ้านออกแบบให้ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียวราวกับผืนพรม รอบบ้านหลังนี้ยังมีต้นไม้ดอกไม้มากมายชวนให้ผู้อยู่อาศัยสดชื่นเป็นที่สุด “เปล่าค่ะ แค่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากี่วันถึงจะพาเจ้าสองแสบเที่ยวจนครบ” นิลอรตอบตามจริง โจนาธานยิ้มให้ภรรยาที่รัก แล้วจับช่อผมที่ถูกลมพัดจนหลุดลุ่ยเอาไปทัดให้ที่ข้างหู เขาไม่ชอบให้สิ่งใดมาบดบังผิวเนื้อนวลเนียนของแม่แองจี้น้อยคนงาม เขาชอบมองหล่อนโดยมิมีสิ่งใดบดบัง ให้สมกับสี่ปีที่ไม่ได้เห็นหน้า นิลอรเฝ้ามองการกระทำของสามีเงียบๆ เขาอบอุ่นเหลือเกิน อบอุ่นมากกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก “คุณเปลี่ยนไปมาก รู้ตัวหรือเปล่าโจนาธาน” บอกสามีแล้วเคลื่อนกายเข้าไปแอบอิงอกอุ่น สามีวัยเลยหนุ่มก็ไม่มีอิดออด กลับดันแผ่นอกหนาเข้ารับร่างอรชรเพื่อจะได้กอดกระชับเจ้าหล่อนให้สมใจ “รู้สิ ความจริงฉันเพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อไม่กี่วันนี่ละมั้ง ฉันเสียใจนะที่รัก เสียใจจริงๆ ที่ทอดทิ้งเธอกับลูก และฉันจะไม่มีวันทำอย่างนั้นอีกแล้วคนดี” “ขอให้จริงเถอะค่ะ ขอให้คุณรักฉันจริงๆ เถอะ เพราะฉัน...คงรักคนแก่อย่างคุณเข้าให้แล้ว” มวลความสุขอันยิ่งใหญ่บังเกิดจากถ้อยคำของศรีภรรยา มันไหลบ่าเข้าสู่หัวใจของหนุ่มใหญ่อย่างท่วมท้น รอยยิ้มพร่างพรายปรากฏบนใบหน้าไม่สร่างซา พอๆ กับริ้วรอยแห่งกาลเวลาที่เริ่มปรากฏอย่างชัดเจนบนใบหน้าของโจนาธาน “ฉันก็รักเธอแองจี้ รักตั้งแต่...เห็นเธอที่บ้านของวาโยที่เมืองไทย แล้วเธอล่ะ รักฉันตอนไหน หรือว่าตั้งแต่ตอนนั้นเหมือนกัน” เขาสารภาพแล้วถามกลับ สองแขนกอดร่างภรรยาแน่นขึ้น สายลมแรงหอบไอน้ำเค็มเข้ามาปะทะร่างถี่ๆ บางทีก็สลับกับไออุ่นร้อนที่แบ่งปันจากเปลวตะวันเข้ามากระทบให้ทั้งคู่รู้สึกบ้างเป็นครั้งคราว “วันนั้นคุณชวนฉันเข้าโรงแรมม่านรูด ใครรักคุณตอนนั้นก็เพี้ยนแล้ว” นิลอรค่อนขอดเลยได้จุมพิตจากสามีเป็นสิ่งตอบแทน เขาไม่เพียงแค่จุมพิตหวานๆ แต่ยังส่งสายตาหวานๆ มาให้ แถมมือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่สุข พยายามสอดเข้ามาลูบๆ คลำๆ เนินเนื้อใต้เสื้ออยู่ตลอดเวลา “อย่านะคะ นี่มันยังไม่ค่ำเลย” เธอขัดขืนเล็กน้อย ปลายเล็บเจียนมนจิกลงท่อนแขนแกร่งอย่างเสียวซ่าน ฝ่ามือร้อนผ่าวของสามียังลูบคลำไปทั่วผิวเนื้อใต้ร่มผ้าอย่างอาจหาญ “เข้าไปข้างในกันเถอะแองจี้ ข้างนอกลมมันแรง” นิลอรส่งตาเขียวๆ ให้สามี ที่เมื่อครู่ยืนอยู่เป็นชาติไม่ยักกะชวนเข้าห้อง พอตอนนี้กลับมาบอกว่าลมมันแรงอย่างโน้นอย่างนี้ ช่างบอบบางจริงนะพ่อคุณ แต่จนแล้วจนรอดนิลอรก็ถูกสามีอุ้มมาวางบนเตียงได้สำเร็จ เขาค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อหล่อนด้วยความรีบเร่ง แต่แกะออกไปไม่หมด เพราะความต้องการสัมผัสเต้าทรวงอวบหยุ่นมันมีมากจนหมดความพยายาม “คุณคิงส์...ฉัน...ทรมาน อย่า...” นิลอรร้องห้ามด้วยเสียงอันสั่นเครือ ความซาบซ่านไหลผ่านไปทั่วเนินทรวงที่ถูกจุมพิตด้วยริมฝีปาก และบีบขยำด้วยฝ่ามือของสามี ความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นแทบจะเผาไหม้ร่างกายให้สลายเป็นเถ้าธุลี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD