กฏของการจีบไปหาก่อนมิใช่เรื่องผิด

2187 Words
เมื่อคืนนี้หลังจากที่เฉินฉือพรวดพราดออกไปแม้นางจะอยากตามเขาไปมากแต่นางก็ไม่กล้าที่จะเดินออกไปคนเดียวในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ นางจึงใช้เวลาทั้งคืนในการเปิดกรุในสมองของตัวเองถึงหนังสือต่างๆ ที่ตัวเองเคยได้อ่านมาจากในโลกก่อน เทคนิคจีบผู้ชายแบบเนียนๆ เทคนิคง่ายๆ ที่งานนี้จะไม่มีนกและไม่น่าเกลียด เปาะ! นางดีดนิ้วพลางนึกถึงเนื้อหาภายในนั้น ข้อแรกคือ ยิงมุขตลก อ่าฮะข้อนี้นางผ่านนะ นึกถึงตอนหยอดเฉินฉือแล้วพ่อหนุ่มรูปงามมีท่าทีเขินอายก็ถึงกับหัวเรอะในลำคอ ข้อที่สอง ข้อทีสองเป็นตัวของตัวเอง อื้มๆ เห็นด้วยอย่างยิ่ง ข้อนี้ก็ไม่น่ายก ข้อที่สาม ทักแชตไปก่อนไม่ใช่เรื่องผิด แน่นอน นางคงต้องเปลี่ยนจากทักแชตเป็นนางต้องไปโผล่หน้าให้เขาเห็นบ่อยๆ แทนสินะ ข้ออื่นๆ นั้นนางคิดว่าทำได้ไม่ยากเย็น การจีบผู้ชายนี่มันช่างง่ายดายจริงๆ อิอิ เมื่อวางแผนมาทั้งคืนตอนเช้าตรู่นี้นางรีบจัดแจงตัวเองทันทีเพื่อที่จะไปหาเฉินฉือของนาง นางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สาวใช้นางหนึ่งนำมาให้ ชุดนี้ไม่เหมือนกับชุดเมื่อคืนแล้วกลับเป็นชุดของพรรคมารสีดำของผู้หญิงนั้นคอเสื้อจะแหวกลงมาเล็กน้อยและชุดรัดกระชับต่างจากของบุรุษที่มีเสื้อนอกทับอีกชั้นและหนากว่า แต่ไม่รู้ว่าเพราะหน้าอกเธอมันใหญ่เกินไปหรือชุดมันเล็กกันแน่เพราะชุดของเธอตอนนี้มันรัดเสียจนดันหน้าอกตูมของเธอจนเนินอกขาวผ่องโผล่พ้นสาปเสื้ออกมา เหม่ยฮวาเดาะลิ้น ก่อนจะเลิกใส่ใจกับมันพร้อมกับวิ่งออกไปจากห้องเพื่อไปหาเฉินฉือของนางทันที ผัวข๋าข้ามาแล้ว! นางเดินตรงมาตามทางไม่นานก็พบกับถังช่ายที่รออยู่ก่อนแล้ว นางเดินไปหาเขาทันที “ถังช่าย ท่านประมุขอยู่ที่ใดหรือ” “อยู่ที่ห้องทรงงานขอรับ” เจอหน้าเขาทีไรก็เป็นคำถามนี้ทุกทีตั้งแต่นางมาถึงที่นี่ไม่มีวันไหนเลยที่เจอหน้าเขาแล้วจะไม่ถามถึงท่านประมุข ถังช่ายนึกคับแค้นในใจนางคงจะจำไม่ได้แล้วกระมังว่าเป็นเขาที่พานางไปหาท่านประมุขคืนนั้น เขาเกือบชีวิตจะหาไม่เมื่อส่งนางเสร็จเขาจึงรีบหายตัวไปจากตรงนั้นทันที ไม่อยากรับรู้สิ่งใดทั้งนั้น “พาข้าไปทีสิ” “ท่านจะก่อเรื่องใดอีกขอรับ” “ข้าจะไปหาผัวในอนาคตของข้า เร็วเข้าข้าต้องรีบไปทำคะแนน!” เหม่ยฮวาไม่รอฟังคำตอบแต่รีบดันร่างสูงไปด้านหน้าเพื่อให้เขาเดินพานางไปเสียที นั่น เอาอีกแล้วหรือ นางคิดจะทำสิ่งใดอีก นางจะพาเขาทำเรื่องเดือดร้อนใดอีก! เสียงถังช่ายเห่อร้องตะโกนก้องในใจ แต่ก็จำใจยอมเดินนำหน้าเหม่ยฮวามา เดินไปไม่ไกลมากนักก็ถึงที่ทรงงานที่ติดกับสวนของวัง ทำให้ลมที่พัดผ่านกลิ่นหอมของดอกไม้มาถึงภายใน เมื่อนางเดินมาถึงก็เจอกับร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร ผมที่เคยถูกปล่อยสยายถูกมัดรวบไว้ครึ่งหัวอยากลวกๆ ใต้ตาดำคล้ำเล็กน้อยเหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ เอะ เขานอนในห้องนี้แทนหรือ “เฉินฉือออออออออออ” นางตะโกนเรียกคนตัวโตเสียงใส แต่ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นอีกบุคคลหนึ่งที่เป็นส่วนเกิน สำหรับนางอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย “คุณหนูเหม่ยฮวา” ฮุ่ยหลิงที่กำลังฝนหมึกอยู่นั้นหยุดในสิ่งทีตกเองทำก่อนลุกขึ้นพลางค้อมทักทายนาง จิ๊ ก้างขวางคอเสียจริง ทำตัวไม่เหมือนเป็นคนที่ถูกลักพาตัวมาเลยนะยะหล่อน เหม่ยฮวาเพียงพยักหน้าให้เล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะเลิกสนใจนางและเดินไปหาเฉินฉือพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง “ห้ามเรียกข้าเฉินฉือ เรียกข้าว่าท่านประมุข” “เจ้าค่ะข้าจะเรียกท่านว่า ที่รัก แล้วกันนะเจ้าคะ” แค้ก แค้ก ทหารด้านนอกรวมถึงถังช่ายถึงกับสำลักทันทีที่นางเอ่ยจบ พลางเสหน้าไปมองท่านประมุขของตนนั้นที่น่าจะอึ้งยิ่งกว่า โพละ นางพูดพร้อมเองเสร็จสรรพพลางนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับฮุ่ยหลิงแล้วเท้าคางช้อนตามองคนตรงหน้าที่เผลอทำพู่กันหักคามือ เหม่ยฮวาเที่เห็นก็ยิ้มจนตาหยี๋พร้อมกับหัวเรอคิกคักกับท่าทีเสียอาการของเขา “คิกคิก ใยท่านจึงหน้าแดงเยี่ยงนี้ พักก่อนหรือไม่เจ้าคะ” นางพูดเสียงออดอ้อนพร้อมกับยื่นมือมาสับเหงือที่หน้าเขาอย่างแผ่วเบา “ไม่เป็นไร” “ที่นอนของท่านนุ่มมากทำให้ข้าหลับสบายตัวยิ่งนัก เช้านี้ข้าเลยมาปรนนิบัติท่านช้าต้องขออภัย” เฉินฉือพูดพลางดึงมือของนางออกแต่มีหรือนางจะยอมนางเอื้อมมืออีกข้างมากุมมือเขาไว้ทันทีพร้อมกับดึงมือเขามาแนบกับแก้มนุ่มนิ่มของตัวเอง พลางเอาหน้าถูไถมือหยาบนั่นไปมา พร้อมกับพูดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแต่สายตาก็แอบหรี่ตามองหญิงสาวหน้าตาแบ๊วเฉิ่มเฉยตรงข้ามที่นิ่งเงียบแต่กลับส่งสายตาเฉือดเชือนใส่ชั่วแวบเดียวเท่านั้นก็ปรับสีหน้ากลับดังเดิม นั่นแม่นางเอกของเราทำไมทำหน้าตาแบบนั้นละ คิดจะมาแย่งผู้กับน้ำหวานหรอเร็วไปอีกสิบชาติย้ะ! “ม เมื่อคืนนี้หรือ” ฮุ่ยหลิงถอดสีหน้าพร้อมกล่าวเสียงสั่น ดวงตาสั่นไหวพลางจ้องมองสตรีเย้ายวนตรงข้ามนาง “อุ้ย ท่านประมุขท่านมิได้บอกนางหรือ ว่า เมื่อคืน ท่านบอกให้ข้าอยู่ข้างกายท่านคอยปรนนิบัติท่านให้ดี” “อืมม เป็นเช่นนั้น” เหม่ยฮวาเน้นคำว่า เมื่อคืน ทั้งยังส่งสายตารักใคร่ไปทางเฉินฉือ หน้านุ่มนิ่มก็ยังคงถูกับมือหนาของเขาอย่างเอาใจ ชายหนุ่มนิ่งงันไปราวกับถูกสะกดขณะเขาจ้องมองหน้างดงามของนางยามที่นางถามเขานั้นเขาก็ทำได้เพียงพูดไปตามแต่ที่นางต้องการราวกับโดนต้องมนต์ เหม่ยฮวาเม้มปากแน่นในใจพลางตื่นเต้นที่เขายอมพูดตามที่นางคิด นางจึงพูดต่อไปทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณหนูฮุ่ยหลิงคงมิต้องลำบากแล้วกระมัง ส่งมันมาให้ข้าเถิด” นางเอ่ยพร้อมปล่อยมือออกจากมือหนา เอื้อมมือข้างหนึ่งดึงที่ฝนหมึกจากมือของฮุ่ยหลิงออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตรให้แบบสุดๆ ฮุ่ยหลิงยื้อไว้เล็กน้อย ทำให้เหมิยฮวาเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย มันจึงทำให้ฮุ่ยหลิงจำต้องยอมปล่อยมือจากแท่งฝนหมึกนั่น ฮุ่ยหลิงที่ไม่อาจจะเอ่ยโวยวายให้เสียความเป็นสตรีที่ดีจึงส่งสายตาไปทางท่านปรามุข แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เหม่ยฮวาไม่ละสายตาไปแม้แต่น้อย นางเห็นดังนั้นก็เกิดกระแสหนึ่งที่ไม่พอใจกับภาพตรงหน้านัก “ท่านประมุขเรื่องที่ท่านเรียกข้ามา...” ฮุ่ยหลิงเอ่ยถามเมื่อยังเห็นท่านประมุขนั้นไม่หันมามองทางนางที่โดนยื้อแย่งสิ่งของจากมือของนางไปเป็นกริยาที่ไม่สมควรกับเป็นกุลสตรีอย่างยิ่ง เหตุใดท่านประมุขไม่ตำหนิติติงนางเลย! “เรื่องนั้น” เฉินฉือมองมือนุ่มนิ่มนั่นที่ปล่อยจากมือของเขาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะหันไปมองฮุ่ยหลิงอีกครั้งเพื่อตอบคำถามของนาง ครั้นเมื่อเห็นเฉินฉือหันมาสนใจนางก็พลันส่งยิ้มหวานไปให้ “เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” อยู่ๆ เหม่ยฮวาก็เอ่ยขึ้นมาเสียอย่างนั้นทำให้เฉินฉือต้องหันกลับไปมองนางแทนพร้อมกับตอบคำถามของนาง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุใดเขาจึงตอบนางทันทีเช่นนี้ “ใกล้ถึงเวลาของงานเทียนถานแล้ว” “งานเทียนถาน งานกระชับสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามารเผ่าสวรรค์และมนุษย์ที่จัดขึ้นปีละหนเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” “หึ เจ้าพูดถูกแล้วมิคิดว่าเจ้าจะรู้จักงานเทียนถานนี้ด้วย” เฉินฉือยิ้มพลางพูดอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าสตรีที่มุ่งมั่นแต่การประทินโฉมคอยปรนนิบัติจ้าวเซี่ยนั้นจะรู้จักงานที่เป็นงานสำคัญระหว่างเผ่าที่น้อยคนนักจะรู้เช่นนี้ด้วย ถึงแม้ฐานะของจ้าวเซี่ยและนางนั้นควรมักจะรู้เห็นอยู่บ้างแต่เขากลับไม่เคยพบเจอนางในงานสำคัญเช่นนี้สักครา คงได้ยินมาแต่เรื่องหนาหูว่านางร้ายกาจและตอแยมากเสียจนโดนจ้าวเซี่ยกักบริเวณ “เห็นข้าเยี่ยงนี้ข้าก็ได้ความนะเจ้าคะ” แน่นอนสิก็นางอ่านมาแล้วนินานางจะไม่รู้ได้อย่างไรเหม่ยฮวาทำปากยู่แก้มป่องเมื่อเขาพูดเหมือนนางเป็นสตรีไม่ได้ความ “แสนรู้นัก” เฉินฉืออมยิ้มนึกเอ็นดูกับท่าทางของนาง มือหนาลืมตัวเผลอเอื้อมมือไปสัมผัสผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มอย่างเบามือ เหม่ยฮวาชะงักกับสัมผัสอ่อนโยนของเขา นางช้อนตามองเขา เขากระแอมไอเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวเขาจึงชักมือออก นางยิ้มกรุ้มกริ่มออกมากพร้อมกับไม่ลืมปล่อยมุขจีบท่านประมุขของนางทันที “แสนรักด้วยเจ้าค่ะ” นางพูดพร้อมขยิบตาและทำมือเป็นท่ามินิฮาร์ตเล็กๆ ส่งให้เขา ปิ้วปิ้ว เอาไปซะความรักของข้า “หึ เจ้าทำท่าประหลาดอันใด” เฉินฉือหัวเรอะกับท่าทางประหลาดของนาง เขาชักจะชินกับคำพูดเกี้ยวของนางเสียแล้ว “ที่บ้านข้าเรียกว่า สัญลักษณ์แห่งความรักเจ้าค่ะ” “ข้ามิเคยเห็นมาก่อน” “ท่านลองมาดีๆ สิเจ้าคะ มันเป็นรูปหัวใจ” “หืม รูปหัวใจเป็นเช่นไรงั้นหรือ” เหม่ยฮวาหวาดรูปบนอากาศเป็นรูปหัวใจก่อนจะทำท่าเป่าฟู่ไปทางเฉินฉือ เฉินฉือมิใช่คนโง่เขานับว่าเป็นปราชญ์ผู้หนึ่งจึงเข้าใจได้ทันทีว่านางกำลังจะสื่ออะไรก็พลันหน้าแดงเสียอาการขึ้นมาอีกครั้ง ในนี้มิใช่มีเขาอยู่ผู้เดียวเสียหน่อย เหตุใดนางจึงกล้าแสดงกริยาเช่นนี้ เฉินฉือแอบมองเหล่าทหารที่มองหน้ากันกั้นร้อยยิ้มกับบรรยากาศสีชมพูในห้องทรงงานของท่านประมุข “อะ อะแฮ่ม” เสียงใสของฮุ่ยหลิงกระแอมขัดจังหวะ เหม่ยฮวาหันไปมองนางที่กลายเป็นอากาศไปหลายนาทีพร้อมมองบนอย่างแรง นางลืมไปเลยว่ามีมารผจญอยู่ตรงนี้ด้วย “ขอโทษเจ้าแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิดไว้เรื่องนั้นค่อยคุยทีหลัง” “จะ เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นฮุ่ยหลิงขอลา” ฮุ่ยหลิงลุกขึ้นก่อนค้อมเล็กน้อยแล้วถอยหลังเดินจากไป “ไปเสียได้ก็ดี” เหม่ยฮวาพูดเมื่อฮุ่ยหลิงเดินออกไปจนพ้นประตูแล้ว โปะ “โอ้ย” “เจ้าช่างก่อเรื่องเก่งเสียจริง เจ้าคงต้องปรนนิบัติข้าเยอะหน่อยแล้วกระมัง” “ท่านจะให้ข้าทำอะไรเจ้าคะ” เฉินฉือเคาะหน้าผากนางเบาๆ แต่ผิวกายของนางช่างบอบบางนักทำให้นางต้องลูบหน้าผากน้อยๆ ของตัวเองป้อยๆ “ทำความสะอาดลานกว้างและโถงสามเวลา” “ท่าน! นั่นเรียกปรนนิบัติหรือเจ้าคะ” “หึ เป็นเช่นนั้นการดูแลเรือนของข้าก็นับว่าปรนนิบัติข้าเช่นกัน” “เฉินฉือออ” “ไปได้แล้ว” เขาบอกปัดนางพลางพยักหน้าให้กับเหล่าทหารบริเวณนั้นที่ได้ยินการรับสั่งจากเขาให้นางก็พร้อมใจกันเดินเข้ามาจะพาตัวนางออกไปในทันที "เดี่ยวก่อน" แต่แล้วเฉินฉือก็ยกมือขึ้นห้ามพวกเขากลางอากาศ ก่อนจะหันขวับไปมองคนตัวเล็กด้านข้างที่กำลังทำหน้าเบะร้องไห้ ภายในใจของเหม่ยฮวานั้น คือเสียดายเวลาที่จะได้เกี้ยวเขานัก เขาเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อของนางให้ปิดตรงส่วนอกที่โผล่พ้นมา แต่มันกลับเด้งออกเพราะมันแน่นมากจนไม่อาจปกปิดหน้าอกของนางได้ เขาพ่นลมหายใจ ก่อนจะตวาดนางเสียงดังลั่นจนเหม่ยฮวาสะดุ้งตกใจ “ไปเปลี่ยนเสื้อ!” “ว้าย” เขามองค้อนนางหนึ่งทีพร้อมกับมองมาที่หน้าอกของนางอย่างโจ่งแจ้ง นางพลันหน้าตาเห่อร้อนพลางยกมือเล็กขึ้นปกปิดหน้าอกของตนที่ไม่ค่อยจะช่วยอะไรได้นั้น ก็ของนางใหญ่อะทำไงได้เล่า!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD