หลัวลี่ลี่แสดงออกว่าหวาดกลัวไป๋เว่ยซินจากใจจริง
ไป๋เว่ยซินยิ้มเย็น เป็นเช่นนี้ย่อมดีไม่น้อย... นางเอ่ย “น้องลี่ไม่ต้องทำท่ากลัวข้าปานนั้น ข้าไม่นิยมทำร้ายสตรีด้วยกัน ข้าแค่อยากให้เจ้าช่วยพูดกับพี่เจียหมิงให้ข้า ให้เขายอมถอนหมั้นเสียที เพื่อที่เจ้ากับเขาจะได้เดินจับมือกันอย่างสง่าผ่าเผย เวลาเจอหน้าข้าจะได้ไม่ต้องรีบปล่อยมือแบบเมื่อครู่ให้เจ้าต้องช้ำใจอีก”
หลัวลี่ลี่พลันชะงักคาดไม่ถึง ดวงตาเผยแววตะลึง
สาวน้อยหันไปมองเฉินเจียหมิงเห็นเขามีสีหน้าบึ้งตึง แสดงออกว่าไม่พอใจในคำกล่าวของไป๋เว่ยซินชัดเจน
ที่แท้สาเหตุที่เขาไม่ยอมไปหาคู่หมั้นตลอดหลายวัน เพราะถูกขอให้ถอนหมั้นหรอกหรือ?
เขาไม่อยากถอนหมั้นปานนั้นเชียวหรือ?
คำถามเกิดขึ้นในหัวใจ หลัวลี่ลี่รู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา คำพูดเจียมเนื้อเจียมตัวที่มักพร่ำบอกล้วนไม่ใช่ความจริง
หากพวกเขาถอนหมั้นกัน ตัวนางย่อมมีสิทธิ์แทนที่
ฐานะฮูหยินน้อยเป็นสิ่งที่หลัวลี่ลี่เริ่มมองเห็นรำไร
นางมองเฉินเจียหมิงด้วยสองตาเปี่ยมความหวัง
ทว่าเฉินเจียหมิงกลับเดินเข้ามาจับมือไป๋เว่ยซิน พานางเดินออกจากฝูงชน เข้าตรอกหนึ่งซึ่งเงียบสงัดกำลังดี
“เจ้าหยุดพูดเรื่องถอนหมั้นเสียที ข้าบอกแล้วว่าไม่มีวัน! เราต้องแต่งงานกันเท่านั้น”
ไป๋เว่ยซินพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เมื่อไม่ได้ผลนางจึงเชิดหน้าสบสายตาดุดัน
“เพราะเหตุใด?”
ชายหนุ่มแค่นเสียงลอดไรฟัน “เพราะข้ารักเจ้า และเจ้าก็รักข้า เรารักกัน!”
หลัวลี่ลี่ที่เดินตามและยืนอยู่ใกล้ทั้งสองได้ยินชัดเจน สีหน้านางพลันไม่น่ามอง
ไป๋เว่ยซินอยากจะหัวเราะนัก “เพราะรักข้าหรือ? รักอย่างไรถึงมีคนอื่น ข้าไม่เข้าใจท่านหรือท่านไม่เข้าใจตัวเองกันแน่ เจียหมิง! ท่านบอกรักข้าเนี่ยนะ ไม่ใช่กระมัง? คนรักกันที่ไหนจะทำร้ายให้เจ็บปวดด้วยการใช้เวลาอยู่กับหญิงอื่น รักของเรามันสิ้นสุดไปแล้ว มันสลายหายไปตั้งแต่วันที่ท่านปล่อยให้ไป๋เว่ยซินนอนป่วยคนเดียวหลายวัน”
วาจาไป๋เว่ยซินมีความนัยลึกซึ้งซึ่งคือความจริงทุกคำ นางไม่คิดโกหก แต่เฉินเจียหมิงได้ฟังกลับยิ่งเดือดดาล
“เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญเสียที! ข้าบอกแล้วว่ากับญาติผู้น้องหลัว พวกเราไม่มีอะไรเกินเลย”
คราวนี้ไป๋เว่ยซินไม่หัวเราะไม่ได้แล้ว แววตาของนางเยาะหยันไม่ต่างจากน้ำเสียงขบขัน
“ไม่เกินเลยหรือ? ท่านคิดว่าข้าโง่หรือตาบอดกันล่ะ ข้าขอถาม เกินเลยสำหรับท่านคืออะไร? จูบก็ยังมิใช่หรือ? ต้องถึงขั้นไหนถึงจะใช่? ตั้งครรภ์ประจานก่อนแต่งรึ? หึ! ชายหญิงแบ่งแยกชัดเจน หากมิใช่คู่รักหรือคู่สามีภรรยา การแตะเนื้อต้องตัวย่อมหมายถึงเกินเลยทั้งสิ้นมิใช่หรือไร!”
วาจานางทำเฉินเจียหมิงสะอึกอึ้งงัน ยังมีสายตาที่มองมาทางลำคอของหลัวลี่ลี่ เขาเงียบกริบ ในขณะที่หลัวลี่ลี่พยายามยกแขนเสื้อปิดลำคอของตนพัลวัน นึกอับอายขึ้นมา
ครั้นได้สติ ชายหนุ่มก็เริ่มเถียงกลับอย่างหนักแน่น “เจ้าไร้สาระนัก รอยเหล่านั้นมิใช่แมลงกัดหรือไร ไยคิดมาก ใส่ความผู้อื่น!”
นับว่ามีเหตุผล หากเป็นผู้อื่นหรือไป๋เว่ยซินคนเก่าย่อมเชื่อตามนั้นโดยไม่โต้แย้ง
แต่ โอ๊ย! ไป๋เว่ยซินคนนี้อยากบ้าตายวันละร้อยหน นางมาจากศตวรรษที่ 21 เชียวนะ แม้จะเป็นแค่การคาดเดา ทว่าก็เป็นการคาดเดาจากสัญชาตญาณระดับมารดา
รอยแมลงกัดกับรอยผู้ชายดูดมีหรือจะดูไม่ออก!
เรื่องจูบก็ไม่ยากที่จะคาดเดาสักนิด หากมีรอยที่คอ แล้วที่ปากจะเหลือรึ?
ไป๋เว่ยซินไม่อยากเถียงกับคนปากแข็ง นางถามนิ่งๆ “ให้ข้าไปจูบกับชายอื่นบ้างไหมเล่า คงไม่เกินเลยเช่นกันกระมัง?”
“ไป๋เว่ยซิน!”
เสียงเรียกเย็นเยือก ดวงตาของเฉินเจียหมิงแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะ “เจ้าอย่าหยาบคายให้มากนัก!”
เจ้าของนามเอียงหน้ายิ้ม กะพริบตาปริบๆ
“แค่พูดยังหยาบคายแล้ว แต่ทำจริงไม่หยาบคายรึ?”
ไป๋เว่ยซินถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบมากขึ้น “ข้าถามจริงๆ เถอะนะ ตอนที่ท่านกำลังคลอเคลียหญิงอื่นส่งเสียงหัวเราะระรื่นกับหญิงอื่น ไม่นึกบ้างหรือไรว่าอาจมีใครบางคนกำลังสะอื้นไห้อยู่”
วาจาเถรตรงทำคนฟังอึ้งแล้วอึ้งอีก บื้อใบ้ไปแล้ว
เฉินเจียหมิงกับหลัวลี่ลี่ลอบมองหน้ากันปราดหนึ่ง
ชายหนุ่มสูดลมหายใจหน่วงทรวงอก จู่โจมจูงมือคู่หมั้น พานางออกตัวเดินจากตรอก
“เจ้ากลับไปกับข้า”
หญิงสาวไหนเลยจะยอม “ข้ามาคนเดียวนึกอยากกลับเมื่อใดย่อมได้ทั้งสิ้นเรื่องอันใดต้องกลับกับท่าน ปล่อย!”
ฝ่ามือเล็กสะบัดหลุดจากการเกาะกุมได้ในที่สุด
ไป๋เว่ยซินวิ่งหนีทันที เฉินเจียหมิงทำท่าจะวิ่งตาม หลิวลี่ลี่จึงรีบเอื้อมมือจับชายแขนเสื้อรั้งเขาเอาไว้
“พี่เจียหมิง ท่านใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ เรื่องนี้ควรให้ข้าไปคุยกับพี่เว่ยซิน ให้ข้าช่วยยืนยันอย่างหนักแน่นด้วยตัวเอง ย่อมเป็นการดีกว่านะเจ้าคะ”
ร่างสูงจึงชะงัก คิดในใจว่าดีเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เขาพูดอะไรไปล้วนไม่เกิดประโยชน์ นอกจากไป๋เว่ยซินไม่ฟังยังชวนถอนหมั้นตลอดเวลา จิตใจคับแคบเหลือเกิน
เฉินเจียหมิงจึงปรับอารมณ์ตนให้ใจเย็นลงแล้วเอ่ย “ลำบากน้องลี่แล้ว”
เขายังไม่ลืมกำชับ “เจ้าห้ามยอมรับ ห้ามบอกนางเรื่องที่ข้ารับปากให้เจ้าเป็นอนุหลังแต่งงานเด็ดขาด มิเช่นนั้น เรื่องระหว่างเราถือเป็นโมฆะ”
หลัวลี่ลี่พยักหน้า “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ขืนบอกออกไป เรื่องราววุ่นวายคงไม่แคล้วยิ่งบานปลายยืดเยื้อ ท่านคงไม่ได้แต่งงานกับพี่เว่ยซินง่ายๆ แน่ หากเป็นแบบนั้น ข้าก็ไม่ได้เข้าเรือนท่านอย่างเปิดเผยเช่นกันเจ้าค่ะ”
บุรุษยกยิ้มพึงใจ “ยังเป็นน้องลี่ที่จิตใจกว้างขวาง ฉลาดเฉลียวเข้าใจสถานการณ์”
หลัวลี่ลี่ยิ้มรับ “ท่านไปรอข้าที่ร้านบะหมี่แล้วกัน” จบคำก็วิ่งตามไป๋เว่ยซินไปอย่างกระตือรือร้น
ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงนั่งรอผลการเจรจาที่ร้านหนึ่ง