บทนำ: อดีต ปัจจุบัน อนาคต (รีไรท์)
หากได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง คุณอยากจะทำอะไร? ซื้อลอตเตอรี่? ซื้อหุ้น? ที่ดิน? หรือจะลองช่วยชีวิตคนที่รักดูสักครั้ง... ไม่มีอะไรมาการันตีว่าจะสำเร็จ แต่มันคือเรื่องที่ต้องทำให้ได้ต่างหาก!!
ขณะนี้เวลา 02.02 น. ณ คอนโดฯ แห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยพนักงานกินเงินเดือนที่มีรายรับมากพอจะจ่ายค่าส่วนกลางแพงหูฉี่แห่งนี้
สภาพหญิงสาวเมาปลิ้น ไม่ต่างกับหมา สลัดคราบพนักงานสาวพราวเสน่ห์ในวัย 27 ปีไปโดยสิ้นเชิง สาเหตุคืออยากหนีความจริง เพราะดันไปฟังความคิดของตัวเองมากจนเกินไป เลยเผลอทำเรื่องที่ยากจะให้อภัยไปจนได้
“ปริมมมมม~” เสียงลากยาวจนจับบันไดเสียงไม่ได้ เรียกเพื่อนสนิทที่กำลังหิ้วปีกหล่อนอย่างทุกลักทุเล “ฉันรักแกนะ แกเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจ เชื่อใจ เชื่อมั่น ลงมือทำ…”
“พอ ๆ เลิกเล่นมุกแรงดึงดูดแห่งจักรวาลอะไรนั่นสักที… ให้ตายสิ เมาทีไร เดือดร้อนฉันทุกทีเลยสิน่า” ปริมบ่น เพราะมันทำได้แค่นั้น ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือการหิ้วเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของตัวเอง กลับห้องอย่างปลอดภัย
ปกติหญิงสาวไม่ใช่คนปล่อยอารมณ์เสพสุราจนเมามายได้ขนาดนี้ แต่คราวนี้มันไม่ไหวจะทน อย่างที่บอก เพราะทำอะไรตามใจเกินเหตุ เงาหัวที่มีอยู่ตอนนี้ กำลังจะหลุดออกในไม่ช้า
หลายชั่วโมงก่อน…
‘เพกา’ หญิงสาวซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง อาชีพเรียกได้ว่าหลาย ๆ คนต้องใฝ่ฝัน (เหรอ?) หัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้ง และเธอก็กำลังขายงานให้กับลูกค้าตามคำสั่งของบริษัท แต่ลูกค้าเจ้ากรรมดันกดสัญชาติดิบเอาไว้ไม่ไหวเผลอวางมืออันทรงคุณวุฒิลงบั้นท้ายของเธอ แต่ถ้าแค่วางยังพอทน ยังลูบคลำเผื่อสนองตัณหาอีก หากเป็นคนอื่นอาจจะทนได้ (?) แต่สำหรับเพกานั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะทน!!
ในเมื่อท่านลูกค้าเผยเอามือมาจับบั้นท้ายของเธอ มีหรือมือเธอจะอยู่เฉย เลยอยากจะเผลอลอยไปขย้ำศีรษะดูบ้าง แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าท่านลูกค้าผู้นี้จะไม่เหลือผมไว้บนหัวแล้ว และต้องอำพรางด้วยวิกผมมาตลอด กลายเป็นว่าหญิงสาว ได้ทำการเปิดหนังศีรษะอันมันเงาแก่เหล่าลูกน้องทั้งหลายของท่านลูกค้าโดยปริยาย
ก็ใครมันจะคิดเล่ามาที่แปะอยู่บนหัวนั่นจะเป็นของปลอม และ... ไม่คิดว่าจะหลุดง่ายขนาดนี้... มั้ง?
“ทำมายยย…อึก” เพกาได้แต่กรีดร้อง “ทำไมต้องใส่วิกด้วยเล่า!!!”
“เรื่องนี้เองเหรอ!?” ปริมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะโยนร่างสตรีขึ้นเมาลงบนเตียงดังปัก!! “แกทำใจแล้วนอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรงขับรถไปลาออก”
“ทำไมฉันต้องลาออกด้วยเล่า ไอ้บ้านั้นมาลวนลามฉันก่อนนะ ฉันแค่ป้องกันตัวเองอ่าาาา~… แง่~”
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ขณะนี้มีหญิงวัยใกล้เลขสาม กำลังแหกปากร้องไห้เหมือนเด็กอายุสามขวบเพราะแม่ไม่ยอมซื้อของเล่นให้ ส่วนคนที่กำลังนั่งพักให้หายเหนื่อยจากการลากเพื่อนตัวเองที่อยู่ในโหมดเลื้อยกลับห้องนั้น มองหาอะไรสักอย่างมายัดให้หุบปากลง เพราะตอนนี้แสบแก้วหูจะแย่แล้ว
“อุ๊บ!!” ถุงเท้า ที่ผ่านการใช้งานแล้ว ถูกม้วนให้เป็นก้อนอย่างลวก ๆ ได้อุดต้นกำเนิดเสียงเรียบร้อย
“นอนซะ แล้วก็ไปอธิบายให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แค่เสียหายไม่กี่ร้อยล้าน ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก จริงมั้ย?” อันนี้ให้กำลังใจถูกมั้ย?
“แง่~…” ถุงเท้าที่เคยปิดต้นกำเนิดเสียงตอนนี้เป็นอิสระแล้ว “ไอ้ปริม แกทำให้ฉันเครียดกว่าเดิมอีกอ่าาา~”
“เออ… ขอโทษ ๆ ฉันผิดเอง นอนซะนะ นอนซะ”
ปริมได้แต่ปลอบเพื่อนตัวเอง แล้วจับเธอล้มตัวนอน แต่ไม่วายมือไม้ของยัยเพกาตัวยุ่งยังคงทำงานเลื้อยไปคว้าปริมเพื่อนยากลงมานอนด้วย “ฉันรักแกนะปริม ฮือ…~”
“จ้า ๆ ฉันก็รักแก นอนได้แล้วน่า~” ปริมพยายามแกะมือของเพกาออก “เลิกเกาะฉันได้แล้วโว๊ย ขนลุก!”
ทันทีที่ปริมได้รับอิสระ ก็จากไปทันทีเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แถมพรุ่งนี้ทั้งคู่ยังมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย โดยเฉพาะคนที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง สติที่มีกำลังเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ ภาพความจำในสมัยเด็ก กำลังเลื่อนผ่านไปอย่างช้า ๆ ทุกความทรงจำยังมีคนคนหนึ่ง ที่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องแย่แค่ไหนก็ตาม
‘ถ้าพ่อยังอยู่ คงไม่ยอมปล่อยให้เพถูกดูหมิ่นแบบนี้ใช่มั้ยคะ?’
ความคะนึงหา เป็นบ่อเกิดให้น้ำใส ๆ ค่อย ๆ ไหลรินออกจากดวงตาทั้งสอง
อีกฝั่งขอห้วงเวลา…
“เพ! ขอร้องละ ลืมตาสิ!” เสียงสั่นเครือร่ำร้องด้วยความปวดร้าว อ้อมแขนประครองภรรยาอันเป็นที่รักขึ้นมากอดด้วยหวังว่าจะได้ยินเสียงและไออุ่นของเธอ “อย่าทิ้งพี่ไปนะเพ”
มือแสนอุ่นลูบไล้ใบหน้าอันซีดเผือด ริมฝีปากนุ่มกดจูบลงหน้าผากอันเย็นเฉียบ หวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ให้เธอลืมตา และมองเขาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะใจร้ายเหลือเกิน ไม่มีแม้แต่ความหวัง มีเพียงร่างที่ท่วมไปด้วยเลือด และบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณท้องของหญิงสาวเจิ่งนองไปด้วยเลือดสีแดงชาดเต็มร่าง
เธอจากไปแล้ว…
แม้จะรู้ว่าไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ แต่ชายหนุ่มก็ยังร้องเรียกภรรยาของตนเหมือนคนบ้า ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่เพิ่งจะเริ่มใช้ชีวิตด้วยกันได้ไม่นาน แต่สวรรค์กลับไม่ปรานี พรากดวงใจจากเขาไป... อย่างไม่มีวันกลับ
อีกมุมหนึ่ง ยังดวงตาอีกคู่จับจ้องร่างไร้วิญญาณอย่างพึงพอใจ รอยยิ้มชวนสยองแสยะออกมาเมื่อเห็นกองเลือดสีแดงแสนสวยในสายตาเขา แม้จะอยู่ห่างจากเหตุการณ์อันแสนสลด แต่เป็นภาพที่ตราตรึงหัวใจอย่างที่สุด ดุจศิลปะชั้นยอดที่ได้รังสรรค์มาในชีวิต ยิ่งเสียงร้องไห้ รำพึงรำพันของชายผู้นั้น ทำให้ภาพตรงหน้าน่ามองจนละสายตาไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
“นี่แหละ เสียงที่ฉันต้องการ ภาพตรงหน้ามันช่าง...” เขายิ้มกว้างอย่างพอใจ “สวยงาม”
เสียงเพลงเบา ๆ ถูกบรรเลงจากลำคอขอผู้ชนะ สายตากำลังจับจ้องภาพแห่งการสูญเสียตอนนี้ มันทำให้เขากดอารมณ์แทบไม่อยู่ ไม่รู้ว่ากี่ปีที่รอคอยวันนี้ วันที่เห็นใบหน้าและร่างกายนั้นย้อมอาบไปด้วยเลือด ร่างทอันเย็นเฉียบไร้ลมหายใจ กี่วันกี่คืนที่นึกฝัน... มันเป็นจริงแล้วตอนนี้!!
“ฉันเตือนแกแล้วนะ เพกา” เสียงหัวเราะอันกึกก้อง และเสียงร้องไห้เจียนขาดใจ กู่ร้องพร้อมแข่งกับสายฝนกำลังเทลงมาไม่ขาดสาย “อย่าคิดที่จะมีความสุขกันง่าย ๆ แบบนั้นสิ... ฉันไม่ยอมให้แกมีความสุขง่าย ๆ แบบนี้หรอก”
รอยแสยะยิ้มค่อย ๆ เลือนหายไปจากใบหน้า กลายเป็นแววตาแข็งกร้าวโกรธแค้นรุนแรงกว่าสายฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมา เสียงร้องไห้คร่ำครวญยังคงแว่วมาเป็นระยะ เหมือนมันกำลังช่วยเยียวยาความโกรธแค้นในใจหลายปีให้จางลง เลือดสีแดงเจิ่งนองเปรียบดั่งถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะ
เป็นรางวัลที่สมกับการรอคอยเสียจริง