เหตุการณ์ก่อนหน้า
เหวินซืออี้กราดเกรี้ยวหนัก นางอดทนมานาน ไม่เคยมีปากเสียงอันใดกับคนรัก ก็เพียงแต่อยากทวงถามสิ่งที่นางควรได้รับ ตัวนางต้องทนรับปัญหาสารพัด ตัดขาดญาติพี่น้องเพื่อมาเป็นจ้าวสาวของเซียวหัวเฟิง ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งแม่ทัพเมื่อไม่นานมานี้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ป้อมสังเกตการณ์ ส่งผลให้เหวินซืออี้กำลังจะจมดิ่งสู่ห้วงเหวลึก
“เฟิงเกอ...ท่านจะไปที่ใด ยามนี้ได้ฤกษ์เข้าหอแล้ว” นางถามน้ำเสียงสั่นอยู่สักหน่อย ด้วยมันเกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจ และความโมโหตนเองที่ไม่อาจพูดสิ่งใดที่รุนแรงอย่างใจนึกได้ นางเป็นสตรีเช่นนี้ โลกสวยงาม มีแต่สิ่งรื่นเริง คำร้ายๆ ไม่เคยหลุดออกจากปาก
จวบจนได้เห็นเกิงเตียวอิ๋ง ฝ่ายนั้นทำเรื่องบัดซบยิ่งนัก ขี่ม้าตัวโตเข้ามาที่นี่ อาภรณ์ที่นางสวมใส่คือ ชุดหยกที่เรียงเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าห้อยต่อกันไว้ ซึ่งกล่าวได้ว่า นางเปลือยกายคงไม่ผิด เพราะมองแล้วช่างเป็นคนไร้ยางอายยิ่ง
“เฟิงเกอ... โอ้ ท่านจะรอให้ร่างกายสตรีผู้นี้ สูญสลายและสิ้นใจเสียก่อนหรือ ถึงจะเข้ามาหาข้า”
เสียงดังกล่าวเรียกขึ้นร้อง ท่าทางสตรีผู้นั้นมิต่างจากโสเภณีชี้และชวนให้บุรุษเข้าไปเสพรักนาง ช่างไร้ค่า ทั้งชวนให้น่าเวทนา
เหวินซืออี้เดือดดาล สุดท้ายนางก็หลุดคำต่อว่าออกไป
“มารดาเจ้าเถอะ มะ มาทางไหน ก็รีบกลับไปตายที่เดิม สถานที่นี้ ไม่มีใครต้อนรับเจ้า”
สีหน้าและดวงตาคมๆ ตึงจัด ดรุณีน้อยของเขา เหตุใดถึงได้มีวาจาน่าชิงชังเช่นนี้ คงเพราะบิดามารดาไร้การอบรม และเขายอมแต่งงานกับนาง ก็นับว่าให้เกียรติมากแล้ว แต่นางเริ่มเผยส่วนที่ร้ายกาจออกมา หากเขาไม่ปรามเสียบ้าง สตรีนางนี้คงกำเริบ และสร้างเรื่องๆ ให้เขาปวดหัวเป็นแน่
และสายที่เซียวหัวเฟิงมองเหวินซืออี้คล้ายคมมีดกรีดหัวในดวงน้อยให้แหลกสลาย แล้วเขาก็ทำร้ายนางรุนแรงด้วยคำพูด
“เสี่ยวอี้ องค์หญิงหกคือคนที่เจ้าควรเคารพ เพราะนางได้ช่วยเจ้าไว้หลายครา ยามนี้ ก็เห็นว่านางนั้นได้รับบาดเจ็บหนักจากการปกป้องบ้านเมือง แต่เจ้ากลับใช้วาจาไม่สมควร เช่นนี้ ยังมีคุณธรรมในใจอยู่หรือ”
เหวินซืออี้ไม่อยากเชื่อหูของตน ไฉนบุรุษที่นางยกย่องและเลือกเขาให้เป็นคู่ชีวิต ถึงกล่าวคำร้ายกาจต่อว่านางต่อหน้าผู้คนมากมาย
ผู้เป็นเจ้าสาวกำหมัดแน่น เล็บของนางทิ่มเข้าเนื้อนิ่ม จนเกิดแผลและมีเลือดไหลซึม
“นางแค่อ้างคำพูดเหลวไหล อีกอย่างมีสตรีคนใดขี่ม้าแล้วเปลื้องผ้าให้ผู้อื่นมองอย่างหมิ่นเกียรติ เฟิงเกอยังมีสติปัญญาอยู่หรือไม่ ข้าหวังว่า ท่านคงไม่หน้ามืดตามัว เห็นสตรีไร้ค่าเป็นเทพธิดาหรอกนะ”
หญิงสาวสาดคำพูดร้ายๆ อีกชุด นั่นคงเป็นเพราะนางเก็บกดไว้ในใจมาเนิ่นนาน
“องค์หญิงหกแจ้งชัดแล้วว่านางได้รับพิษรุนแรง หากไม่รีบช่วย... อาจถึงขั้นเสียชีวิต” เซียงหัวเฟิงตอบกลับน้ำเสียงเข้ม ติดตำหนิผู้เป็นเจ้าสาว
“เฮอะ เฟิงเกอห่วงนางเยี่ยงนั้นหรือ ท่านห่วงผู้อื่นมากกว่าจิตใจของข้า ทั้งที่วันนี้คือวันเข้าหอของเรา”
กล่าวออกไปเช่นนั้น เหวินซืออี้ก็อยากคว้าคำพูดของตนกลับคืนเหลือเกิน เพราะเมื่อมองใบหน้าชายหนุ่ม ก็พบคำตอบที่กระจ่างใจ
“เสี่ยวอี้ หากไม่ได้สะสางปัญหาตรงหน้า ข้าคงไม่ใช่ลูกชายที่ผดุงความยุติธรรม อีกทั้งข้าคงผิดต่อลูกน้องของตน นอกจากองค์หญิงหก ยังมีดวงวิญญาณอีก 115 ดวงที่ข้าต้องล้างแค้นให้พวกเขา”
เซียวหัวเฟิงกล่าวถึงทหารและสหายของเขาที่พลีชีพปกป้องเชื้อพระวงศ์ จากการบุกของมือสังหารที่กำลังล่าสัตว์อยู่ มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนงานวิวาห์เหวินซืออี้ราวๆ หนึ่งชั่วยามก่อน
“เฟิงเกอ ทะท่าน กล่าวสิ่งใดออกมา ช่างไร้ความรับผิดชอบ ข้ากับท่านดื่มเหล้ามงคลด้วยกัน กราบไหว้ฟ้าดิน มีแขกร่วมงานเป็นสักขีพยาน ไฉนยังจะให้เรื่องอื่นขัดขวางความสุขที่ข้ากับท่านรอมานานอีกเล่า”
“โถ เสี่ยวอี้...เจ้าช่างยึดถือแต่ตนเป็นใหญ่ องค์หญิงหกต้องการเพียงแค่ให้ข้าช่วยเหลือให้นางมีชีวิตรอด หลังจากนั้นข้าจะรับผิดชอบทุกอย่าง และชดใช้ให้เจ้าเอง”
เซียวหัวเฟิง เป็นแม่ทัพและเขามีสกุลเดิมขององค์หญิงหกหนุนหลัง และที่เขายืนยันอยากช่วยเหลือเกิงเตียวอิ๋ง ด้วยรู้ว่าพิษที่ทำร้ายนางในตอนนี้กำลังจะเผาไหม้อวัยวะภายใน และเขาต้องพาอีกฝ่ายไปยังถ้ำหิน อาศัยเตียงหยกแล้วใช้ลมปราณของเขาขับพิษแก่นาง
ฝ่ายเกิงเตียวอิ๋งเป็นสตรีที่เก่งด้านบุ๋น กระนั้นกว่าจะตีฝ่าวงล้อมศัตรูออกมาและควบม้าจะถึงที่นี่ นางต้องใช้พลังไปหลายส่วน สุดท้ายร่างกายนั้นคล้ายถูกเผาไหม้ จึงสลัดเสื้อผ้าออก ยามนี้มีเพียงชุดหยกด้านในที่แนบเนื้อ ซึ่งไม่อาจปกปิดเรือนร่างนางได้ ส่วนเว้าส่วนโค้งของประจักษ์ต่อสายตาผู้อื่น
อึดใจต่อมา หญิงสาวกระอักเลือดกองโต ภาพของนางในยามนี้ สร้างความตื่นตะลึงและเรียกคะแนนสงสารได้ดี อีกทั้งนางเป็นถึงองค์หญิงนักรบ ผิดกับคุณหนูในห้องหอ อย่างเหวินซืออี้ ให้ดีก็มีแต่ความงาม สตรีเช่นนี้เคยทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดินหรือ
“แม่ทัพเซียว... เรื่องอื่นพวกเราจัดการเอง ต่อลมหายใจให้องค์หญิงหกเถิด จากนั้นค่อยไปชำระแค้น งานแต่งก็สำคัญ แต่ชีวิตคนที่ช่วยเหลือชาติบ้านเมืองย่อมสูงส่งกว่า ”
จากเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น ก็เหมือนจะโน้มน้าวให้เซียวหัวเฟิงทำเช่นนั้น ฝ่ายกัวเตียวอิ๋งที่นั่งอยู่บนหลังม้าก็โงนเงนไปมาเจียนพลัดตกลงมา สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างความคับแค้นใจต่อผู้เป็นเจ้าสาว
จวบจนแม่ทัพหนุ่มก้าวขาหมายใจเข้าไปช่วยเกิงเตียวอิ๋ง ก็เป็นช่วงเวลาดังกล่าวที่เหวินซืออี้ ล้วงมีดสั้นออกมาจากอกเสื้อ ใจนางเดือดพล่าน ห้วงเวลาดังกล่าวเจ้าสาวขาดสติไปเสียแล้ว
“เฟิงเกอ หากท่านก้าวออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว... ขะ ข้า เหวินซืออี้ก็จะไปรอเฟิงเกอที่ประตูนรก!”
เมื่อนางตัดสินใจกระทำเช่นนั้น แทนทีจะรั้งเขาได้ กับมีสายตาเย็นชาของผู้เป็นเจ้าบ่าวมองมาที่นาง พร้อมคำพูดที่ทำให้เหวินซืออี้ หนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
“ข้าคิดไม่ถึงว่าเสี่ยวอี้จะไร้เหตุผล ช่างเป็นคนที่ข้าไม่สมควรแต่งงานด้วย และแรกเริ่มก็เป็นเจ้าแอบลักลอบมาถึงเมืองไฉ ปลอมตัวเป็นทหาร เป็นบ่าวรับใช้ จนเกิดเรื่องราวมากมายให้ข้าต้องช่วยเช็ดล้าง มีคดีถึงศาลก็หลายหน ทั้งสั่นคลอนกฎของกองทัพ และหากเราไม่ได้มีช่วงเวลาลึกซึ้งด้วยกัน ข้าคงไม่ตัดสินใจรับผิดชอบสตรีแซ่เหวิน!”
หึๆ ๆ สวรรค์ล้อนางเล่นเป็นแน่ เซียวหัวเฟิงเหตุใดถึงกล่าววาจาร้ายกาจกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อสามปีก่อนที่เขาไปยังเมืองซีหาน ยังเป็นบุรุษที่ติดตามอาจารย์เฉิง คือพี่เก้าที่แสนอบอุ่นใจดี คอยสอนนางหลายสิ่ง นั่นคือจุดเริ่มต้นของรักแรกพบ สุดท้ายนางก็ปีนออกจากกำลังคฤหาสน์เหวิน ทั้งที่พี่ชายสุดที่รักเหวินเจิ้งเทาตามตัวกลับหายหน แต่นางใช้อุบายต่างๆ นานาจนรอดพ้นมาได้ แล้วก็ติดตามเซียวหัวเฟิงเดินทางไกลนับพันลี้ ผ่านหลากหลายเรื่องราว จวบจนบ่มเพาะเป็นความรัก มีช่วงเวลาหวานซ่านใจ จนผู้อื่นอิจฉา และเขาได้ออกปากอยากผูกผมครองคู่เหวินซืออี้
“ท่าน เป็นท่านที่เลอะเลือน... สตรีผู้นี้ยึดมั่นในรักเสมอ ข้าเสียสละทุกสิ่งอย่างเพื่อมาอยู่กับท่าน”
เซียวหัวเฟิง ไม่ใช่ไร้เยื่อใย แต่เขาเริ่มเห็นว่าเหวินซืออี้ คือสตรีที่เอาแต่ใจ และไม่เติบโตกว่าเดิมสักนิด
“ข้ายังยืนยันคำเดิม หลังจากช่วยองค์หญิงหก จะกลับมาทำหน้าที่ของตนให้แล้วเสร็จ”
“ทำหน้าที่หรอกหรือ โอ้ เฟิงเกอ การเข้าหอและดูแลข้า ท่านถือเป็นหน้าที่ ฮึ หากเป็นเช่นนั้น ไฉนข้ายังจะหน้าด้านเป็นภาระของท่านแม่ทัพด้วยเล่า”
นางกล่าวจบ ก็ใช้มีดสั้นจี้ลำคอของตน ฝ่ายบ่าวรับใช้หญิง กับคนงานที่อยู่บริเวณนั้นหมายจะเข้าไปยื้อแย่งมีดสั้นจากมือเจ้าสาว แต่นางตะโกนห้าม ก่อนที่ปลายคมมีดสั้นจะทำให้ลำคอนางมีเลือดไหลออกมา
ทว่าภาพดังกล่าวหาได้ทำให้เซียวหัวเฟิงล้มเลิกความคิดตนที่จะช่วยสตรีบนหลังม้า
“เฟิงเกอ ทะ ท่านทำผิดต่อข้า”
เหวินซืออี้สะอื้นไห้ นางมิใช่ต้องการแสดงความอ่อนแอ ทว่ายามนี้ เข้าใจได้ว่า อีกฝ่ายเลือกเกิงเตียวอิ๋ง หากเหวินซืออี้คาดเดาไม่ผิด สตรีผู้นั้นต้องวางแผนการบางอย่างเพื่อล้มเลิกงานแต่งของนางกับเซียวหัวเฟิง และตอนนี้ก็ถึงขั้นทำเรื่องชั่วช้า ไร้ยางอาย