4

1146 Words
“ไม่ไปแน่เหรอ ไม่นั่งร้าน แค่แวะหาอะไรกิน” อีกครั้งที่ติณณภพพยายามจะโน้มน้าวเพื่อนสนิท “ไม่ ไหนมึงบอกไม่ชอบร้านข้างทาง” เจตนิพัทธ์เพิ่งฟื้นคืนชีพ ภายหลังนอนอืดตั้งแต่เที่ยงคืนมาจนถึงเที่ยงวัน สภาพน่ากลัวราวกับผีตายซาก เดินวนรอบห้อง ยังไม่ได้ส่องกระจก อ้าปากหาวนอนกว้าง ติณณภพรีบหลบ กลัวมีกลิ่นตุๆ “หาแรงบันดาลใจทำธุรกิจไง มึงไม่อยากลงทุนเปิดผับแล้วเหรอ” แค่ข้ออ้าง ติณณภพพับเก็บโครงการเปิดสถานบันเทิงไปแล้ว ทดลองเที่ยวหนักๆ ทำตัวเสเพล พบว่าไม่ได้สนุกขนาดนั้น ถ้าเปิด ก็คงจะเป็นการลงทุนด้วยเงินอย่างเดียว ไม่เฉียดเข้ามาบริหารหรือดูงานในร้าน “ไอ้อยากน่ะอยาก” เจตนิพัทธ์ตอบกลับด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “แต่ไม่แน่ใจจะเปิดที่พัทยา หรือกลับไปเปิดที่กรุงเทพฯ เปิดที่นี่กูว่าถอนทุนคืนยากว่ะ อีกอย่างสาวที่กรุงเทพฯ งานดีกว่าเยอะเลย มาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน กูปัดทินเดอร์จนนิ้วถลอกเจอแต่เด็ก” “ไอ้ทุเรศ มึงไม่เลือกช่วงอายุล่ะ จะไปปัดหาเด็กๆ ทำไม” เหนื่อยใจกับเจตนิพันธ์ ผู้ชายทั่วไปชอบใครซื้อกิน ไอ้นี่ปัดหาในทินเดอร์อย่างเดียว หลอกฟันสาวไปเรื่อย แลกกับการพาไปกินข้าว ช้อปปิ้ง ดูหนัง ปัญหาในแต่ละวันของมันคือจะสับรางยังไง ให้เจอสาวที่คุยด้วยครบทุกคน แค่ชื่อเล่น มันยังบอกผู้หญิงแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับระดับความสนใจ มันว่างี้ สนใจน้อยบอกชื่อมั่ว สนใจมากบอกชื่อใกล้เคียงชื่อจริง คิดดูเองแล้วกัน ว่ามันนิสัยเสียมากแค่ไหน เจตนิพัทธ์ยักไหล่ไม่แคร์ ในหัวมันมีแต่เรื่องลามกหรือไง ติณณภพกลอกตา ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับคนพูดไม่รู้เรื่อง “ทำอะไรก็เรื่องของมึง ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป เย็นนี้กูไปคนเดียวก็ได้” “จะอยากไปทำไมวะ กูเนี่ย โดนแบล็คลิสต์ห้ามเข้าตลาดแล้วมั้ง สร้างแลนด์มาร์กอ้วกพุ่งกลางตลาดขนาดนั้น สามล้านภพสามล้านชาติเลยนะที่น้องแม่ค้าคนนั้นสาปแช่งกู อายจะแย่ ใครจะอยากกลับไป” “กูไม่ได้บังคับ บอกไปแล้ว ว่าไม่อยากไปก็เรื่องของมึง” “ห้ามโกรธกูเด็ดขาด กูไม่ไหว จะกลับไปนอนต่อสักงีบ มึงดูตากู” เจตนิพัทธ์ดึงหนังตาล่างลงสุด แสดงอาการอิดโรยจากการเมาค้าง “อย่าเอาหน้าเหม็นๆ ของมึงมาใกล้ได้ไหม ทุเรศจะตาย ไม่ส่องกระจกบ้างเหรอ” ติณณภพโวยใส่ กลัวเชื้อราบนหน้าหนังผีของเพื่อนรักจะกระเด็นมาโดน เขาเพิ่งอาบน้ำ ต่างจากเจตนิพัทธ์ที่สกปรกมากๆ ยังไม่ได้อาบน้ำสวมชุดเดิมตั้งแต่เมื่อคืน เมคอัพจำพวกมาสคาร่า อายไลเนอร์ อินไลเนอร์ และลิปสติกที่สาวๆ หน้าตาน่ารักรุมแต่งแต้มแปลงโฉมให้กลายเป็นผีในคืนวันฮาโลวีนละลายเยิ้มหน้า สกปรกปลอกหมอน ผ้าห่มลงมาถึงคอเสื้อยืด เจตนิพัทธ์เมาหนักจนไม่ดูสภาพตัวเอง เมื่อวานมีงานแต่งเพื่อนสมัยเรียนที่รู้จักกัน กรุงเทพฯ มีสถานที่สวยๆ เยอะไม่จัด ถ่อสังขารมาจัดที่ชายหาดเมืองพัทยา งานเลิกเร็วไม่จุใจสายเที่ยวกลางคืนอย่างเจตนิพัทธ์ มันตั้งต้นชวนเพื่อนๆ ทั้งจากฝ่ายเจ้าสาวและเจ้าบ่าวมาดื่มกันต่อในร้านเหล้าเล็กๆ ในถนนคนเดิน ต่อจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่เล่าไป ติณณภพออกไปสูบบุหรี่ กลับเข้ามาในร้านอีกทีก็เกิดเรื่องแล้ว เพื่อนๆ คนอื่นแยกย้ายกันกลับ ติณณภพพักคอนโดฯ ของเจตนิพันธ์ จำเป็นต้องแบกร่างพังๆ ของเพื่อนรักกลับมาด้วย ดีที่มีสองห้องนอน ถ้ามีเตียงเดียว เขาออกไปเปิดห้องในโรงแรมนอนดีกว่าต้องทนนอนกับร่างกายไม่ต่างจากซากศพ ดูมันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ สิ มั่นใจในตัวเองเกินไปแล้วว่าเขาจะไม่กลัว อวสารอาหารเช้า อุตส่าห์สั่งจากร้านอาหารหน้าคอนโดพร้อมเซตกาแฟหอมกรุ่น ติณณภพขยับองศาท่อนแขน ถ้าเพื่อนไม่ยอมเอาหน้าเยิ้มเมคอัพออกไป พร้อมสาดกาแฟร้อนๆ ลวกหน้ามัน “จะถอยไม่ถอย” “รังเกียจกูเหรอ มึงนอนกอดกูทั้งคืน ตื่นเช้ามาทำเป็นจำไม่ได้” เจตนิพัทธ์สะบัดเสียงงอน “คอนโดสองห้องไหม กูไปนอนกับมึงตอนไหน” “ได้หน้าแล้วลืมหลัง เชอะ” “พูดมั่วนะมึง กูแทงหน้าอย่างเดียวโว้ย” “เออ แทงใครก็แทงไป ขออย่าแทงคนเดียวกันก็พอ” “ถนนคนเดินคืนนี้มึงไม่ไปกับกูแน่เหรอ กูให้โอกาสมึงตอบใหม่” “ไม่โว้ย! บอกว่าไม่ก็ไม่สิ” เจตนิพัทธ์ลากเก้าอี้ตัวข้างๆ ออกนั่ง บ่นต่อ “มึงจะอยากกลับไปทำไม ตลาดก็งั้นๆ ไม่เห็นจะมีอะไรให้น่าจดจำ” “กูแค่นึกสนุก กลางคืนคนเยอะ บรรยากาศครึกครื้นดี” “คืนนี้คนไม่เยอะหรอก งานฮาโลวีนจบไปแล้ว มึงไปผับกับกูดีกว่า ได้ข่าวว่าสาวอย่างแจ่ม กูจองโต๊ะไว้แล้วกับพวกไอ้...” “ก่อนพล่ามเรื่องอื่น มึงไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันก่อนดีไหม” “อาบทำไม อีกเดี๋ยวกูก็กลับเข้าห้องไปนอนกลางวัน” “สภาพมึงตอนนี้ ผีสางยังไม่อยากเอามึงเป็นผัว” “ขนาดนั้นเลย?” “เออสิ” คนเมาค้างเกิดอาการลังเล คว้าโทรศัพท์จากมือเพื่อนมาปัดเข้าสู่กล้องเพื่อส่องใบหน้าตัวเอง เจตนิพัทธ์ตกใจหน้าตัวเองถึงกับนิ่งไปชั่วคราว เขาเอียงคอถามคนในกล้องว่าไอ้หน้าตัวตลกราวกับหลุดออกมากจาก It คือเขาเหรอ แต่ไม่ว่าเจตนิพัทธ์จะกะพริบตาหรือเอียงกรอบหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีกี่ครั้ง เจ้าตัวตลกก็ขยับตาม ร้องจ้ากเสียงดังลั่น วิ่งไม่คิดชีวิตเหยียบพรมเช็ดเท้าปัดท้ายล้ม ลุกขึ้นวิ่งต่อไปล้างเมคอัพในห้องน้ำ “กูคบไอ้เพี้ยนเจตน์มาได้ยังไงตั้งยี่สิบปี” ติณณภพบ่นปวดประสาท กลับมาจิบกาแฟพร้อมกับเช็กหน้าตัวเองจากกล้องที่เปิดค้างไว้ เขาไม่ได้มองหน้าตัวเอง แต่ภาพฉายย้อนกลับไปถึงใบหน้าเปื้อนน้ำตาของแม่ค้าสาวที่เขาเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ติณณภพกลับจากเมืองนอกหลายเดือน แต่เขาไม่ยอมทำการทำงาน เสเพล ตระเวนเที่ยวกับเจตนิพัทธ์ไปเรื่อย พ่อแม่ตามบ่นจนเหนื่อย พูดปากเปียกปากแฉะเขาก็ไม่เป็นผู้เป็นคนเสียที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD