ผลการแคสติ้งเพื่อคัดเลือกนักแสดงเด็กหน้าใหม่เพื่อมารับบทเป็นลูกสาวและเพื่อนลูกสาวของพระนางก็ได้ข้อสรุป คนที่ผ่านการแคสติ้งที่ได้รับบทลูกสาวของพระนางนั้นไม่ผิดคาด นั่นก็คือเด็กหญิงเขมิกา โชติกุลหรือน้องเข็มนั่นเอง ส่วนเพื่อนลูกสาวของพระนางนั้นได้เด็กหญิงลลิตา สุวรรณวาส หรือน้องมิ้นมารับบทนี้ เด็กทั้งสองเป็นนักแสดงเด็กหน้าใหม่กันทั้งคู่
กริ๊ง.....กริ๊ง.........กริ๊ง...........
เสียงโทรศัพท์มือถือของกาญจนาดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกๆ จึงมองด้วยความสงสัย ก่อนที่จะกดรับแล้วกรอกเสียงหวานไปตามสาย
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะ”
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ คุณแม่ของน้องเข็มใช่ไหมคะ ดิฉันศศิคุณแม่ของน้องมิ้นเองค่ะ ที่เราเจอกันวันแคสติ้งไงคะ” ศศิภาเอ่ยทักทายก่อนที่จะแนะนำตัว
“อ๋อ.. ค่ะคุณศศิ มีอะไรหรือเปล่าคะ” กาญจนานึกถึงเด็กน้อยกับคุณแม่ที่มาและเบอร์กับเธอไว้เมื่อวันที่ไปแคสติ้งขึ้นมา ก่อนที่จะถามออกไป
“คือน้องมิ้นอยากคุยกับน้องเข็มน่ะค่ะ น้องเข็มอยู่ใกล้ๆ หรือเปล่าคะ” วันนี้เป็นวันเสาร์แน่นอนว่าทั้งบุตรสาวและบุตรชายนั้นนั่งเล่นอยู่กับเธอภายในห้องนั่งเล่น
“อยู่ค่ะ รอสักครู่นะคะ” กาญจนาบอกก่อนที่จะหันไปเรียกเขมิกา
“น้องเข็มคะ น้องมิ้นโทรมาหาค่ะลูก” เด็กหญิงตัวน้อยละสายตาจากละครในทีวีก่อนที่จะลุกจากโซฟาที่นั่งอยู่กับพี่ชายมาหามารดา มือเล็กรับโทรศัพท์เครื่องหรูของมารดามาจ่อที่หูเล็ก
“ฮัลโหล น้องเข็มพูดสายอยู่ค่า” เสียงหวานของเขมิกาถูกส่งไปยังปลายสาย
“เข็ม เรามิ้นเองนะ ดีใจด้วยนะเข็ม” น้องมิ้นเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที
“อ๋อ... มิ้นเองหรอ ดีใจด้วยเหมือนกันจ้ะ” เขมิกาตอบ
“เจอกันวันเปิดกล้องนะเข็ม อืม ลืมถามเข็มเรียนที่ไหนน่ะ” เด็กหญิงลลิตาหรือน้องมิ้นบอกก่อนที่เอ่ยถามต่อ
“จ้า...... เราเรียนที่วรุณวิทย์น่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบไป
“อ้าวจริงหรอ เราเพิ่งจะย้ายไปอาทิตย์หน้านี้เอง พอดีคุณพ่อกับคุณแม่ซื้อบ้านใหม่แถวนั้น” บังเอิญจริงๆ
“แต่เราอยู่ชั้นอนุบาลสองเองนะ” เด็กน้อยบอกเสียงอ่อน
“ว้าแย่จัง อุตส่าห์ได้เรียนที่เดียวกันแล้วเชียว” น้ำเสียงแสนเสียดายดังมาจากเพื่อนใหม่
“เห็นคุณแม่บอกจะไปถามครูให้เราสอบเทียบขึ้นป.1เลยเทอมหน้าน่ะ ถ้าได้คงได้อยู่ชั้นเดียวกัน แต่ไม่รู้จะห้องเดียวกันหรือเปล่านะ” เด็กหญิงเขมิกาบอกมิ้น ลลิตาตามที่เธอได้ยินมารดาบอกมา
“เย้ๆ จริงดิ ว่าแต่เธอจะสอบได้แน่หรอ” เด็กหญิงยังกังวล ด้วยกลัวว่าเขมิกาจะไม่สามารถสอบเทียบขึ้นชั้นได้
“สบายมาก รู้จักเรานานกว่านี้แล้วเธอจะเข้าใจ” เสียงหวานสดใสบอกเพื่อนใหม่ มิ้น ลลิตาฟังแล้วรู้สึกดีใจ หากน้องเข็ม เขมิกาสอบเทียบชั้นขึ้นมาอยู่ชั้นเดียวกับเธอได้ เธอทั้งสองคนก็จะได้เป็นเพื่อนกัน
สองเด็กน้อยคุยกันอยู่สักพักก่อนที่จะวางสายไป เขมิกาจึงหันมาถามมารดาเรื่องที่มารดาเคยบอกว่าจะให้เธอลองสอบเทียบขึ้นป.1ดู
“คุณแม่ขา น้องเข็มมีเรื่องจะถาม” เขมิกาเอ่ยถามมารดาขึ้นมาขณะที่เดินนำโทรศัพท์มาส่งคืนให้กับมารดาแล้ว
“จ๋า....ว่าไงคะลูก” เสียงหวานเอ่ยถามบุตรสาว
“คุณแม่จะให้น้องเข็มสอบเทียบขึ้นป.1เทอมหน้าจริงหรือเปล่าคะ พอดีมิ้น ลลิตาที่เรารู้จักเขาตอนไปแคสติ้งบทละครน่ะค่ะ เขาบอกว่าอาทิตย์หน้าเขาได้ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับน้องเข็ม” เด็กหญิงเอ่ยถามมารดา ก่อนจะเล่าเรื่องเพื่อนใหม่จะย้ายมาที่โรงเรียนเดียวกับเธอให้ฟัง
“จริงจ้ะ แม่ไปคุยกับคุณครูที่โรงเรียนแล้ว ก่อนปิดเทอมเขาจะให้น้องเข็มลองสอบเทียบดู ถ้าน้องเข็มทำได้ก็ขึ้นป.1ตอนเทอม2ได้เลยจ้ะ” กาญจนาตอบบุตรสาวพร้อมรอยยิ้ม พอได้ฟังแบบนี้เด็กหญิงเขมิกาก็เผยรอยยิ้มโชว์ฟันสวยออกมา กาญจนามองบุตรสาวแล้วยิ้มออกมาเช่นกัน สงสัยหนูมิ้นคนนี้จะถูกชะตาน้องเข็มอยู่ไม่น้อยเลยอยากจะอยู่ชั้นเดียวกับเขาถึงขนาดนี้
และแล้ววันที่เขมิการอคอยก็มาถึง นั่นก็คือวันเปิดกล้องของละครเรื่องที่เธอได้เป็นนักแสดงครั้งแรกของชีวิตใหม่นี้ เด็กหญิงตัวน้อยเข้ากองมาพร้อมกับเจ๊เอก มารดาและพี่ชายซึ่งตามมาให้กำลังใจน้องสาวสุดที่รัก ทันทีที่พบเจอผู้หลักผู้ใหญ่ รุ่นพี่นักแสดง เด็กหญิงเขมิกาก็ยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อม เรียกสายตาเอ็นดูจากคนที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี เจ๊เอกปลื้มปริ่ม เพราะเขาแทบจะไม่ต้องบอกอะไรเด็กน้อยคนนี้เลย เรียกได้ว่าครอบครัวสอนมาดียิ่งนัก
“หูย..... เนี่ยหรอที่จะมารับบทเป็นลูกสาวของพี่” อรวี วาดพรหม นางเอกสาวของเรื่องเอ่ยขึ้นหลังจากที่เด็กหญิงตัวน้อยยกมือไหว้และเอ่ยทักทายเสร็จแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่อร” เธอจำอรวีได้ อรวีเป็นนางเอกรุ่นน้องของเธอในอดีตชาติที่มีอายุห่างกันถึงสองปีหากแต่เข้าวงการมาไม่ห่างกัน โดยเธอเข้าวงการมาก่อนเพียงหกเดือนเท่านั้น อรวีก็ผ่านการประกวดเวทีเดินแบบเข้ามา
“สวยตั้งแต่เด็กเลย อนาคตนางเอกเลยนะคะเนี่ย เจ๊เอกนี่ตาถึงจริงๆ รอดูฝีมือการแสดงอีกทีนะคะ”
อรวีได้เป็นนางเอกเต็มตัวหลังจากที่วงการสูญเสียซุปตาร์สาวอย่างจิราภรไป ซึ่งก่อนหน้าเธอจะรับบทนางรองบ้าง เพื่อนนางเอกบ้าง น้องนางเอกบ้าง พอไม่มีจิราภร อรวีก็ได้ขึ้นมาแทนที่ หากแต่เธอก็ไม่ได้ยินดีมากนักกับการที่ต้องมาแทนที่ของคนที่ล่วงลับ ตอนนั้นเธอร้องไห้เสียใจอยู่นานที่วงการเสียรุ่นพี่ที่แสนดีไป
“แน่นอนอยู่แล้วย่ะน้องอร มีหรือที่พี่จะพลาด คนนี้หลานสาวของน้องจิราภรเชียวนะ นามสกุลเดียวกัน เชื้อย่อมไม่ทิ้งแถว รับรองได้ว่าที่ซุปตาร์ประดับวงการคนต่อไปแน่นอน” เจ๊เอกบอกอย่างภูมิใจขณะที่มองไปที่เด็กปั้นของตน ที่ตอนนี้กำลังคุยอยู่กับน้องมิ้น ลลิตา ที่เป็นเด็กปั้นของเธออีกคนเช่นกัน เธอจะทำให้สองสาวเป็นดาวประดับวงการบันเทิงในอนาคตต่อไป
และแล้วงานเปิดกล้องก็ผ่านไปด้วยดี ผู้ใหญ่หลายๆ คนต่างเอ็นดูเด็กหญิงตัวน้อยที่มีใบหน้าสวยหวานเกินกว่าเด็กวัยเดียวกัน แถมความจำของเด็กน้อยยังเป็นเลิศ จำชื่อของนักแสดงและพี่ๆ ที่ต้องร่วมงานได้แทบทุกคน บรรดานักข่าวต่างสนใจในตัวของเด็กน้อย ต่างเริ่มปล่อยภาพและข่าวเกี่ยวกับอนาคตซุปตาร์ตัวน้อย ดาวดวงใหม่ที่จะมาประดับวงการในอนาคต หลานสาวของอดีตซุปตาร์สาวผู้ล่วงลับ จิราภร โชติกุล
“น้องเข็ม น้องมิ้น หนูสองคนต้องรักกันไว้นะลูก เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ในวงการบันเทิงคนส่วนมากมักจะใส่หน้ากากใส่กัน หากแต่หนูสองคน ที่มาพร้อมๆ กัน พี่ก็อยากให้น้องๆ รักกัน และเห็นใจกัน อย่างแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นหรืออิจฉากันนะคะ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับฝีมือและความสามารถของเรา ที่สำคัญ ความพยายามและความอดทนจะทำให้เราฝ่าฟันทุกอุปสรรคไปได้” เจ๊เอกสอนเด็กๆ ในสังกัดเอาไว้ เขาไม่ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับเด็กทั้งสองโดยตรง แต่เขามีหน้าที่ดันให้เด็กทั้งสองได้เดินไปตามเส้นทางที่ฝัน และเขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นเด็กทั้งสองเป็นเพื่อนแท้ในวงการ ถึงแม้สมัยนี้จะมีไม่มากก็ตาม
“ค่ะ พี่เอกไม่ต้องกังวลเลยค่ะ มิ้นจะเป็นเด็กดี และจะรักเข็มให้เป็นเหมือนคนในครอบครัวเลยค่ะ” คำตอบของลลิตา สุวรรณวาสทำเอาเจ๊เอกสบายใจ
“เข็มก็จะรักและเป็นเพื่อนเป็นน้องที่ดีของมิ้นค่ะ พี่เอกไม่ต้องห่วงนะคะ” เขมิการับปากบ้าง เธอเชื่อหลังจากที่เธอได้ทำความคุ้นเคยกับมิ้น ลลิตามาสักระยะเธอเป็นคนที่สามารถคบได้สนิทใจคนหนึ่งทีเดียว ถึงแม้จะยังเป็นเด็ก หากแต่ความใสซื่อและจริงใจนั้นแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ดีแล้วล่ะ ต่อไปจะให้พี่ยิ้มมาเป็นผู้จัดการดูแลเราสองคนต่อจากพี่นะ เพราะพี่มีหน้าที่แค่จัดหางานให้พวกเราเท่านั้น ส่วนเรื่องการพาไปทำงานและดูแลคิวจะเป็นพี่ยิ้มรับผิดชอบทั้งหมด” เจ้เอกบอกกับเด็กปั้นทั้งสองคนของเธอ
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อยิ้ม ญานิตานะคะ อายุ23ปี ต่อไปให้น้องสองคนมองพี่ว่าเป็นพี่สาวอีกคนหนึ่งนะเด็กๆ มีปัญหาอะไรมาปรึกษาพี่ได้ พี่จะดูแลเราสองคนให้ดี และดูแลผลประโยชน์ของเราสองคนให้ดีที่สุด” ยิ้ม หรือญานิตาเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เธอเพิ่งจะเรียนจบ แต่ก็ได้รับงานที่ท้าทายพอสมควร เธอมีประสบการณ์ตอนเป็นผู้ช่วย และตอนนี้ได้ขยับตำแหน่งแล้ว ตอนที่เธอเห็นเด็กๆ ทั้งสอง เธอก็เชื่อทันทีเลยว่า ทั้งน้องมิ้นและน้องเข็มจะต้องกลายเป็นซุปตาร์ที่มีชื่อเสียงในอนาคตอย่างแน่นอน
“สวัสดีค่ะพี่ยิ้ม เราสองคนขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” สองเด็กน้อยยกมือไหว้พี่สาวที่ถูกแนะนำว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวของพวกเธอก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้
“ขอฝากน้องมิ้นด้วยนะคะ” ศศิภา มารดาของลลิตาเอ่ยขึ้น
“ขอฝากน้องเข็มด้วยค่ะ” กาญจนาเอ่ยขึ้นเช่นกัน
“คุณแม่ทั้งสองท่านไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะคะ ตลอดระยะเวลาที่ยิ้มมารับผิดชอบดูแลน้องทั้งสอง ยิ้มจะทำให้ดีที่สุด และสุดความสามารถค่ะ” ผู้จัดการส่วนตัวสาวเอ่ยขึ้นเพื่อคลายความกังวลของสองมารดา ทั้งศศิภาและกาญจนาส่งยิ้มให้กับยิ้ม ญานิตาอย่างเบาใจ
ก้าวแรกสู่เส้นทางการแสดงของเขมิกา โชติกุลได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากข่าวเปิดกล้องและแนะนำตัวนักแสดงนำและนักแสดงสมทบผ่านไป คนก็เข้ามาให้ความสนใจในตัวละครของบุตรสาวของพระนางที่ได้เด็กหญิง เขมิกา โชติกุล วัยห้าขวบซึ่งเป็นหลานสาวของอดีตซุปตาร์ผู้ล่วงลับอย่างจิ๋ว จิราภา โชติกุลมารับบทนี้ เรียกได้ว่ากระแสตอบรับท่วมท้น
แฟนคลับของอดีตซุปตาร์สาวต่างออกมาประกาศซัพพอตหลานสาวของดาราที่พวกเขารักต่อไป และมีกลุ่มแฟนคลับใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อคอยซัพพอตเด็กน้อยว่าที่ซุปตาร์คนต่อไป เรียกได้ว่าผู้จัดหน้าบานกันตั้งแต่ละครยังไม่ออนแอร์กันเลย จากตอนแรกกะจะถ่ายจบแล้วค่อยออนแอร์ กลับกลายเป็นว่าช่องเร่งให้ถ่ายทำพร้อมกับออนแอร์ไปเลย ผลมาจากมีบรรดาเหล่าแฟนคลับที่รอคอยชมการแสดงของหลานสาวอดีตซุปตาร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนละครไม่จางหาย นั่นก็เพราะความดีมากมายที่จิ๋ว จิราภร โชติกุลทำเอาไว้ เลยส่งผลให้ผู้คนไม่มีวันที่จะลืมเธอ