ห้าปีผ่านไป
เด็กหญิงเขมิกาและเด็กหญิงลลิตาในวัย10ขวบกำลังนั่งให้พี่ๆ ช่างแต่งหน้า แต่งหน้าอยู่ภายในห้องกว้างๆ ที่มีโต๊ะกระจกเป็นทางยาว นางแบบนายแบบตัวน้อยหลายคนกำลังถูกปรับเปลี่ยนโฉมของตนโดยฝีมือของพี่ๆ ช่างแต่งหน้าที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานเพื่อให้เข้ากับชุดที่ต้องเดินแบบห้าปีที่ผ่านมา เด็กน้อยทั้งสองจับมือกันเดินบนเส้นทางสายบันเทิง ดนตรี และนางแบบ มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกคนต่างรอคอยในวันที่เด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพื่อรับบทบาทที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นไป
“น้องเข็มนี่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยนะคะเนี่ย สวยแบบหาตัวจับยากเลยล่ะค่ะ” ช่างแต่งหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับใบหน้าสวยหวานของนักแสดง นางแบบเด็กเอ่ยชมออกมา
“จริงค่ะ เท่าที่ยิ้มดูพัฒนาการความสวยของน้องเข็มมา ตามที่พี่ว่าก็ไม่ผิดเลยค่ะ เบ้าหน้าดีมาก ราวกับฟ้าประทานมาให้อย่างไรอย่างนั้น”
ยิ้ม ญานิตาเอ่ยขึ้นขณะมองไปที่ใบหน้าหวานของเด็กน้อยวัย10ขวบ เธอดูแลเด็กทั้งสองมาห้าปีแล้ว เห็นพัฒนาการความสวยของเด็กๆ ทั้งสองเป็นอย่างดี
“น้องมิ้นก็สวยนะคะ ไม่ต้องแต่งอะไรมากเลย ใบหน้าคม คิ้วนี่ด๊กดกค่ะ” ช่างแต่งหน้าฝั่งมิ้น ลลิตาเอ่ยชมเด็กหญิงที่ตนกำลังบรรจงแต่งหน้าให้บ้าง
“สวยไปคนละแบบค่ะ อีกคนสวยหวาน อีกคนสวยแบบคมเข้ม”
ผู้จัดการสาวเอ่ยชมเด็กในการดูแลทั้งสองแบบไม่ลำเอียง ลลิตาไม่เคยน้อยใจเลย หากจะมีคนมาเอ่ยชมเพื่อนสนิทว่าสวยมากกว่าเธอ แสดงเก่งกว่าเธอ เพราะเธอยอมรับในความสวย และความสามารถของเขมิกาด้วยใจจริง เขมิกาเธอเกิดมาเพื่อเป็นสตาร์ตัวจริง
“ขอบคุณพี่ๆ ที่ชมเราทั้งสองคนค่ะ” เขมิกายกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณ
“ใช่ค่ะ อันที่จริงเข็มก็สวยมากจริงๆ แหละค่ะ เรื่องนี้มิ้นไม่เถียงเลย คนอะไรก็ไม่รู้ยิ่งโตยิ่งสวย” มิ้น ลลิตาเอ่ยชมเพื่อนรักบ้าง เขมิกาหันไปส่งยิ้มให้กับเพื่อนรัก มิ้น ลลิตาเป็นเพื่อนที่รักและเข้าใจเธอที่สุด
“เด็กๆ น่ารักจังค่ะ รักกันดี แบบนี้ต้องยกความดีให้ผู้จัดการส่วนตัวแบบน้องยิ้มนะคะเนี่ย ที่ทำให้เด็กๆ ไม่ทะเลาะกัน หรือแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน พี่เห็นเด็กบางคนชอบอิจฉาเพื่อน เวลาที่เพื่อนมีคนชมเชยมากกว่า แต่ดูๆ น้องมิ้นกับน้องเข็มจะต่างจากเด็กคนอื่นมากเลยค่ะ”
ช่างแต่งหน้าที่ทำงานในวงการมานานและได้เห็นนักแสดง นางแบบมาหลายๆ รุ่น ต่างเป็นแบบนั้น ชอบใส่หน้ากากใส่กันมากกว่า ผิดกับเด็กทั้งสองที่ไม่อิจฉาริษยากัน แถมยังชมกันเองอีกต่างหาก ยิ้ม ญานิตาส่งยิ้มให้เป็นคำตอบ ก่อนที่เด็กน้อยทั้งสองจะได้ขึ้นเวที
วันนี้เป็นการเดินแบบชุดฤดูร้อนของเด็กๆ ตั้งแต่วัยอนุบาลถึงวัยรุ่น นางแบบและนายแบบรุ่นเยาว์ทั้งหลายต่างทำหน้าที่ของตน เด็กทั้งสองดูจะเป็นที่สนใจในหมู่ของนักข่าวที่มาทำข่าววันนี้ ผ่านมา5ปี เขมิการับบทบาทนักแสดงเด็กมาทั้งหมดห้าเรื่อง เดินแบบอีกนับครั้งไม่ถ้วน และยังมีพรีเซนเตอร์ของสินค้าเด็กอีกหลายชิ้น เธอโด่งดังโดยเพียงเวลาไม่นานในฐานะนักแสดงเด็ก ทางด้านลลิตานั้นก็มีละครสามเรื่อง เดินแบบอีกนับครั้งไม่ถ้วน และมีเป็นพรีเซนเตอร์ของหลากหลายผลิตภัณฑ์เช่นกัน
“โห นักข่าวมากันเยอะเลยค่ะ” มิ้น ลลิตาเอ่ยขึ้นขณะที่รอเดินแบบอยู่ด้านหลังเวที
“ตื่นเต้นหรอมิ้น เราทำงานกันมา5ปีแล้วนะคิกๆ” เขมิกาเอ่ยถามเพื่อนก่อนที่จะขำออกมากับท่าทางตื่นเต้นของเพื่อนสนิท
“จะกี่ปีมิ้นก็ไม่ชินอยู่ดีแหละเข็ม พี่ยิ้ม มิ้นตื่นเต้นแฮ่ๆ” มิ้น ลลิตาตอบเขมิกาก่อนที่จะหันไปบอกผู้จัดการสาว
“สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนมันออกมาช้าๆ คิดซะว่าเรากำลังเดินเล่นอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็แล้วกันนะคะน้องมิ้น” ยิ้ม ญานิตาบอกเด็กน้อยที่ตนดูแลด้วยรอยยิ้ม มิ้น ลลิตามักจะตื่นนักข่าวเสมอแม้เธอจะผ่านงานแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม
“เราทำได้ ท่องไว้สิมิ้น”
มือเล็กเอื้อมไปคว้ามือของเพื่อนมาจับก่อนบีบเบาๆ มิ้น ลลิตามองใบหน้าสวยของเพื่อนสนิทที่มีเครื่องสำอางตกแต่งไว้อย่างบางเบาหากแต่ให้ความสวยงามราวกับเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มมุมปากของลลิตาทำให้เขมิกาส่งยิ้มให้เธอเช่นกัน
เมื่อถึงเวลาเดินแบบ เด็กทั้งสองก็สวมวิญญาณของนางแบบมืออาชีพ เดินอย่างคล่องแคล่ว ไม่มีสะดุด คนที่ตื่นเต้นเมื่อก่อนหน้าก็มองไม่ออกเลยว่าเมื่อสักครู่มีความประหม่าและกังวลมากแค่ไหน สองเด็กหญิงฉีกยิ้มให้กับกล้องที่กดชัตเตอร์มาเสียงดังไม่ขาดสาย งานเดินแบบผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เด็กๆ ได้รับคำชมของผู้จ้างงาน ผู้จัดการสาวยิ้มเต็มใบหน้า ไม่มีครั้งไหนเลยที่เธอจะต้องมากังวลหรือผิดหวังในตัวเด็กทั้งสอง ทั้งมิ้น ลลิตาและเข็ม เขมิกานั้นเวลาทำงานแทบจะมองไม่ออกเลยว่าเป็นเพียงแค่เด็กที่อยู่ในวัยที่กำลังเล่น กำลังเรียนรู้เพียงเท่านั้น
“นี่เราจะไปไหนกันต่อคะพี่ยิ้ม” เขมิกาเอ่ยถามผู้จัดการสาวขณะที่พาเธอและมิ้น ลลิตานั่งรถออกจากงานเดินแบบเมื่อสักครู่มาแล้ว
“คุณแม่ของเราสองคนให้พาไปที่สปาของคุณแม่น้องเข็มค่ะ เห็นว่าจะให้น้องๆ ไปนวดผ่อนคลายสักหน่อย ทำงานยาวกันมาหลายวันแล้วนี่คะ” ยิ้ม ญานิตาตอบขณะที่กำลังสนใจท้องถนนเบื้องหน้าอยู่
“ดีจังค่ะ มิ้นรู้สึกปวดเมื่อยอยู่พอดีเลย” มิ้น ลลิตาบิดร่างบางของตนไปมา เข็ม เขมิกาและยิ้ม ญานิตาได้แต่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม
สามสาวต่างวัยใช้เวลาเดินทางจากงานที่ไปเดินแบบจนถึงห้างสรรพสินค้าที่มารดาของเขมิกามีสปาอยู่เพียงยี่สิบนาทีเท่านั้น ตั้งแต่สองเด็กหญิงย่างก้าวเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้า แฟนคลับที่จำได้ต่างเข้ามาขอลายเซ็นและขอถ่ายรูปจนยิ้ม ญานิตาต้องคอยจัดระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย ใช้เวลาจากแฟนคลับเพียงไม่นานสามสาวต่างวัยก็เดินไปถึงร้านสปาของกาญจนา
“คุณแม่ขาสวัสดีค่ะ สวัสดีพี่ๆ ด้วยค่ะ” เสียงหวานของเขมิกาเอ่ยทักทายมารดาและพี่ๆ พนักงานที่ร้านพร้อมกับยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม เรียกสายตาเอ็นดูจากผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะคุณน้า สวัสดีค่ะพี่ๆ คุณแม่ของมิ้นล่ะคะ” มิ้น ลลิตาก็ทำเช่นเดียวกับเพื่อนสาวก่อนที่จะเอ่ยถามถึงมารดา
“คุณแม่ของหนูมิ้นกำลังมาค่ะ ไปเดินแบบกันวันนี้เป็นไงบ้างคะ สนุกกันไหม” กาญจนาตอบเพื่อนสนิทของบุตรสาว ก่อนที่จะเอ่ยถามเด็กๆ ทั้งสอง
“สนุกค่ะคุณแม่ ยัยมิ้นตื่นกล้องอีกแล้วค่ะคิกคิก...” เข็ม เขมิกาตอบมารดาก่อนที่จะเมาท์เรื่องของเพื่อนสนิทให้มารดาฟัง มิ้น ลลิตาค้อนใส่เพื่อนสนิท
“แต่ก็ทำออกมาได้ดีใช่หรือเปล่า” กาญจนาเอ่ยถามเพื่อนสนิทของบุตรสาว
“ใช่ค่ะ ระดับมิ้น ลลิตาจะพลาดได้ไง” เด็กสาวตอบอย่างมั่นใจ เรียกเสียงหัวเราะจากเข็ม เขมิกาและยิ้ม ญานิตาผู้จัดการสาวได้เป็นอย่างดี
พนักงานจัดแจงพาเด็กทั้งสองไปนวดผ่อนคลายก่อนที่จะทำสปาผิวให้ ศศิภามารดาของมิ้น ลลิตาตามมาสมทบภายหลัง เธอเพิ่งจะออกเวรที่โรงพยาบาล
“สวัสดีค่ะคุณศศิ” กาญจนาเอ่ยทักทายมารดาของมิ้น ลลิตาทันทีที่เห็นหน้า
“สวัสดีค่ะคุณแม่” ยิ้ม ญานิตายกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยทักทายผู้มาใหม่
“สวัสดีค่ะคุณกาญ สวัสดีค่ะน้องยิ้ม” แพทย์หญิงศศิภายกมือรับไหว้ก่อนที่จะทักทายสองสาวต่างวัยกลับ
“น้องมิ้นทำงานเป็นไงบ้างคะวันนี้” เธอหันไปเอ่ยถามผู้จัดการส่วนตัวของบุตรสาว
“แรกๆ ก็ตื่นกล้องเหมือนเดิมค่ะ แต่พอขึ้นเดินบนเวทีก็ทำได้ดีเหมือนเดิมค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ น้องทั้งสองได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ที่งานไม่ขาดปากเลยค่ะ”
ผู้จัดการส่วนตัวสาวเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ศศิภาถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ เธอกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะพักหลังๆ มาอาการตื่นกล้องของบุตรสาวนั้นมักจะกลับมาอยู่เรื่อยๆ ที่มิ้น ลลิตามาเป็นนักแสดงและนางแบบก็เพราะเธออยากจะเอาชนะความกลัวภายในจิตใจ และมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นที่จดจำของผู้คน ทางครอบครัวสุวรรณวาสก็เลยซัพพอตและสนับสนุนให้บุตรสาวได้ทำตามความฝันมาโดยตลอด และเด็กๆ ก็พิสูจน์แล้วว่าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยไม่ใช่ปัญหา สำหรับเด็กหัวกะทิอย่างทั้งสอง
“ผิวน้องเข็มส้วยสวยนะคะ เนียนมากเลยค่ะ ผิวไม่มีรอยอะไรเลย” พนักงานสาวที่กำลังทำสปาขัดผิวให้เด็กหญิงเขมิกาเอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม
“จริงค่ะ มิ้นยังอยากมีผิวเนียนๆ แบบเข็มเลย แต่ผิวมิ้นก็ไม่เนียนเหมือนกับเข็มสักที แถมยังมีขี้แมลงวันบนหลังอีกต่างหาก” มิ้น ลลิตาอวยเพื่อนสนิท ก่อนที่จะอดน้อยใจในผิวของตนเองไม่ได้
“ผิวมิ้นก็สวยนี่ ขี้แมลงวันมันอยู่ใต้ร่มผ้า ไม่มีใครเห็นหรอก ถึงเห็นก็ดูไม่น่าเกลียดหรอกจ้ะ” เข็ม เขมิกาออกความเห็นบ้าง
“จริงค่ะ ผิวน้องมิ้นก็เนียนอยู่แล้วนะคะ รอยขี้แมลงวันไม่กี่จุดเองค่ะ ถึงโชว์ก็ไม่น่าเกลียดหรอกค่ะ”
พนักงานสาวที่กำลังขัดผิวให้กับมิ้น ลลิตาเอ่ยชมเพื่อนสนิทของคุณหนูบ้าง เด็กทั้งสองส่งยิ้มขอบคุณให้กับพี่ๆ พนักงานทั้งสองก่อนที่พนักงานสาวที่กำลังขัดผิวให้เข็ม เขมิกาอยู่เอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“เอ่อ..คือ... ถ้าพวกพี่นวดเสร็จแล้ว พวกพี่ขอลายเซ็นกับขอถ่ายรูปกับน้องเข็มและน้องมิ้นหน่อยได้ไหมคะ พอดีน้องสาวกับน้องชายของพวกพี่เขาเป็นแฟนคลับของน้องเข็มกับน้องมิ้นน่ะค่ะ”
“ได้สิคะ ยินดีเลยค่ะ” เขมิกาตอบพร้อมส่งยิ้มหวานให้พนักงานสาว
“มิ้นก็ยินดีค่ะ ฝากขอบคุณน้องๆ ของพวกพี่มากนะคะที่ชอบพวกเราสองคน”
มิ้น ลลิตาบอกพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน สองสาวพนักงานสปามองหน้ากันก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ น้องๆ ของพวกเธอคงดีใจมาก วันนี้เธอทั้งสองนั้นโชคดีจริงๆ ที่มาทำงานวันที่ซุปตาร์เด็กทั้งสองมาทำสปาที่ร้านพอดี