ฉันกลับเข้ามาในห้องมานั่งล้อมวงกับพวกไอ้คีนที่กำลังเล่นไพ่กินตังค์กันอย่างเมามัน
ถึงแม้ว่าเรื่องเงินจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกมัน แต่การเล่นไพ่ที่มีเงินเป็นเดิมพันก็ทำให้บรรยากาศครึกครื้นเฮฮามากกว่าการนั่งกระดกเบียร์เฉยๆ ไม่ใช่เหรอ ส่วนธามยังยืนดูดบุหรี่อยู่ที่ระเบียงห้อง
“ไปทำห่าอะไรของมึงที่ระเบียงตั้งนาน” เป็นวินด์ที่ถามฉัน
“ปกติของมันป้ะ ไอ้เฟย์ก็ไปนั่งแดกเบียร์ที่ระเบียงประจำ” และเป็นเหนือที่ตอบคำถามให้
ส่วนคีนไม่ได้สนใจอะไรฉัน มันแค่ชำเลืองมองมาแป๊บเดียวแล้วเลื่อนสายตาไปที่ระเบียงด้านหลังห้องก่อนจะก้มลงมองโทรศัพท์ที่มีแชตเด้ง ติ้ง! ติ้ง! ทุกสองวินาที
เด้งทีมันก็วางไพ่แล้วตอบแชตที แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะคีนเป็นอย่างนี้มาสักพักแล้ว ห่างเมียต้องแชต ไม่แชตก็คุยโทรศัพท์ ทำอย่างกับเมียเป็นอากาศที่ขาดไม่ได้ แต่ก็อย่างว่าแหละ น้องเกลน่ารักออกปานนั้น ไอ้คีนจะคลั่งรักอย่างกับโดนน้องเกลทำของใส่ก็ไม่แปลก
“แล้ววันนี้น้องเกลทำไมไม่มา”
“พรุ่งนี้สอบ” คีนเงยหน้าขึ้นมาตอบฉันแล้วก้มพิมพ์แชตคุยกับเมียมันต่อ
ส่วนฉันก็หยิบขวดเบียร์มาเปิดแล้วยกขึ้นดื่ม แต่ไม่ได้ดื่มอะไรมากมาย ดื่มแค่อึกสองอึกแล้วก็วางขวดลง ฉันเลิกทำหน้าซังกะตายพร้อมซุกซ่อนอารมณ์หม่นหมองไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างไอ้เฟย์คนเดิมก่อนจะสุมหัวเล่นไพ่กับเพื่อนอย่างไม่มีพิรุธใดหลุดออกมาให้เห็นว่าวันนี้อารมณ์ฉันมันเทาเข้มแค่ไหนกับเรื่องที่ธามพาน้องกริ๊งมาเปิดตัวกับพวกเรา
แต่ก็ช่างแม่งเถอะ!
จะเปิดตัวใครก็แล้วแต่ดิ
03.35 น.
ฉันมองเวลาที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอสมาร์ตโฟนตกรุ่นที่ใช้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง จนตอนนี้ฉันอยู่ปีสี่แล้วก็ยังใช้มัน ถึงแม้ว่าเจ้าโทรศัพท์นี่จะเริ่มรวน ฉันก็ตัดใจทิ้งแล้วซื้อใหม่ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าที่บ้านไม่มีเงิน แต่ฉันมันงก อะไรที่ยังใช้ได้อยู่แล้วจะซื้อใหม่ให้เปลืองเงินทำไม
“ไม่นอนห้องกูอ้ะ ดึกแล้วอย่ากลับเลย อันตราย”
ไอ้วินด์มันเว่อร์แบบนี้ประจำ อันตรายอะไร ลืมไปหรือเปล่าว่าห้องฉันอยู่ต่ำกว่าห้องมันแค่สองชั้นเอง
“กูลงลิฟต์ไปแค่สองชั้นก็ถึงห้องแล้วไหม กูจะกลับไปอาบน้ำ กูเหนียวตัว”
“งั้นกูไปส่ง”
ฉันมองหน้าวินด์ และมันก็กำลังจ้องฉันเหมือนกัน รู้เลยว่าต่อให้ปฏิเสธว่าไม่ ไอ้บ้านี่ก็คงดึงดันจะตามไปส่งฉันอยู่ดี มันก็เป็นอย่างนี้ประจำแหละ พ่อคนดีของเฟย์ “มึงนี่ก็เหลือเกิน เออๆ ไปก็ไป”
แต่ก่อนที่ฉันกับวินด์จะเดินออกจากห้อง หางตาฉันก็เหลือบไปเห็นหน้าหล่อๆ ของธามเข้าซะก่อน ฉันเลยยิ้มให้มัน “น้องกริ๊งหลับแล้วเหรอ”
วันนี้เด็กนั่นนอนนี่ นอนห้องเล็กในคอนโดฯ ของวินด์ ส่วนคีน เหนือ วินด์นอนห้องใหญ่ซึ่งเป็นห้องเจ้าของคอนโดฯ นั่นแหละ
แต่กับธาม.. ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะนอนไหน แต่จะนอนไหนก็ช่างหัวมันเถอะ มันไม่ใช่ผัวฉันซะหน่อย
“หลับแล้ว แล้วนี่มึง?”
“กูจะกลับห้อง”
“กูจะไปส่งมัน” วินด์บอกธามเมื่อเห็นสายตา ธามเลื่อนไปหยุดอยู่ที่มัน
“งั้นกูไปแล้วนะ เหนียวตัว อยากอาบน้ำ” ฉันบอก ธามอย่างที่บอกวินด์ในตอนแรก
“อือ”
Tham Talk
ผมยืนมองเพื่อนทั้งสองจนกระทั่งประตูห้องบานใหญ่ปิดลง หลังจากที่เฟย์กับไอ้วินด์เดินออกไป ผมบอกตรงๆ ว่ารู้สึกหนักใจชะมัดกับทุกอย่างที่กำลังเป็นอยู่
ห้องเฟย์อยู่ชั้นยี่สิบเก้า ส่วนห้องไอ้วินด์อยู่ชั้นสามสิบเอ็ด คอนโดฯ นี้เป็นคอนโดฯ แบบ High-Rise ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ลิฟต์ที่ใช้โดยสารขึ้นลงอาคารก็เป็นลิฟต์แบบล็อกชั้น ต้องใช้คีย์การ์ดสแกนเพื่อให้ไปถึงชั้นของผู้พักอาศัยโดยตรงโดยไม่สามารถ เข้า-ออกชั้นอื่นที่ไม่ใช่ชั้นของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นเรื่องความปลอดภัยภายในคอนโดฯ จึงไม่น่าห่วง
ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ไอ้วินด์ต้องเดินไปส่งเพื่อนอย่างเฟย์ นอกจากว่ามันคิดอะไรกับเฟย์มากกว่าเพื่อนและอยากหาโอกาสใกล้ชิด
นอกจากเรื่องที่เพื่อนรู้ว่าเฟย์ชอบผม ผม ไอ้คีน ไอ้เหนือ ต่างก็รู้ว่าวินด์มันชอบเฟย์ ก็มีแต่เฟย์ที่ไม่รู้ว่าไอ้วินด์คิดยังไง หรืออาจจะรู้แต่ไม่พูด
แต่ก็ไม่มีใครในกลุ่มพูดอะไรเกี่ยวกับความรู้สึก ยุ่งเหยิงของเราสามคน เพราะพวกเราสนิทกัน เลยไม่อยากให้มีปัญหา ซึ่งมันคงจะไม่เป็นปัญหา ถ้าเฟย์แค่ชอบผม แต่เราสองคนไม่ได้เอากัน
แต่นี่.. ผมเอามันทำเมียแล้วไง
“ไอ้วินด์ไปส่งเฟย์?” คีนที่พึ่งไปกลับเข้าห้องหลังจากไปดูดบุหรี่ที่ระเบียงถามผม
“อือ”
“มึงว่าเฟย์จะรู้ไหมว่าวินด์คิดยังไงกับมัน”
“กูจะไปรู้ไหมล่ะ กูไม่ใช่เฟย์ซะหน่อย”
“ก็นึกว่ามึงรู้ เห็นพักหลังมึงไปไหนมาไหนกับเฟย์บ่อย” มันจ้องหน้าผม สายตามันเหมือนกับว่ารู้อะไรมา
“เพื่อนกัน ไปไหนด้วยกันไม่เห็นแปลก” คีนเสยผมที่ปรกหน้าหล่อๆ ของมันขึ้นแล้วหยิบบุหรี่ส่งให้ผม ส่วนตัวมันเองก็จุดอีกม้วนเพื่อดูดเหมือนกัน
“ถ้ามึงไม่คิดจริงจังกับเฟย์ อะไรที่ทำอยู่ตอนนี้กูแนะนำว่าให้หยุดซะ กูไม่อยากให้พวกมึงสามคนมีปัญหา ยังไงพวกเราก็เพื่อนกัน”
คิ้วผมขมวดเข้าหากันเมื่อได้ฟังที่ไอ้คีนพูด “มึงรู้อะไรมา”
“แล้วมึงมีอะไรปิดบังพวกกูอยู่บ้างล่ะ”
“มึงรู้เรื่องกูกับเฟย์?”
“อือ”
ผมใช้นิ้วคลึงขมับ รู้สึกเครียดขึ้นมา “ใครรู้เรื่องนี้บ้าง ไอ้เหนือ? ไอ้วินด์?”
“แค่กู”
“แล้วมึงไปรู้จากไหน” ผมมั่นใจว่าไม่ใช่จากเฟย์แน่ เพราะพวกผมตกลงกันแล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้กันไว้แค่สองคน
“สองวันก่อนกูไปห้องเฟย์ กูเห็นเสื้อมึงอยู่ในตะกร้าเสื้อผ้ามัน”
“แล้วทำไมมึงถึงคิดว่ากูกับเฟย์มีอะไรกัน”
“ไม่ใช่แค่เสื้อที่กูเห็น ยังมีกางเกงในที่เลอะคราบน้ำมึงด้วยไอ้สัส”
เป็นอีกครั้งที่ผมถอนหายใจ “อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร กูขอ”
“เออ! กูไม่บอกหรอก แล้วมึงจะเอายังไงเรื่องเฟย์”
“ก็ไม่เอาไง พวกกูตกลงกันว่าแค่กินกันแต่ไม่ผูกมัด”
“โห้! มึงก็รู้นี่ว่าเฟย์มันชอบมึง มึงทำอย่างนี้ไม่ให้ความหวังมันไปหน่อยเหรอวะ แล้วยังน้องกริ๊งอีก”
“น้องกริ๊งก็กำลังคุยไง แต่กับเฟย์.. กูพลาดเลยเลยตามเลย” ที่ผมพูดออกไปตรงๆ เพราะผมคิดว่าบริเวณนี้มีแค่ผมกับไอ้คีน ไม่นึกเลยว่าหางตาจะเหลือบไปเห็น ร่างเล็กของใครบางคนที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล
“เฟย์..”
ไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นไอ้คีนที่เรียกเฟย์
“เฟย์..” คราวนี้เป็นผมที่เอ่ยชื่อเฟย์ออกมา
“กูลืมโทรศัพท์ งั้นกูกลับห้องก่อนนะ” เฟย์ชูโทรศัพท์ในมือขึ้นให้ผมดูแล้วหันหลังเดินตรงไปยังประตูทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดอะไรสักคำ
“ฉิบหายแล้วไหมไอ้ธาม กูว่าแม่งเฟย์ได้ยินหมดแล้วแน่ๆ แล้วอย่างงี้มึงจะเอาไง”
ผมมองประตูห้องที่พึ่งปิดลง ไม่ได้ตามเฟย์ไปเพื่ออธิบายเรื่องที่มันได้ยินผมพูด “เฟย์รู้อยู่แล้วว่ากูคิดยังไงกับมัน ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกันอีก”
“พูดงี้หมายความว่ามึงจะปล่อยเบลอว่างั้น โห้! ไอ้เหี้ย มึงใจร้ายเกินไปไหมวะ มึงได้มันแล้วนะโว้ย อย่างน้อยก็ควรแคร์เฟย์หน่อยไหมวะ”
สายตาคีนดูเคืองผมอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่แปลก เพราะเฟย์ก็เพื่อนมัน
“เออ! กูยอมรับว่ากูใจร้าย” ผมอัดบุหรี่เข้าปอดแล้วพ่นออกมา ใช่ว่าผมจะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่เฟย์ดันมาได้ยินที่ผมพูด ผมกังวลอยู่ไม่น้อยว่ามันจะโกรธไหม แต่ให้ทำไงได้ เฟย์ต้องเข้าใจว่าระหว่างผมกับมันแค่ friend with benefits ไม่ใช่เมียจริงๆ
End Tham Talk