ตอนที่ 7 ล้วงคองูเห่า 2

2110 Words
ทางด้านเจ้าชายฮาคิม “อะไรนะ! ลีย่าหายไป!”สุระเสียงรับสั่งออกมาด้วยความตกพระทัยครั้นได้ยินหน่วยอารักขาถวายรายงาน เจ้าชายหนุ่มรูปงาม ทรงรีบวางปากกาที่กำลังจรดลง บนกระดาษเพื่อลงพระนามในหนังสือข้อราชการไปโดยพลัน พระวรกายสูงสง่าลุกยืนจากพระเก้าอี้ทรงงานพร้อมทรงมีรับสั่งถาม “หน่วยอารักขาที่เราส่งไปเฝ้าคอยดูแลความปลอดภัยมัวไปทำอะไรกันอยู่ เหตุใดจึงทำให้เจ้าสาวของเราหายตัวไป เธอหายไปได้อย่างไง!”ประโยคสุดท้ายรับสั่งตวาดเสียงดังกระหึ่มจนได้ยินออกไปถึงนอกพระตำหนัก รับสั่งตวาดเล่นเอาหน่วยอารักขาที่ถูกส่งไปติดตามว่าที่เจ้าสาวถึงกับหน้าซีดตัวสั่นกันไปหมด “ว่าอย่างไง! หูแตกกันไปหมดแล้วอย่างนั้นรึ จึงไม่มีใครตอบคำถามของเรา ลีย่าของเราหายไปได้อย่างไง!” สุระเสียงตวาดดังกึกก้องจนข้าราชบริพารฝ่ายในได้ยินกันจนทั่ว “กราบทูลเจ้าชาย ตอนนี้หน่วยอารักขากระจายกำลังออกค้นหาไปทั่วทุกพื้นที่ ทั้งน่านฟ้าและน่านน้ำไปจนถึงทะเลทราย อีกไม่เกิน 24 ชั่วโมง ได้เบาะแสของคุณลีย่าแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”หัวหน้าหน่วยอารักขากล่าวถวายรายงาน ทันใดนั้นเอง ฉาด!!!! ฝ่าพระหัตถ์หนากระหน่ำลงบนใบหน้าหัวหน้าหน่วยอารักขาเต็มแรงพร้อมสุระเสียงดังก้อง “เราถามว่าแคทลียาหายตัวไปได้อย่างไง! แต่กลับตอบไม่ตรงคำถาม! ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงแค่คนเดียว เพื่อนหรือแม้กระทั่งญาติพี่น้องก็ไม่มีพะรุงพะรังให้ได้วุ่นวาย แต่นี่อะไรกลับดูแลผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวไม่ได้ มันสมควรแล้วหรอกรึที่จะเอาหน้ากลับมารายงาน เธอหายไปได้อย่างไง!” รับสั่งถามสุระเสียงเข้ม พระเนตรกลมโตภายใต้ขนตางอนยาวเป็นแพจ้องใบหน้าหน่วยอารักขาของพระองค์ด้วยสายพระเนตรเย็นยะเยียบ หน่วยอารักขาต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอไปตามๆ กัน พร้อมกับเสียงของคนเป็นหัวหน้ากล่าวถวายรายงานอย่างรวดเร็ว “กราบทูลเจ้าชาย วันนี้คุณลีย่าเดินทางไปยังอ่าวดูไบ มารีน่า เพื่อชิมอาหารตามคำเชื้อเชิญของกลุ่มบริษัทเจ้าของเรือเดินสำราญที่มีชื่อว่า ควีน อารีน่า หน่วยอารักขาติดตามคุณลีย่าทุกฝีก้าว ไม่เว้นแม้กระทั่งเธอเข้าห้องน้ำ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของเรือ หน่วยอารักขาเฝ้าตามติดไม่คลาดสายตา” คิวเข้มได้รูปสวยขมวดเข้าหากันทันใดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เฝ้าทุกฝีก้าวขนาดนั้น แล้วเธอจะหายไปได้อย่างไง”สายพระเนตรของเจ้าชายหนุ่มแข็งกร้าวขึ้นมาทันที เมื่อทรงมีความรู้สึกว่า ว่าที่เจ้าสาวของพระองค์กำลังถูกใครบางคนพรากไป พร้อมกับเสียงของหัวหน้าหน่วยอารักขาเอ่ยแทรกดังขึ้น “แต่มีอยู่ช่วงเดียวเท่านั้น ที่ทีมอารักขาต้องอยู่ห่างจากคุณลีย่า นั่นก็คือตอนที่เธอกำลังถ่ายทำการชิมรสชาติของอาหารต่างๆ ซึ่งหน่วยอารักขาจำเป็นต้องออกมานอกห้องเพื่อให้การบันทึกภาพเป็นไปอย่างสะดวก และคุณลีย่าขอร้องพื้นที่ความเป็นส่วนตัว หนว่ยอารักขาจึงต้องจำใจทำตามคำสั่งของเธอ และพอบันทึกภาพเสร็จก็ทราบว่ากำลังเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้อง จุดนี้เองพ่ะย่ะค่ะที่หน่วยอารักขาไม่เห็นคุณลีย่านับตั้งแต่ตอนนั้น ” เจ้าชายหนุ่มรูปงามนิ่งฟังหัวหน้าหน่วยอารักขารายงานเหตุการณ์ดังกล่าว พระขนงเข้มที่ขมวดเข้าหากันอยู่ก่อนหน้านี้แล้วเป็นอันต้องขมวดมุ่นเข้าหากันมากกว่าเดิม “ลีย่าเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนั้น แล้วมันทะลุออกไปทางอื่นได้อย่างนั้นรึ”พระองค์รับสั่งถามด้วยความสงสัยยิ่งยวด “มีประตูเปิดทะลุเป็นห้องนอนอีกฟากหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ แต่ก็ค้นหากันแล้วจากห้องนอนไม่มีห้องหรือประตูอื่นใดที่จะทะลุออกไปได้อีก ซึ่งจุดนี้เองก็ยังพากันสงสัยไม่หาย ว่าจะมีประตูทางออกอื่นใดอีกหรือไม่”หัวหน่วยอารักขากล่าวรายงาน “เป็นไปไม่ได้ที่ลีย่าจะล่องหนหายไปเด็ดขาด เธอไม่มีทางหนีงานแต่งงานของเราไปอย่างแน่นอน มันต้องมีคนพาเธอไปและจะต้องล่วงรู้หนทางเข้าออกของเรือควีนอารีน่าเป็นอย่างดี เรือลำนี้เป็นของนักธุรกิจชาวสหรัฐ มันจะต้องมีอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน”พระองค์รับสั่งพร้อมใช้ความคิด “ไปสืบหาข้อมูลมาให้เราว่าใครเป็นเจ้าของเรือลำนี้ และผู้ใดเชิญว่าที่เจ้าสาวของเราไปลิ้มลองอาหาร กระจายกำลังออกค้นหาทุกพื้นที่ เราจะต้องได้เบาะแสว่าที่เจ้าสาวภายใน 24 ชั่วโมงนี้ ทุกอย่างทำให้เงียบ! อย่าให้สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศล่วงรู้เป็นเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่”รับสั่งกำชับสุระเสียงเข้ม “พ่ะย่ะค่ะ!”หน่วยอารักขาขานรับคำสั่งกันอย่างแข็งขัน พร้อมค่อยๆ ล่าถอยออกจากห้องทรงงาน แยกย้ายไปทำตามหน้าที่ของตนอย่างมิรอช้า พระวรกายงามสง่าค่อยๆ ดำเนินตรงไประเบียงของห้องทรงพระอักษร พระเนตรทอดยาวออกไปด้านนอกของพระราชวังที่พระองค์ทรงประทับอยู่ในขณะนี้ พระเนตรสีนิลกลมโตบ่งบอกได้ว่า ในยามนี้ทรงเป็นห่วงว่าที่เจ้าสาวยิ่งนัก ทรงพระหทัยหายจนกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก “หายไปไหนลีย่าของพี่ เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีการแต่งงานของเรา แม้ว่าสัญญาที่ทำเอาไว้นั้นจะผูกมัดเราเพียงแค่ชั่วคราวแต่รู้หรือไม่ว่าพี่ตั้งใจให้ผูกมัดเจ้าไว้ตราบจนชั่วชีวิต หากแม้นว่ายังเคลือบแคลงสงสัยในตัวพี่ว่ารักหรือไม่ ขอจงรู้ไว้เถิดว่าทุกสิ่งที่เคยผ่านมาเจ้าชายฮาคิมคนนี้ยอมทิ้งทั้งหมดก็เพื่อเธอคนเดียว พี่รักเธอลีย่า” พระองค์รำพึงถึงโฉมงามซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจ และไม่คาดคิดเลยว่าชาตินี้จะรักผู้หญิงเป็น พร้อมกับภาพเหตุการณ์เมื่อหกเดือนก่อน เริ่มผุดพรายขึ้นในความทรงจำของเจ้าชายหนุ่มรูปงาม เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงได้พบกับหญิงสาวชาวไทยเป็นครั้งแรก เหตุการณ์เมื่อ 6 เดือนก่อน ณ .ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่างสูงสง่าในชุดสูทสากลสูงค่า ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทเพื่อปิดบังแสงแดดอันร้อนแรง เจ้าชายหนุ่มรูปงามเสด็จจากนครวาฮิรัมเพื่อเข้าร่วมการประชุมระหว่างประเทศ ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ในงานนี้มีตัวแทนระดับประเทศมากมายเข้าร่วมประชุมกันอย่างคับคั่ง ทั้งโซนยุโรป โซนเอเซียอเมริกาใต้และกลุ่มตะวันออกกลาง พระวรกายสูงใหญ่และงามสง่าโดดเด่น ประกอบกับพระพักตร์ที่หล่อเหลาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวอาหรับ ทำให้พระองค์ไม่ว่าเสด็จไปแห่งหนใดจึงตกเป็นเป้าสายตาแก่บุคคลทั่วไปโดยเฉพาะอิสตรี และทรงมีแฟนคลับโดยเฉพาะสตรีเพศอยู่ทั่วทุกมุมโลกเพราะความเนื้อหอมของพระองค์ พระบาทก้าวยาวๆ รีบเสด็จออกจากห้องประชุม ด้วยมีบุรุษหนึ่งหาใช่อิสตรีแต่อย่างใดตามติดพระองค์แทบทุกฝีก้าวประหนึ่งผีตามหลอกหลอน พระหัตถ์รีบกดโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็ว “หน่วยอารักขาหารถยนต์ส่วนตัวให้เราด่วน! เราจะไม่เดินทางไปกับขบวนรถจะแยกไปคนเดียวเพียงลำพัง”พระองค์มีรับสั่งกับปลายสาย “จะมิเป็นการดีกับพระองค์อย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย เสด็จไปเพียงลำพังอันตรายเป็นแน่แท้ อย่างน้อยก็ต้องมีทหารองครักษ์ติดตามไม่ต่ำกว่าสองนาย เพื่อเฝ้าคอยติดตามเสด็จไปทุกสถานที่”หน่วยอารักขากล่าวย้อนแย้งกลับมา “นี่คือคำสั่ง! รีบจัดรถมาหนึ่ง คัน เราต้องการด่วนเดี๋ยวนี้ ! ส่วนพวกคุณหาใครก็ได้ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเราให้เข้าไปนั่งอยู่ในขบวนรถ หลอกล่อกลุ่มคนที่ติดตามเราไปอีกทาง ส่วนเราจะกลับไปยังที่พักเองไม่ต้องเป็นห่วง ทำอย่างไงก็ได้ไม่ให้บรรดากลุ่มคนและพวกปาปารัชชี่คอยติดตาม” สิ้นเสียงรับสั่งพระองค์กดตัดปลายสายทันทีพลางส่งสัญญาณให้องครักษ์หลอกล่อคนที่กำลังติดตามพระองค์อย่างไม่ลดละพร้อมปลดกระดุมเสื้อสูทจนเหลือแต่เสื้อเชิ้ตตัวในพลางยื่นส่งให้กับองครักษ์ผู้ติดตาม “เราจะไปทางนี้เพื่อรีบขับรถออกไปทางด้านประตูหลัง พวกคุณล่อคนที่ตามมาให้ไปทางประตูหน้า”รับสั่งพร้อมเสด็จก้าวยาวๆ ไปทางประตูหลังโดยมิรั้งรอแต่อย่างใด ทว่าครั้นเมื่อพระองค์เสด็จมาถึงประตูหลังกาลกลับไม่เป็นดั่งเช่นที่คาดคิดเอาไว้ บรรดาปาปารัชชี่และแฟนคลับซึ่งเป็นสุภาพสตรีกำลังพากันจับกลุ่มอยู่ประมาณ 30 กว่าคน ต่างพากันอออยู่ทางประตูหลัง ซ้ำร้ายยังยืนอยู่บริเวณหน้ารถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ เนื่องจากจำได้ว่ามีตราสัญลักษณ์ประจำของพระองค์ติดอยู่บริเวณด้านหน้ารถด้วย “ปัดโธ่! แทนที่จะเอารถคันไหนมาให้ก็ได้ ดันเอารถที่มีตราประจำตัวมา แบบนี้จะเลี่ยงทำเพื่อ...” รับสั่งพระสุระเสียงหงุดหงิด พระบาทรีบก้าวยาวๆ เพื่อให้ออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว หากแต่กลุ่มปาปารัชชี่และบรรดาแฟนคลับของพระองค์ก็ช่างตาไวเหมือนตาสัปปะรดเสียนี่กระไร เมื่อบังเอิญเหลือบสายตาไปเห็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามเสด็จเดินเลี่ยงไปอีกทิศทางตรงกันข้าม “พวกเราพระองค์อยู่ทางนั้น!”เสียงตะโกนบอกเหล่าพ้องเพื่อนให้ล่วงรู้พร้อมรีบวิ่งติดตามเจ้าชายซึ่งเป็นขวัญใจของพวกตนไปอย่างกระชั้นชิด “เจ้าชาย!เจ้าชายเพคะ! รอพวกเราด้วย...รอด้วย”บรรดาแฟนคลับต่างตะโกนร้องเรียกพระองค์ พระเศียรส่ายไปมาด้วยเริ่มไม่ค่อยจะสบพระอารมณ์เมื่อเสด็จไปแห่งหนใดมีแต่ผู้คนติดตาม “ปัดโธ่! ชักจะไม่ไหวแล้ว”สุระเสียงรับสั่งไม่พอพระทัย เจ้าชายหนุ่มทรงกึ่งพระดำเนินกึ่งวิ่งไปยังที่มีป้ายบอกว่าเป็นทางออก จนกระทั่งผ่านจุดจอดรถซึ่งเป็นลานจอดบรรดารถ 4 สูบ ประเภทรถบิ๊กไบท์ รถฮาเลย์ หลายรุ่นหลายยี่ห้อมากมาย พระเนตรสีดำเหลือบทอดพระเนตร รถ 4 สูบ ซึ่งคนขับกำลังสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่ในขณะนี้ พระบาทไวกว่าความคิด พระองค์รีบเสด็จตรงเข้าไปหาเจ้าของรถคันดังกล่าวอย่างไม่รอช้า “คุณครับผมมีเรื่องรบกวนขอความช่วยเหลือ ขอติดรถออกไปจากที่นี่จะได้ไหม จะคิดค่าโดยสารเท่าไรเรียกมาได้เลยผมจ่ายให้ไม่อั้น ช่วยผมให้ออกไปจากที่นี่ทีเถอะ”รับสั่งพร้อมมองหน้าคนขับซึ่งสวมหมวกกันน็อกสีดำสนิทราคาแพง ดวงตาสีนิลมองผ่านลอดหน้ากากหมวกกันน็อกของตนด้วยความงงงวย ก่อนจะเหลือบไปเห็นกลุ่มคนที่วิ่งมาเป็นขบวนใหญ่ บางคนในมือมีช่อดอกไม้ ของขวัญ กล้องถ่ายรูปและอื่นๆ อีกมากมาย “ออ...สงสัยจะเป็นคนดังมีบรรดาเอฟซีติดตาม หึหึหึหึ”คนขับรำพึงอยู่ภายในใจ ครั้นเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น เป้ที่สะพายอยู่ถูกดึงออกมาจากทางด้านหลังพร้อมหมวกกันน็อกและเสื้อแจ๊คเก๊ตสีดำสนิทเข้าชุด ถูกนำออกมาจากกระเป๋าเป้ทันใด “สวมซะ!”คำกล่าวเพียงสั้นๆ แต่กลับมีไมตรีจิตชั้นยอดเมื่อหมวกและเสื้อถูกยื่นส่งมาให้กับเจ้าชายหนุ่มรูปงาม พระหัตถ์รีบรับของตรงหน้าพระพักตร์ด้วยความยินดี “ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ”รับสั่งขอบคุณก่อนจะทอดพระเนตรเจ้าของรถ 4 สูบเอ่ยตอบกลับมา “ขึ้นรถ!”คำกล่าวที่ทั้งห้วนและสั้นพร้อมเสียงสตาร์ทรถดังกระหึ่มขึ้นมาโดยพลัน พระองค์รีบสวมแจ๊กเก๊ตและหมวกกันน็อกอย่างรวดเร็ว พลางกระโดดคร่อมรถซ้อนท้ายคนขับ พระหัตถ์ตรงเข้ากอดเอวของคนขับเอาไว้อย่างมิได้คิดอะไร ในขณะที่เจ้าของร่างดังกล่าวหันกลับไปมองพระองค์ทันทีเมื่อทรงสอดพระหัตถ์กอดเอวของตนเช่นนั้น ก่อนจะเคลื่อนตัวรถออกจากลานจอดสู่ถนนโล่งซึ่งสามารถใช้ความเร็วได้อย่างเต็มพิกัด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD