“อ๊ะ! อะไรน่ะ เจ็บจัง” พรายสาวร้องเสียงหลงขณะลอยคอไปเรื่อย ๆ แล้วบางอย่างใต้น้ำเกี่ยวเข้ากับผิวกาย ร่างเล็กดำน้ำลงไปดูก็พบว่าเบ็ดที่ใครบางคนเอามาดักปลาไว้เกี่ยวหน้าท้องของเธอ
ซ่าา!
ร่างอรชรรีบก้าวขึ้นบนบกทั้งที่หน้าท้องมีเบ็ดเกี่ยวอยู่ มือเล็กลากคันเบ็ดที่ทำจากไม้ไผ่ขึ้นมาด้วย “เขาจะโมโหไหมเนี่ย แทนที่เบ็ดจะติดปลาแต่ดันติดเราแทน” ว่าแล้วก็ก้มลงมองหน้าท้องตัวเองที่ปวดตุบ ๆ ขึ้นเรื่อย
“คิดจะขโมยปลาฉันอีกหรือไง” พลันนั้นเสียงดุของคนที่เดินทำหน้าถมึงทึงตรงมาทางนี้ก็ทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง
“อื้อ! เจ็บ” เสียงอู้อี้ของคนที่ก้าวเข้ามาในห้องน้ำดังขึ้นเมื่อความเจ็บปวดบนหน้าท้องบางเพิ่มมากขึ้นเรื่อย
“ล้างเท้าซะ จะได้ขึ้นไปทำแผลในกระท่อม” ร่างใหญ่เดินตามเข้ามาเอ่ยบอกก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ที่ผ่านมาเขาพยายามจะไม่จ้องมองร่างอรชรนี่ แต่สายตาก็ไม่เป็นใจ ทั้งบางอย่างกลางหว่างขาแกร่งก็ส่งสัญญาณประท้วงตลอด
ไม่ล่ะ เขาไม่เคยใช้งานมันยังไงเขาก็จะไม่ใช้งานมันอย่างนั้น ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเพราะไม่อยากพลาดท่ามีลูกมีหลาน เดี๋ยวจะพลอยลำบากมาสืบทอดวิชาของตระกูลอีก คิดได้ก็ทำใจให้สบอีกครั้ง
“ในน้ำมียานะ ต้องไปเก็บหญ้ามาทำแผล” ตาแป๋วมองเขาขณะชี้จิ้มแขนแกร่งด้วยนิ้วชี้แรง ๆ เรียกให้เขาหันมา
“ใช้ยาเหมือนคนไม่ได้เหรอ”
“อ๋อ ใช้ได้ค่ะ ที่จริงถ้ากลับบ้าน แผลก็จะหายไปเองน่ะ อาคมในเขตบาดาลจะรักษาอาการบาดเจ็บให้เอง”
“งั้นก็รีบกลับไปซะสิ”
“ต้องรอคืนวันเพ็ญค่ะ”
“อืม” เด็กนี่เคยบอกเขาแล้วว่าจะกลับบ้านได้ต้องรอคืนวันเพ็ญ สาเหตุเพราะอะไรเขาก็ไม่รู้หรอก ไม่อยากรู้ด้วย “งั้นก็รีบล้างเท้าล้างตัวซะ จะได้รีบทำแผล”
“คุณรู้ตั้งแต่ตอนไหนคะว่าสายชลไม่ใช่คน” ถามเขาพลางเอียงคอมองด้วย
“ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลย” แหงล่ะว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แค่เดินผ่านก็รู้สึกได้แล้ว
“รู้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยเหรอ…” พรายสาวพึมพำ ถ้าอย่างนั้นเธอคงกลับบ้านไม่ได้แล้วล่ะ ถึงจะขึ้นมาแบบผิดกฎแต่หากถูกมนุษย์จับได้ว่าเป็นพรายก็กลับไปไม่ได้แล้ว ประตูธาราของโลกบาดาลจะไม่เปิดรับพรายที่ถูกจับได้ให้กลับเข้าไป
“ทำอะไรของเธอ” มือใหญ่กระชากต้นแขนคนที่ทำท่าจะปีนเข้าไปในโอ่ง
“ก็ล้างตัวไงคะ” มันน่าตีตรงที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เขานี่แหละ
“ใช้ขันตักน้ำแล้วล้างแบบนี้ เข้าใจไหม” ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาแล้วตั้งสติไม่ดุพรายสาว ทั้งยังต้องทำใจตัวเองให้สงบเพราะสายตาเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนตรงหน้า เพลิงใช้ขันสเตนเลสตักน้ำในโอ่งมาราดบนตัวคนที่ยืนทำตาแป๋วอยู่ “แล้วล้างเท้าก็ตักน้ำมาราดแบบนี้” สอนล้างตัวแล้วก็สอนล้างเท้าต่อ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ฉันจะออกไปรอข้างนอก เสร็จแล้วเรียกล่ะ”
“ไปรอในกระท่อมเลยค่ะ เดี๋ยวสายชลเดินตามไป”
“เธอไม่มีรองเท้า เดินไปเองก็ทำกระท่อมฉันสกปรกอีกน่ะสิ” เขาเอ่ยด้วยความหงุดหงิดก่อนจะออกไปยืนกอดอกรอหน้าห้องน้ำ
ร่างใหญ่ถอนหายใจพรืดใหญ่ออกมา ก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ ยืนกำหนดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เป็นจังหวะ ภาพคนบางคนล่อนจ้อนต่อหน้าเขายังคงติดตา สลัดไม่ออกสักที เจอกันกี่ครั้งก็ไม่รู้จักหาผ้าผ่อนมาสวมใส่
“ปะ เปล่านะ เบ็ดมาติดสายชลเอง สายชลไม่ได้ขโมยปลานะ” เขาคงคิดว่าพรายกินปลาเป็นอาหารอย่างที่โกหกไว้ก่อนหน้านี้แน่
“เฮ้ย!” คนขายาวก้าวฉับ ๆ เข้ามาด้วยความความตกใจเมื่อเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไหงยัยเด็กผีนี่ถึงมาติดเบ็ดเขาได้ล่ะ “ว่ายน้ำยังไงของเธอห๊ะ”
“สะ สายชลกำลังจะเอาออกให้ รอเดี๋ยวนะ” มือเรียวสั่นระริกเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ “มะ มันไม่ออก” ดวงตากลมมีหยาดน้ำสีใสเอ่อคลออยู่ ทั้งเจ็บทั้งกลัวเขา
“อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวฉันเอาออกเอง”
ปึด!
“อื้อ! / เฮ้ย!” ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน คนหนึ่งร้องเพราะเจ็บ อีกคนร้องเพราะตกใจ “ใครบอกให้กระชากแบบนั้น!” เสียงดุว่าให้คนตรงหน้าเมื่อมือเรียวกระชากสายเบ็ดออกจากหน้าท้องตัวเอง น่าแปลกที่มีแผลแต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมา ไม่สิ… แผลของเธอมีน้ำไหลออกมาแทน หรือว่าเด็กนี่มีเลือดเป็นน้ำ?
“มันไม่พังหรอก ถ้าพังเดี๋ยวสายชลซ่อมให้” เธอยื่นคันเบ็ดให้เขาแล้วถอยหลังไป มือข้างหนึ่งกุมหน้าท้องตัวเองแน่น มืออีกข้างยกขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ เพราะเจ็บแผล
“ฉันไม่ได้กลัวว่ามันจะพัง! ฉันกลัวเธอเจ็บต่างหากล่ะยัยโง่!” เสียงดุตะคอกใส่จนคนตัวเล็กกว่าหลับตาปี๋ ในตอนนั้นเองที่เขาก้าวเข้าไปกระชากข้อมือเล็กให้เดินตามไปที่กระท่อม “วุ่นวายจริง ๆ”
“จะพาสายชลไปไหนคะ”
“ก็ไปทำแผลไงยัยโง่!”
“อื้อ! เจ็บ” เสียงอู้อี้ของคนที่ก้าวเข้ามาในห้องน้ำดังขึ้นเมื่อความเจ็บปวดบนหน้าท้องบางเพิ่มมากขึ้นเรื่อย
“ล้างเท้าซะ จะได้ขึ้นไปทำแผลในกระท่อม” ร่างใหญ่เดินตามเข้ามาเอ่ยบอกก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ที่ผ่านมาเขาพยายามจะไม่จ้องมองร่างอรชรนี่ แต่สายตาก็ไม่เป็นใจ ทั้งบางอย่างกลางหว่างขาแกร่งก็ส่งสัญญาณประท้วงตลอด
ไม่ล่ะ เขาไม่เคยใช้งานมันยังไงเขาก็จะไม่ใช้งานมันอย่างนั้น ตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเพราะไม่อยากพลาดท่ามีลูกมีหลาน เดี๋ยวจะพลอยลำบากมาสืบทอดวิชาของตระกูลอีก คิดได้ก็ทำใจให้สบอีกครั้ง
“ในน้ำมียานะ ต้องไปเก็บหญ้ามาทำแผล” ตาแป๋วมองเขาขณะชี้จิ้มแขนแกร่งด้วยนิ้วชี้แรง ๆ เรียกให้เขาหันมา
“ใช้ยาเหมือนคนไม่ได้เหรอ”
“อ๋อ ใช้ได้ค่ะ ที่จริงถ้ากลับบ้าน แผลก็จะหายไปเองน่ะ อาคมในเขตบาดาลจะรักษาอาการบาดเจ็บให้เอง”
“งั้นก็รีบกลับไปซะสิ”
“ต้องรอคืนวันเพ็ญค่ะ”
“อืม” เด็กนี่เคยบอกเขาแล้วว่าจะกลับบ้านได้ต้องรอคืนวันเพ็ญ สาเหตุเพราะอะไรเขาก็ไม่รู้หรอก ไม่อยากรู้ด้วย “งั้นก็รีบล้างเท้าล้างตัวซะ จะได้รีบทำแผล”
“คุณรู้ตั้งแต่ตอนไหนคะว่าสายชลไม่ใช่คน” ถามเขาพลางเอียงคอมองด้วย
“ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลย” แหงล่ะว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา แค่เดินผ่านก็รู้สึกได้แล้ว
“รู้ตั้งแต่ครั้งแรกเลยเหรอ…” พรายสาวพึมพำ ถ้าอย่างนั้นเธอคงกลับบ้านไม่ได้แล้วล่ะ ถึงจะขึ้นมาแบบผิดกฎแต่หากถูกมนุษย์จับได้ว่าเป็นพรายก็กลับไปไม่ได้แล้ว ประตูธาราของโลกบาดาลจะไม่เปิดรับพรายที่ถูกจับได้ให้กลับเข้าไป
“ทำอะไรของเธอ” มือใหญ่กระชากต้นแขนคนที่ทำท่าจะปีนเข้าไปในโอ่ง
“ก็ล้างตัวไงคะ” มันน่าตีตรงที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่เขานี่แหละ
“ใช้ขันตักน้ำแล้วล้างแบบนี้ เข้าใจไหม” ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาแล้วตั้งสติไม่ดุพรายสาว ทั้งยังต้องทำใจตัวเองให้สงบเพราะสายตาเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนตรงหน้า เพลิงใช้ขันสเตนเลสตักน้ำในโอ่งมาราดบนตัวคนที่ยืนทำตาแป๋วอยู่ “แล้วล้างเท้าก็ตักน้ำมาราดแบบนี้” สอนล้างตัวแล้วก็สอนล้างเท้าต่อ
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ฉันจะออกไปรอข้างนอก เสร็จแล้วเรียกล่ะ”
“ไปรอในกระท่อมเลยค่ะ เดี๋ยวสายชลเดินตามไป”
“เธอไม่มีรองเท้า เดินไปเองก็ทำกระท่อมฉันสกปรกอีกน่ะสิ” เขาเอ่ยด้วยความหงุดหงิดก่อนจะออกไปยืนกอดอกรอหน้าห้องน้ำ
ร่างใหญ่ถอนหายใจพรืดใหญ่ออกมา ก่อนจะสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ ยืนกำหนดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เป็นจังหวะ ภาพคนบางคนล่อนจ้อนต่อหน้าเขายังคงติดตา สลัดไม่ออกสักที เจอกันกี่ครั้งก็ไม่รู้จักหาผ้าผ่อนมาสวมใส่