ชาติก่อน
คำว่าจะร่วมทุกข์ และสุขด้วยกันจนผมขาว...ย่อมไม่มีอยู่จริง เซียวหัวเฟิงกลายเป็นชายไร้สัจจะ กล่าวคำโป้ปด เพื่อเขาจะได้ครอบครองหัวใจนาง ส่วนนางทำผิดต่อทุกคน ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ มันไร้ค่าไม่มีความหมายสักนิด
“หย่า ข้าต้องการหนังสือหย่าขาดจากท่าน ใช้เลือดของท่านเขียนมันขึ้นมาเสีย และข้าจะยอมให้ท่านจากไป” เหวินซืออี้ไฉนจะคิดท้าทายเขา มันคือเรื่องที่นางไม่อยากให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ทว่าภาพต่อจากนั้น ดวงตานางเบิกค้าง เมื่อเห็นเขากัดปลายนิ้วชี้ตน แล้วเขียนข้อความลงไปด้วยเลือดสดๆ
“นับแต่นี้ ข้าเซียวหัวเฟิงกับเหวินซืออี้ ไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกัน ตราบชั่วชีวิต”
หัวใจนางแทบหยุดเต้น แต่เหวินซืออี้ก็ฝืนยิ้ม ก่อนจะหัวเราะเสี่ยงขื่น ถึงยามนั้นอยากเอ่ยรั้งเขาไว้ ทว่าเสียงของนางกลับไม่เล็ดรอดออกจากริมฝีปากซึ่งถูกกัดและมันอาบไปด้วยเลือดที่เป็นพิษ!
ตัวละครในเรื่อง
เหวินซืออี้ (คุณหนูห้า) หญิงสาวผู้ถูกคนรักทิ้งในวันมงคล
นางถูกพิษพลับพลึงเลือดม่วง กลายเป็นคนผมขาว
อัปลักษณ์
จางเหยา น้องสาวของบิดาเหวินซืออี้
หนีขึ้นเขาและศึกษาสมุนไพร ตั้งแต่อายุได้สิบหกปี
โดยไม่ข้องเกี่ยวกับผู้ใด ภายหลังก่อตั้งสำนักบุปผาแดง
ซึ่งเป็นฝ่ายธรรมะช่วยรักษาผู้คนที่ป่วยไข้
(ชาติใหม่จางเหยา มาอาศัยร่างนาง)
เหวินเจิ้งเทา คุณชายสี่สกุลเหวิน พี่ชายเหวินซืออี้
เซียวหัวเฟิง แม่ทัพหนุ่ม เจ้าบ่าวของเหวินซืออี้
สกุลเซียวได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้
เฉิงเซ่าเทียน พ่อบุญธรรมของเซียวหัวเฟิง
คือเสาหลักของแคว้นเหลียง หากชอบใช้ชีวิตสันโดษ
ก่อตั้งสำนักไร้นาม
สวีเกาหาน องค์ชายรอง แห่งแคว้นเหลียง
ภายหน้าคือฮ่องเต้(เหลียงอ๋อง) ตำแหน่งเดิมรัชทายาท
เกิงเตียวอิ๋ง องค์หญิงหก ลูกสาวสุดที่รักสวีเกาหาน
มารดาเป็นสนมที่มีอำนาจมาก
จือฮวน พระสนมจือ มีพี่ชายคือ จือคัง
ห่าวเจีย ขันทีห่าว ใต้เท้าพันปี ดูแลหน่วยองครักษ์แพรม่วง
จือคัง จือหยวนโหว คนสำคัญของแคว้นเหลียงมากด้วยอิทธิพล
ไทฮองไทเฮา หลี่อิง
เหวินเจี้ยน บิดาของเหวินซืออี้
เจียวถง มารดาเหวินเจิ้งเทา (แคว้นฉาง)
ซุนถี มารดาเหวินซืออี้
หม่าฟานฉี องค์หญิงแคว้นฉางมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี
กับแคว้นเหลียง
ผิงจง แม่บ้านผิง อดีตนักฆ่าลำดับที่สี่
เฮ่อชวีหัว นักแปลงโฉม พิณพิฆาต นักฆ่าลำดับที่สอง
เหนี่ยวเอ๋อร์ พี่สาวของหยุนเอ๋อร์ สาวใช้เหวินซืออี้
หยุนเอ๋อร์ น้องสาวเหนี่ยวเอ๋อร์ สาวใช้เหวินซืออี้
**********************
1
ชาติก่อน แคว้นเหลียง
ณ ป้อมสังเกตการณ์เมืองไฉ
ห่างจากเมืองหลวงราวๆ สามร้อยลี้
สายลมวูบใหญ่พัดผ่านร่างเหวินซืออี้ นางจึงหลับตาหลบฝุ่นผง กระทั่งลมสงบก็ลืมขึ้นอย่างช้าๆ แล้วกวาดมองไปทั่วงานแต่งที่จัดขึ้นอย่างฉุกละหก
ถึงจะดีใจที่มีได้มีวันมงคลและสวมชุดเจ้าสาว แต่ลึกๆ นางครั่นคร้ามใจ ทั้งมีลางสังหรณ์ในแง่ร้าย ราวกับวันนี้ต้องพบเรื่องไม่คาดฝัน ถึงอย่างนั้นสตรีผู้นี้ก็ดื้อดึง อยากให้งานมงคลของตนเดินหน้าจนสมบูรณ์ นั่นเป็นเพราะมันสำคัญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า หญิงสาววางมือที่หน้าท้องตน ลูบแผ่วเบา พร้อมคิดถึงเรื่องราวที่จะเชื่อมนางกับเจ้าบ่าวไว้ด้วยกัน
ยามนั้นผู้คนที่กำลังส่งเสียงเฮ สลับการเป่าปาก นางล้วนไม่รู้จัก ทั้งที่พวกเขามาร่วมแสดงความยินดีในการเข้าหอของนางกับเจ้าบ่าวผู้องอาจ หลายคนเริ่มเมามาย เมื่อเหวินซืออี้ใคร่ครวญถึงเรื่องที่ผ่านมา จึงตระหนักได้ว่า ตนทั้งเยาว์วัยและโง่เขลา มันคือเรื่องจริงที่นางหลอกตัวเอง กระทั่งเป็นเวลานี้ หญิงสาวได้ประจักษ์แจ้งต่อความจริง
ด้วยความที่เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของสกุลเหวิน บิดาผู้เป็นเถ้าแก่ร่ำรวยของเมืองซีหาน เลี้ยงดูนางราวกับไข่ในหิน ส่วนมารดารักและทนุถนอมยิ่ง สิ่งใดที่ลำบากก็ไม่ให้ทำ งานเย็บปักหรือดนตรี นางล้วนไม่ได้เรื่อง นั่นเป็นเพราะเด็กๆ ป่วยกระเสาะกระแส พอเริ่มโตมีนิสัยรักสบาย ฝ่ายบิดากับมารดาไม่เข้มงวด นางจึงเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอ กระทั่งอายุได้สิบสามปี มีโอกาสศึกษาความรู้กับอาจารย์เฉิง (เฉิงเซ่าเทียน) คนสำคัญผู้เป็นเสมือนเสารักของแผ่นดินในยามนั้น และนั่นจึงเป็นเหตุให้นางประสบปัญหาเรื่องรักแรกพบกับลูกบุญธรรมอีกฝ่าย จนมิอาจถอนใจ ความรักของนางบ่มเพาะอยู่พักใหญ่
สุดท้ายก็เป็นเหวินซืออี้ ที่แอบติดตามชายหนุ่ม เดินทางไปมาหลายที่สุดท้ายก็ถึงเมืองไฉ กล่าวได้ว่าแรกเริ่มคือรักข้างเดียว กระทั่งนางทำในสิ่งที่ปรารถนาสำเร็จ เมื่อเขาตอบรับสตรีผู้นี้ และตกลงแต่งนางเป็นฮูหยิน ทั้งที่อีกฝ่ายมีสัญญาใจกับสตรีสูงศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง แน่นอนเรื่องนี้เขาปิดปังนางไว้ กลัวเหวินซืออี้จะเสียใจมากจนคิดสั้น
“ด้ายแดงร้อยใจ เคียงคู่กันจนผมขาว...ยึดมั่นในรักมิเสื่อมคลาย” เสียงทุ้มๆ พร้อมจุมพิตลึกซึ้ง เป็นสิ่งย้ำเตือนให้นางรู้ว่า เลือกบุรุษที่จะเป็นคู่ชีวิตไม่ผิด
เหวินซืออี้ดึงตนกลับมาต่อเหตุการณ์เบื้องหน้า ในวันนี้นางคือเจ้าสาวของแม่ทัพหนุ่ม ทว่าหัวใจดวงน้อยหดเกร็ง ร่างงดงามสั่นสะท้าน มีดสั้นในมือนางที่ถือไว้เจียนจะล่วงหล่นลงจากมือ ทว่ามันคือสิ่งเดียวที่จะยืนยันว่านางกล้าหาญพอ ที่จะต่อรองกับคนที่นางมอบหัวใจให้เขาทั้งดวง
“แต่เดิมข้าอยากเป็นภรรยาของคนผู้เดียว และผูกผมครองรักชั่วนิรันดร์ ทว่าวันนี้ได้รู้ซึ้ง หัวใจคนยากแท้หยั่งถึง หากเฟิงเกอยืนยันที่จะก้าวขาไปจากที่นี่ จงเขียนหนังสือหย่าขาดกับข้าเสียก่อน จากนั้นเราย่อมไม่มีสิ่งใดติดค้างต่อกัน”
“หึๆ หย่า เสี่ยวอี้ เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เรายังไม่ทันเข้าพิธีด้วยกันเสียด้วยซ้ำ”น้ำเสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนไป สีหน้าเขาก็เครียดจัด ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการมาถึงของคนผู้นั้น ซึ่งทำให้บุรุษที่เคยให้สัญญากับนางไว้มีท่าทีเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
คำว่าจะร่วมทุกข์ และสุขด้วยกันจนผมขาว...ย่อมไม่มีอยู่จริง
เซียวหัวเฟิงกลายเป็นชายไร้สัจจะ กล่าวคำโป้ปด เพื่อเขาจะได้ครอบครองหัวใจนาง ส่วนนางทำผิดต่อทุกคน ที่เลวร้ายยิ่งกว่าคือ มันไร้ค่าไม่มีความหมายสักนิด
“หย่า ข้าต้องการหนังสือหย่าขาดจากท่าน ใช้เลือดของท่านเขียนมันขึ้นมาเสีย และข้าจะยอมให้ท่านจากไป”
เหวินซืออี้ไฉนจะคิดท้าทายเขา มันคือเรื่องที่นางไม่อยากให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ทว่าภาพต่อจากนั้น ดวงตานางเบิกค้าง เมื่อเห็นเขากัดปลายนิ้วชี้ตน แล้วเขียนข้อความลงไปด้วยเลือดสดๆ
“นับแต่นี้ ข้าเซียวหัวเฟิงกับเหวินซืออี้ ไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกัน ตราบชั่วชีวิต”
หัวใจนางแทบหยุดเต้น แต่เหวินซืออี้ก็ฝืนยิ้ม ก่อนจะหัวเราะเสี่ยงขื่น ถึงยามนั้นอยากเอ่ยรั้งเขาไว้ ทว่าเสียงของนางกลับไม่เล็ดรอดออกจากริมฝีปากซึ่งถูกกัดและมันอาบไปด้วยเลือดที่เป็นพิษ!