ตอนที่2 ระหองระแหง1

1294 Words
เฉินเจียหมิงพลันได้สติ เริ่มรู้แล้วว่ากำลังเกิดสิ่งใด หลัวลี่ลี่ก็เช่นกัน นางตกใจแทบสิ้นสติ ทว่าไป๋เว่ยซินไม่ปล่อยเวลาให้ใครตั้งตัวได้ทัน นางจับกระโปรงขึ้นแล้วยกเท้าถีบโครมที่สะโพกของหลัวลี่ลี่ เสียงตู้มเกิดขึ้นทันที น้ำแตกกระจาย ปลาแหวกว่ายแตกกระเจิง เฉินเจียหมิงเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง เขาตวาดลั่น “เว่ยซิน เจ้าทำบ้าอะไร ทำร้ายน้องลี่ทำไม?” ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเหลือล้นทีเดียว จบคำก็รีบกระโจนตัวลงน้ำ กอดรัดหลัวลี่ลี่ขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว หลัวลี่ลี่สำลักน้ำจนใบหน้าแดงก่ำ ซุกซบแผงอกของเฉินเจียหมิงแนบแน่น ร้องไห้กระซิกๆ ท่าทางน่าสงสารยิ่ง สีหน้าของไป๋เว่ยซินยังคงราบเรียบเฉยชา นางปล่อยให้คู่ยวนยางขึ้นจากน้ำมานั่งตระกองกอดบนศาลาในท่วงท่าแนบชิดสนิทเนื้อเสื้อผ้าเปียกปอนเผยส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน อืม...ยุคสมัยนี้ หากมีคนมาเห็นชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเขามักจะต้องแต่งงานกันใช่หรือไม่? “ยังไม่มีพยานเดินมาเห็นพวกเจ้าสักคนเลยนี่นา จะรีบขึ้นมาทำไม ข้าสงเคราะห์ให้อีกนะเจ้าคะ จะได้ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก รักกันต้องเปิดเผยถึงจะถูกเจ้าค่ะ” กล่าวจบ ไป๋เว่ยซินก็ถีบชายหญิงที่ยังคงทุลักทุเลให้ตกน้ำไปอีกรอบ ให้พวกเขาได้กอดรัดกันนานๆ สักหน่อย เสียงตู้มเกิดขึ้นอีกครั้ง ดังกว่าเดิม จังหวะนั้น สาวใช้ติดตามของไป๋เว่ยซินก็ถือตะกร้าขนมเข้ามาพร้อมด้วยบ่าวไพร่ของจวนเฉินซึ่งช่วยกันยกกาน้ำชาและถ้วยชามาอย่างพร้อมเพรียง ทุกคนพลันกรีดร้องโวยวาย “คุณชายเฉิน! คุณหนูหลัว! โอ้!” แน่นอนว่าไป๋เว่ยซินไม่มีสิทธิ์สั่งการบ่าวไพร่จวนผู้อื่น ทว่าสาวใช้ของนางถือข้าวของทั้งหมดมาคนเดียวมิได้นี่นา นางอุตส่าห์นำมาจากจวนไป๋เชียวนะ จึงต้องออกปากขอร้องให้คนอื่นช่วยถือมาส่งก็เท่านั้น ทั้งหมดเดินเข้าใกล้ศาลาทันได้เห็นชายหญิงกอดกันด้วยท่วงท่าหมิ่นเหม่ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ การถูกถอนหมั้น อย่างไรผู้หญิงก็เป็นฝ่ายเสียหาย แต่หากผู้ชายเป็นฝ่ายทำผิดอย่างโจ่งแจ้งผลย่อมต่างกันแล้ว ไป๋เว่ยซินจึงบีบน้ำตา ทำท่าทนเห็นภาพบัดสีไม่ไหว ก่อนวิ่งก้มหน้าร้องไห้ออกจากศาลาไปไม่เหลียวหลัง เฉินเจียหมิงถึงกับพูดไม่ออก ไป๋เว่ยซินร้ายกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ***** ชายหนุ่มเลือกไปซื้อของกับญาติสาวผู้น้อง ปล่อยคู่หมั้นตัวเองนอนป่วยจนสิ้นลมมิรู้เรื่องราว ถึงคราวรู้ว่าสายไป จะเสียใจก็ยังไม่ทัน ‘ต่อให้เสียใจก็อย่าบังอาจเรียกหาคนเดิมของหัวใจ ในเมื่อตัวเองเปลี่ยนใจไม่เหมือนเดิมกับคนของตน...’ น้ำเสียงของนางราบเรียบ แต่คนฟังกลับเย็นเยียบราวถูกแช่แข็ง ไป๋เว่ยซิน ไป๋เว่ยซินร่ำไห้เสียใจต่อหน้าเฉินฮูหยินมารดาของเฉินเจียหมิง “พี่เจียหมิงกับน้องลี่ พวกเขากอดรัดกันปานนั้น ท่าทางรักใคร่ห่วงใยกันปานนั้น ช่างหยามน้ำใจข้าเหลือเกิน ขอเฉินฮูหยินพิจารณาเรื่องการหมั้นของข้ากับพี่เจียหมิงใหม่ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” หญิงสาวร่ำร้องน้ำตานองหน้าสุ้มเสียงสะอึกสะอื้นน่าสงสาร ชวนเวทนาจากคนมอง ในใจคิดว่าหมากตานี้ นางต้องได้ถอนหมั้นอย่างงดงามแน่นอน ชายหญิงเนื้อตัวเปียกปอนเผยเรือนร่างชัดเจนยังคงตระกองกอดกันอยู่ในศาลาริมบึงมองนางอย่างอึ้งๆ เฉินฮูหยินที่เดินมาตามเสียงโวยวายได้เห็นเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งเช่นกัน นางตวาดไปทางบุตรชาย “หมิงเอ๋อร์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เฉินเจียหมิงรีบแก้ตัว “ท่านแม่ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้ากับน้องลี่ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ไม่เคยทำเรื่องเกินเลยอันใดด้วย นางพลัดตกน้ำข้าจึงกระโดดลงไปช่วยเท่านั้นเอง จะให้ข้าทนเห็นน้องสาวตายต่อหน้าได้อย่างไร” นับว่ามีเหตุผล แต่คนสองคนตกน้ำด้วยกัน สัมผัสกันอย่างแนบชิดปานนั้น เฉินฮูหยินชี้นิ้วสั่นเทา สุ้มเสียงสั่นพร่าชวนอึดอัดกระอักกระอ่วนใจ “แต่พวกเจ้า...พวกเจ้าในสภาพเช่นนั้น เฮ้อ...” ไป๋เว่ยซินรีบเอ่ย “เฉินฮูหยิน น้องสาวเสียหายแล้ว อย่างไรพี่เจียหมิงก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องหมั้นควรถอน...” ยังเอ่ยไม่จบประโยค เฉินเจียหมิงก็ตวาดลั่น “เว่ยซิน! เพราะเจ้า...เจ้าเป็นคนผลักพวกเราตกน้ำ ยังจะพูดเหลวไหลเรื่องนอกใจ เรื่องถอนหมั้นอะไรอีก? พยานหลักฐานล้วนเกิดจากความคิดเพ้อเจ้อของเจ้าทั้งสิ้น เจ้าทำตัวแบบนี้ใช้ได้ที่ใด?” หญิงสาวร้ำไห้โฮ สีหน้าเผยออกว่าเสียใจสุดซึ้ง ทั้งยังไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่งยวด “พี่เจียหมิงพูดอะไร? ข้าจะทำเช่นนั้นทำไม ข้าจะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเจ้าคะ ท่านทำผิดต่อข้า นอกใจข้าแท้ๆ ยังกล่าวหาข้า ฮึก...ฮือ” “เจ้า...เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เคยนอกใจ” วาจาของเฉินเจียหมิงหนักแน่นยิ่ง “โฮ..” เมื่อเฉินเจียหมิงไม่ยอมรับ ไป๋เว่ยซินยิ่งเสแสร้งร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดัง เฉินเจียหมิงให้รู้สึกเลือดลมติดขัด คิดอยากลุกขึ้นไปจับตัวคู่หมั้นเขย่าเรียกสติเอาความคิดบ้าๆ ออกจากร่างนางให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดตรงที่หลัวลี่ลี่เกาะเกี่ยวไม่ยอมปล่อย ทั้งยังร้องไห้กระซิกๆ ซบอกเขาไม่ห่าง ท่าทางน่าสงสารที่สุด ชายหนุ่มจึงกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น มองคู่หมั้นของตนอย่างคาดโทษ ไป๋เว่ยซินไม่ได้มองคู่หมั้นแต่มองหลัวลี่ลี่แวบหนึ่ง แค่แวบเดียวเท่านั้นแต่กลับเห็นอีกฝ่ายแอบยกยิ้มสาสมใจ เป็นรอยยิ้มของผู้ที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองได้กุมชัยชนะไว้ในมือ ไป๋เว่ยซินร้องไห้น้ำตาไหลพรากแทบยืนไม่อยู่แล้ว สาวใช้รีบเข้ามาประคอง คุณหนูของนางร่างกายอ่อนแรงนัก เฉินฮูหยินเองก็เห็น นางหันไปตักเตือนบุตรชาย “หมิงเอ๋อร์ เจ้าทำผิดยังใส่ความคู่หมั้นอีกรึ?” “ท่านแม่ ข้ากับน้องลี่บริสุทธิ์ใจนะขอรับ” เฉินฮูหยินให้รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจเหลือเกิน คำกล่าวที่ว่าถูกสตรีเรียบร้อยอ่อนหวานทั้งอ่อนแอบอบบางอย่างไป๋เว่ยซินตบหน้าและถีบตกน้ำ พูดให้ตายใครก็ไม่เชื่อ อีกทั้งหลัวลี่ลี่สบโอกาสจับบุรุษที่ตนหมายตา นางมีหรือจะเปิดเผย เพียงทำตัวคลุมเครือไปเช่นนั้น เฉินเจียหมิงจึงไม่พูดอีก การหมั้นจึงยังคงไม่สิ้นสุดพันธะเพราะเหตุนี้ เขาหอบโทสะทั้งหมดมาหาไป๋เว่ยซินถึงจวนไป๋ทันที นับว่าโชคดีที่วันนี้นายท่านไป๋กับฮูหยินใหญ่ไม่อยู่ในจวน “เจ้าทำบ้าอะไร? เว่ยซิน ทำแบบนั้นทำไม?” เฉินเจียหมิงถามคู่หมั้นสาวอย่างเดือดดาล ทั้งสองอยู่ในห้องรับรองแขก ไม่มีใครอื่น ไป๋เว่ยซินไม่คิดอ้อมค้อม “ข้าต้องการถอนหมั้น” บุรุษแค่นเสียงเย็น “ไม่มีทาง!” สายตาของไป๋เว่ยซินเจือด้วยประกายประหลาด “ข้าทำหยาบคายกับท่านขนาดนั้นและท่านก็ดูรักใคร่ห่วงใยญาติสาวออกปานนั้นแท้ๆ” สุ้มเสียงเฉินเจียหมิงหนักแน่นยากสั่นคลอน “ภรรยาของข้าต้องเป็นเจ้าผู้เดียว” ไป๋เว่ยซินถึงกับพูดไม่ออก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD