ม่านมุกเดินอย่างเหม่อลอยกลับมาหาเด่นคุณที่อุ้มลูกของเธออยู่ หญิงสาวเช็ดคราบน้ำตาออกมาหมดแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังเห็นแววตาแดงก่ำของเธอ
“เกิดไรขึ้นครับ” เด่นคุณเห็นอย่างนั้นก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ม่านมุกค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาที่ปลายจมูก
“ฉันขอตัวนะคะ” เธอไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ โน้มตัวอุ้มบุตรสาวขึ้นมาในอ้อมแขน
“ม่านมุก...”
“ขอตัวนะคะ” ว่าแล้วก็อุ้มลูกเดินจากไปในทันที ใบหน้าของเธอนั้นทำให้เด่นคุณรู้สึกผิด ชายหนุ่มเดินลิ่ว ๆ กลับเข้าไปในงาน มองเห็นเพื่อนชายที่กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอยู่ เขายื่นมือไปกระชากไหล่ของอีกฝ่ายทันที
พรึ่บ!
“มึงคุยไรกับมุก” เอ่ยถามเสียงเข้ม ใบหน้าของม่านมุกทำให้เขารู้สึกผิด โมโหที่เพื่อนชายเอาแต่ต่อว่าเธอ ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่มีอะไร
“คุยอะไรกันล่ะ ผัวเมียกันมันก็ต้องมีเรื่องคุยอยู่แล้ว” เอ่ยเสียงเข้ม เมฆคินทร์เคยสงสัยในตัวเด่นคุณ เพียงแต่อีกฝ่ายไม่เคยเอ่ยมันออกมา วันนี้มันชัดเจนแล้ว
“แล้วคุยอะไรทำไมม่านมุกถึงตาแดงแบบนั้น” ท่าทีโมโหของคนเป็นเพื่อนทำให้เมฆคินทร์หงุดหงิด
“แล้วมันทำไมวะ!” เอ่ยพูดเสียงดัง แขกที่อยู่ใกล้นั้นหันมามอง เมฆคินทร์เห็นอย่างนั้นก็กลืนน้ำลายลงคอ หันไปค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายเป็นการขอโทษ ก่อนจะหันมาคุยกับคนเป็นเพื่อนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“แล้วมันทำไมวะ ม่านมุกเป็นเมียกู”
“ใช่ เพราะอย่างนั้นมึงก็ต้องให้เกียรติเธอบ้าง” ไม่รู้หรอกว่าคนเป็นเพื่อนพูดอะไร ทว่าเขาเดาว่าต้องเป็นคำพูดที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี เสียใจแต่ก็ต้องก้มหน้ายอมรับ
“หึ มึงดูเป็นห่วงเธอนะ”
“_”
“รอให้กูหย่าก่อนสิ มึงค่อยรับต่อ” ถ้อยคำของคนเป็นเพื่อนทำให้เด่นคุณโกรธจัด เขาบันดาลโทสะยกกำปั้นขึ้นเตรียมจะง้างหมัดใส่คนเป็นเพื่อน ทว่า
“เฮ้ย...คุยอะไรกัน หน้าเครียดเชียว” ธนภพกลับเข้ามาแทรกกลางเสียก่อน ทั้งสองจึงได้แค่ส่งสายตาฟาดฟันกัน
“เปล่า” เมฆคินทร์เอ่ยสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ อาการร้อน ๆ แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลย เด่นคุณแอบชอบม่านมุกอย่างนั้นเหรอ เขาพอมองออกแต่ไม่เคยมีครั้งไหนชัดถึงขนาดนี้
“เออ ดีละ...กูเห็นพวกมึงสองคนคุยกัน มองกันอย่างกับจะกระโดดใส่กัน ฮ่า ๆ” ธนภพว่าพร้อมกับหัวเราะร่า เขากำลังเมาได้ที่ “แต่พวกมึงไม่ได้ทะเลาะกันหรอกใช่ไหม”
“เปล่า” เมฆคินทร์ตอบเสียงเรียบ แต่ก็ไม่ได้มองหน้าเด่นคุณ ก่อนที่เขาจะมองเห็นเลขาฯ ส่วนตัวของคุณปู่ที่กำลังเดินมาหาเขา
“คุณเมฆครับ คุณม่านมุกกลับแล้วนะครับ เธอฝากผมมาบอก” คิ้วหนาของเมฆคินทร์ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาแค่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ คิดวุ่นกับตัวเองในหัว อาการหัวร้อน โมโหเมื่อครู่นี้รุนแรงมาก เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร...
วันต่อมา...
เพราะความอ่อนเพลียทำให้เมื่อคืนผล็อยหลับไม่รู้ว่าคนเป็นสามีกลับมาหรือยัง พอตื่นมาก็แอบเปิดประตูห้องเขาทันที พอเห็นร่างหนานอนหลับอยู่ก็รู้สึกโล่งอก
“เฮ้อ...” เขาใจร้ายขนาดนี้ก็ยังเป็นห่วงเขา ม่านมุกพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่เธอจะงับบานประตูของเขาไว้ดังเดิม เดินกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อจะได้ปลุกลูก อาบน้ำแต่งตัวไปเรียน
“ปุยเมฆจ๊ะ ตื่นได้แล้วจ้ะ” กระซิบเบา ๆ ที่ข้างใบหู ก่อนที่ลูกสาวจะงัวเงียตื่น เปลือกตาเล็กของคนเป็นลูกกะพริบถี่ ๆ ใบหน้ากลม ๆ นี้ยิ้มให้กับคนเป็นแม่ แค่นี้ม่านมุกก็รู้สึกดีมากแล้ว ขอแค่ลูกได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเช่นนี้
“เตรียมตัวไปโรงเรียนได้แล้วจ้ะ” ลูกสาวไม่งอแงเลย ปุยเมฆชอบไปโรงเรียน แม้นจะมีบ้างที่ก่อนจะไปนั้นงอแงเพราะติดแม่ แต่พอไปถึงโรงเรียนก็ลืมคนเป็นแม่ ติดเพื่อนเสียอย่างนั้น
...ม่านมุกจัดการกิจวัตรประจำวันโดยที่ไม่ได้ดูทีวี หรือเล่นโทรศัพท์ก็เลยไม่รู้ว่ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับเธอ และงานเลี้ยงเมื่อคืนบ้าง สาวเจ้ามาส่งลูกที่โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนที่ค่าเทอมแพงที่สุดในประเทศ ทว่า
“จริงเหรอเนี่ย สรุปแล้วเขาไม่ได้แต่งงานเพราะความรักเหรอ” เสียงซุบซิบนินทาก็ดังขึ้น ม่านมุกตัวแข็งทื่อ รับรู้ว่าคนกำลังนินทาเธอ สาวเจ้ารีบส่งลูกกับคุณครูแล้วรีบกลับ แต่ก็ไม่วาย
“นั่นสิ ฉันก็ว่า ใครเขาจะเอาคนรับใช้ทำเมีย” เสียงซุบซิบนี้ก็ดังไม่หยุด ทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนที่งานเลี้ยง นักข่าวถามอะไรบ้าง
“ที่แท้ ก็พลาดทำท้องแล้วถูกคุณกษิดิศบังคับแต่งงานนี่เอง”
“ถ้าอย่างนั้นข่าวลือที่ว่า ถ้าคุณกษิดิศตาย เขาจะหย่าก็จริงน่ะสิ”
“อุ๊ย! เบา ๆ หน่อยค่ะคุณพี่ เหมือนเธอจะได้ยินนะคะ” ไม่ทันแล้วแหละ ม่านมุกคิดในใจ ก่อนที่เธอจะก้าวขาขึ้นรถ suv คันหรู เธอรีบเปิดโทรศัพท์ดูในทันที
...ข่าวของเธอกับเมฆคินทร์นั้นดังกว่าข่าวที่เขาได้รับตำแหน่งเสียอีก ม่านมุกกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ เธอไม่อยากอ่านคอมเมนต์เหยียดชนชั้นเหล่านั้น เธอผิดอะไร มีคำถามมากมายวิ่งวุ่นอยู่ในหัว เพียงเพราะเป็นลูกคนใช้หรือ ถึงมีคนซุบซิบกันให้สนุกปาก ความรู้สึกของเธอพังทลาย แม้นแต่คนเป็นสามีแท้ ๆ เขายังตอกย้ำเธอเรื่องนี้...
พอกลับมาถึงบ้าน ม่านมุกก็ต้องตกใจที่คุณปู่อยู่ที่นี่ ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
“แกก็หวังให้ฉันตายไว ๆ สินะ” ฝ่าเท้าบางชะงักเมื่อได้ยินเสียงของคุณปู่กษิดิศ ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย ท่านกำลังทะเลาะกับเมฆคินทร์เพราะข่าวเมื่อคืนแน่ ๆ
“ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นครับ ผมไม่เคยคิดอยากให้ปู่ตายไว ๆ” ถึงจะไม่พอใจที่ปู่บังคับให้แต่งงาน แต่เขาก็ไม่เคยแช่งให้ปู่จากไปไว ๆ ท่านเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของเขา
“หึ แล้วข่าวนั่นออกมาได้ยังไง แกบอกจะหย่ากับหนูมุกหลังจากที่ฉันตายงั้นเหรอ” เมฆคินทร์กลืนน้ำลายลงคอ ชายหนุ่มยอมรับว่าเป็นคนพูดเองจริง ๆ ไม่รู้ว่ามันหลุดไปถึงหูนักข่าวได้อย่างไร
“_”
“ทำไมไม่พูด แกจะหย่าเหรอถ้าฉันตาย” กษิดิศเอ่ยถามหลานชายด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น ก่อนที่เมฆคินทร์จะตอบกลับ
“ครับ ผมอยากหย่ากับเธอ...” โดยที่ไม่รู้ว่าม่านมุกนั้นได้ยินทั้งหมดทุกคำพูดของเขา
ร่างบางเซถลาถอยหลัง แต่ก็ไม่ได้ล้มลง รู้ทั้งรู้ว่าเขาอยากจะหย่า แต่พอได้ยินเต็มสองรูหูมันก็จุกอกไม่น้อย
“ไม่มีทางซะหรอก ถึงฉันจะตายไป ฉันก็จะยกมรดกให้หนูมุก”
“คุณปู่!!” เมฆคินทร์ร้องดังลั่น เขาตกใจที่ท่านคิดยกมรดกให้กับคนที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเอง “ปู่ไม่ทำอย่างนั้นหรอก อย่าขู่ผมเสียให้ยาก”
“ถ้าอย่างนั้นแกก็ลองดู” เอ่ยเสียงเข้ม ไม่ได้อยากทำอย่างนี้หรอก แต่เขาต้องการให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันไปจนตาย แต่แล้ว
“คุณปู่...” ม่านมุกที่แอบฟังอยู่นานนั้นเอ่ยพูดขึ้น เธอค่อย ๆ เดินมาหาคนทั้งสอง ทำให้ทั้งคู่ตกใจ เพราะไม่คิดว่าม่านมุกจะมาได้ยิน “คุณปู่ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
“_” เมฆคินทร์ได้ยินอย่างนี้ก็เริ่มฉุนขึ้นมาหนักกว่าเดิม เธอทำอย่างกับว่าไม่อยากได้มรดกที่คุณปู่จะมอบให้ ทั้ง ๆ ที่ทรัพย์สินเหล่านี้คนทั้งโลกต่างอยากได้กันทั้งนั้น “เธอไม่ต้องพูดให้ตัวเองดูดี ถ้าเธอไม่อยากได้ ก็ไม่น่ามายุ่งกับฉันตั้งแต่แรก”
“_” อีกแล้ว อีกแล้วที่เขาขุดเรื่องเก่าขึ้นมาพูด ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้เป็นคนทำอย่างที่เขากล่าวหา
“เพราะเธอคนเดียว ชีวิตฉันถึงได้เฮงซวยแบบนี้!!” ตะคอกเสียงออกมาดังลั่น ก่อนจะเดินหนีออกจากบ้านด้วยความหัวเสียสุดขีด...
ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้น...ชีวิตของเขาก็ไม่เป็นเช่นนี้