ตอนที่3 หวั่นไหว

1384 Words
ควรชิดใกล้หรือถอยห่าง บางอย่างในใจตีกันวุ่นวายจนสับสนปนเป แววตาคมเริ่มเข้มลึก ดวงตางามยิ่งซุกซน คนสองคนมองตากันยิ้มๆ เฉินเจียหมิง จวนสกุลเฉิน เฉินเจียหมิงหอบโทสะกลับบ้านมาราวพายุพัดพา อาจเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรือสองเดือนให้หลังมานี้ที่เขารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เจอหน้าไป๋เว่ยซิน นาง...น่าเบื่อ กระนั้นการถอนหมั้นกลับไม่เคยอยู่ในความคิด เพราะสำหรับเขา ไป๋เว่ยซินอ่อนหวานหยาดเยิ้มเหนือใคร นางรู้ตำราเก่งกาพย์กลอนน้ำใจงามและเหมาะสมคู่ควรกับเขาที่สุด สามารถเคียงข้างเชิดหน้าชูตาสามีได้ ด้วยต้องการอยู่เงียบๆ คนเดียวเพื่อปรับอารมณ์ ชายหนุ่มจึงเลือกเดินไปยังทิศทางซึ่งเป็นมุมโปรดของตน หมายนั่งทอดอารมณ์ในศาลากลางสระน้ำ และเมื่อมาถึงจึงได้เห็นหลัวลี่ลี่กำลังอยู่ที่นั่นเช่นกัน นางกำลังให้อาหารปลา ท่วงท่ากิริยาซุกซนน่าเอ็นดู ชายหนุ่มถึงขั้นมองเหม่อ รู้ตัวอีกทีเขาก็เดินเข้ามาในศาลา ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของนางเสียแล้ว “วันก่อนเจ้าตกน้ำเปียกทั้งตัว หายป่วยดีแล้วหรือ?” เขาถามด้วยสุ้มเสียงทุ้มนุ่มเจือความห่วงใยหลายส่วน “ข้าขอโทษแทนเว่ยซินแล้วกัน นางไม่ควรทำเช่นนั้น” หลัวลี่ลี่หันมาคลี่ยิ้มอ่อนหวานอย่างคนอ่อนใจ “ได้รับยาบำรุงชั้นดีและความเอาใจใส่จากพี่เจียหมิง ข้าจึงแข็งแรงยิ่งนัก หายดีแล้วเจ้าค่ะ ส่วนพี่เว่ยซินข้าไม่เคยถือโทษโกรธเคืองอันใด ย่อมเป็นอารมณ์ชั่ววูบของสตรี ยามเห็นบุรุษของตนอยู่กับหญิงอื่น ท่านก็อย่าโมโหนางเลย” “อืม...ดีแล้วล่ะ เจ้าเป็นคนดีกว่าที่ข้าคิดไว้นะ” “ท่านพี่เจียหมิงรีบไปหาพี่สาวถึงจวนไป๋ตั้งแต่เช้า คงปรับความเข้าใจกันได้แล้วกระมัง?” เฉินเจียหมิงถอนหายใจ “อืม...ข้าเป็นว่าที่สามีที่ดี จำต้องอบรมว่าที่ภรรยาสักหลายประโยค เจ้าไม่ต้องห่วง ต่อไปนางคงจะไม่เข้าใจผิดและไม่กล้ารังแกเจ้าอีก” หลัวลี่ลี่ก้มหน้า ซ่อนประกายบางอย่างในแววตาไว้ภายใต้แพขนตายาวงอนอย่างมิดชิด พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีน้ำตาก็เอ่อคลอดวงตา ดูน่าเวทนาจับใจ “ดีแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านที่ลำบากปกป้องคนที่ใช้การไม่ได้เช่นข้า” ชายหนุ่มเอื้อมมือเกลี่ยน้ำตาให้สาวน้อยเบาๆ “อืม...ท่านน้าฝากฝังเจ้าก่อนตาย ข้าย่อมต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว ไม่ลำบากอันใด” “พี่เจียหมิงเป็นคนดีเหลือเกิน ข้า...ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก” เฉินเจียหมิงยิ้มรับพลางโน้มตัวเอื้อมมืออ้อมด้านหลังร่างบางในระยะประชิดเพื่อหยิบอาหารปลาบนโต๊ะ ชายหนุ่มหยิบและโปรยให้ปลาในสระในท่าอ้อมหลัง แป้งชิ้นเล็กๆ กระจายลงน้ำพร้อมไออุ่นโอบล้อมแผ่ซ่านรอบร่างนาง หลัวลี่ลี่ก้มหน้าหลุบตาอมยิ้ม พวงแก้มซับสีแดงเรื่อ เมื่อทั้งตัวเหมือนตกอยู่ในอ้อมอกของเฉินเจียหมิง ในศาลากลางบึง ท่ามกลางฝูงปลาหลากสีสันสดสวย เสียงหวีดร้องเบาๆ เกิดขึ้นอย่างน่ารัก “ว้าย! ปลาตีน้ำใส่ข้า” หลัวลี่ลี่มีน้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานเป็นนิตย์ สาวน้อยช้อนดวงตากลมโตพราวระยับมองเฉินเจียหมิงพร้อมรอยยิ้มพริ้มเพรา “ข้าเปียกหมดเลยเจ้าค่ะ” นางทำท่าปัดเนื้อตัวตรงที่น้ำเปียกอย่างลนลาน ทว่าฝ่ามือนุ่มนิ่มแลดูอ้อยอิ่งเป็นพิเศษตรงเนินเนื้อหน้าอก เฉินเจียหมิงมองตามมือเล็กนั่นอย่างอึ้งๆ แววตาของเขาลุ่มลึกจมดิ่ง ยามจับจ้องนางแน่วนิ่ง คล้ายมีบางสิ่งดูดดึงกระนั้น หลัวลี่ลี่เบิกตาโต ท่าทีตกใจ นางถามเสียงหวาน “ท่านพี่เจียหมิงมองอะไรอยู่หรือเจ้าคะ?” หญิงสาวร่างบางดูน่ารักบริสุทธิ์ ใบหน้าแต่งแต้มอย่างบรรจง ดวงตากลมโตดุจกวาง ให้ความรู้สึกไร้เดียงสา ยามหัวเราะหรือจำนรรจามักพาให้ชายหนุ่มหวั่นไหว เฉินเจียหมิงย่อมมิได้รับการยกเว้นใด เขาเลิกคิ้ว ถามอย่างเหม่อลอย “มอง...ข้ามองอะไร?” สาวน้อยเอียงอาย มือที่ลูบไล้ตรงเนินอกพยายามปิดสาบเสื้ออย่างลนลาน “ข้า...ข้าเปียกหมดเลยเจ้าค่ะ” ชายหนุ่มลมหายใจติดขัด ยิ่งได้เห็นกิริยาซึ่งกำลังเกิดเป็นภาพยั่วยวนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเจ้าตัวมิได้ตั้งใจ ก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง “พี่เจียหมิงพาข้าไปเปลี่ยนเสื้อได้หรือไม่เจ้าคะ? ข้า...ข้าอายสายตาบ่าวไพร่เจ้าค่ะ” นางถามอย่างขลาดเขลา ชั่วขณะอึ้งงัน เฉินเจียหมิงยังไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธอันใด ฝ่ามือใหญ่กลับถูกมือเล็กจับจูงออกจากศาลา ไม่นานก็พากันเข้าเรือนพักของหลัวลี่ลี่ ในห้องหับส่วนตัว สาวน้อยรีบแก้ตัวด้วยสุ้มเสียงอ่อนหวานสะเทิ้นอาย “ญาติผู้พี่...เมื่อครู่นี้ ข้าเห็นบ่าวชายมองมาเจ้าค่ะ” เฉินเจียหมิงคล้ายถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง เขาก้มหน้ามองญาติผู้น้องนิ่งนาน จังหวะนั้นหลัวลี่ลี่พลันเงยหน้ามองสบตาอย่างใสซื่อ ในความไร้เดียงสาบนสีหน้ามีแววซุกซนอยู่ในประกายตา น่าค้นหาอย่างยิ่ง มิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนรับรู้ถึงลมหายที่รินรดในระยะประชิด พริบตานั้น ริมฝีปากของพวกเขาก็ค่อยๆ ประกบปิด การแนบชิดของกลีบปากเกิดขึ้นโดยมิได้นัดหมาย ชายหนุ่มยิ่งอึ้งงัน ไม่รู้ว่าเพราะไม่ทันผลักไสหรือร่างกายมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างเต็มใจกันแน่ หากแต่สัมผัสนุ่มลื่นจากริมฝีปากหอมหวานทำคนเคลิบเคลิ้มยากควบคุมได้อย่างแท้จริง ชั่วครู่ต่อมา เฉินเจียหมิงพลันได้สติรู้ผิดชอบชั่วดี เขายกมือจับไหล่เล็กบางของหลัวลี่ลี่แล้วค่อยๆ ดันนางออกจากการจุมพิตอันแสนดูดดื่มอย่างใจกล้าอันหาได้ยากยิ่งนี้ สัมผัสวาบหวิวจึงหยุดลงก่อนความหวามไหวจะปั่นป่วนเรียกเลือดลมให้รุ่มร้อนมากไปกว่านี้ “น้องลี่ เจ้าทำอะไร? อย่าทำเช่นนี้” เสียงทัดทานแหบพร่าฟังแทบไม่ออก หลัวลี่ลี่มีท่าทีกระเง้ากระงอด “ทำไมเล่าเจ้าคะ? เมื่อเดือนก่อน...คืนนั้น เราก็ทำเช่นนี้มิใช่หรือ?” เฉินเจียหมิงอ้ำๆ อึ้งๆ “คืนนั้น ข้า...ข้าดื่มเหล้ามากเกินไป เอ่อ...มันผ่านมาเป็นเดือนแล้วนี่ และข้าก็มั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดเกินเลยกับเจ้า” สาวน้อยเผยสีหน้าไม่ยินยอม แววตาบอบช้ำอย่างคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “แต่เราก็จูบกันแล้ว ท่านจูบข้าเสียหลายครั้ง จูบตั้งนาน” ชายหนุ่มเริ่มลนลาน รีบยกมือปิดปากนางพัลวัน “เจ้า! เงียบเสียงหน่อย เดี๋ยวใครมาได้ยิน” มือใหญ่ถูกนางดึงออกอย่างดื้อรั้น ใบหน้าแดงซ่าน “ตรงนี้ไม่มีใครนี่นา มีแค่เราสองคน ทำมากกว่าจูบก็ยังได้ หากพี่เจียหมิงต้องการ ข้า ข้ายอมให้พี่เจียหมิงทำได้เจ้าค่ะ” นางกล่าววาจาติดขัดอย่างเขินอาย ใบหน้าคมคายฉายแววอึดอัดและลังเลไม่แน่ใจ เฉินเจียหมิงขมวดคิ้ว พูดเสียงเครียด “ข้า...ข้ามีคู่หมั้นแล้ว คืนนั้นที่พลั้งเผลอก็มากเกินพอกระมัง” คนงามคล้ายชะงักไปอึดใจ ก่อนที่ดวงตากลมโตซุกซนคู่นั้นจะมองเขาไม่วางตา น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาอย่างอัดอั้นตันใจ ทั้งน่าเวทนาและน่าชิดใกล้ กิริยาของนางล้วนบ่งบอกว่ากำลังมีความรัก แต่ความรักนี้กลับมีมาพร้อมอุปสรรคอันใหญ่หลวงให้นางต้องฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์รักแท้ นางต้องทำใจกล้าอย่างเหนียมอาย “ข้ารู้ดีว่าท่านมีว่าที่ภรรยาเพราะความเหมาะสม และข้าก็ไม่คิดเทียบ ครอบครัวของข้าฐานะเป็นเช่นใด ข้าทราบดีเจ้าค่ะ แค่ภายหน้าท่านช่วยรับข้าเป็นอนุเท่านั้น” ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นพลันเงียบงัน สีหน้านิ่งสนิท มีเพียงแววตาที่เปล่งประกาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหวั่นไหวแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD