EP.05
และเมื่อเข้าอีเมลส่วนตัวของหล่อน ย้อนหลังไป 1 เดือนก็เห็นอีเมลที่อิทธิพลส่งมาให้ เขาจึงจัดการลบข้อมูลทั้งหมด รวมทั้งตามไปลบในถังขยะด้วย เพื่อจะแน่ใจว่าไม่มีไฟล์นิยายของเขาอยู่ที่ สนพ.พราวแสงดาว อีก แม้ว่าหล่อนจะถือสัญญา แต่ไม่มีต้นฉบับ ดาราพรรณจะทำอะไรได้อีก
“จบเรื่องสักที คราวนี้ถึงตามึงแล้วไอ้อิทธิ กูจะตามล่ามึงให้ได้”
คำพูดเหี้ยมแต่น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนใจ ก่อนจะพ่นลมออกจากปากเบาๆ เพราะผ่านมาหลายวันแล้ว ความโกรธที่เขามีต่ออิทธิพลก็เบาบางไปด้วย แค่ตอนนี้ได้ต้นฉบับคืนมาก็ถือว่าผ่านไปได้เกินกว่าครึ่ง เหลือแค่ต้องหาอิทธิพลให้พบเพื่อให้มาถอนต้นฉบับออกจาก สนพ.พราวแสงดาว
เพราะแม้ดาราพรรณจะไม่มีต้นฉบับแล้ว แต่เขาก็ต้องรอบคอบไม่ให้อิทธิพลส่งต้นฉบับมาได้อีก ต้องตัดทุกช่องทาง ต้องล้างข้อมูลนิยายเขาออกจากอีเมลและคอมพิวเตอร์ของอิทธิพลด้วย
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ พาตัวเองเดินออกจากโซนผู้บริหาร แม้ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดิ่ง เพราะตลอดชีวิตเขาก็ไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย ทำตัวเหมือนขโมย แม้จะพยายามนึกว่าตัวเองมาเก็บพลอตประสบการณ์การเป็นขโมย แต่ก็เซ็งอยู่ดี
คงเหมือนกับตลอดชีวิตการเป็นนักเขียนนิยาย ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครทำแบบนี้กับเขาได้ การเขียนนิยายที่ใครๆ ก็ว่าน้ำเน่า เพราะต้องใช้จินตนาการล้ำเลิศในการเขียน แต่การถูกเพื่อนขโมยงานไปขายมันน้ำเน่ามากสุดๆ จนเขาเองก็ไม่สามารถจินตนาการไปถึงได้เลย
แต่ตอนนี้ทั้งหมดนั้นคือเรื่องจริง!
จริงสุดๆ ว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์ในงานของตัวเองอีก หากไม่สามารถทำให้ สนพ.พราวแสงดาว ยกเลิกสัญญา แม้ว่าจะมีหลักฐานอยู่เต็มคอมพิวเตอร์ เพราะกว่าจะเขียนนิยายได้ 1 เรื่อง เขาต้องสร้างพลอต สร้างเรื่องราวให้สอดคล้องกัน ต้องหาโลเคชัน หาจุดเชื่อมโยง
แต่หลักฐานที่มีราวจะช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย เมื่อดาราพรรณไม่เล่านด้วย และเขาก็ไม่อยากไปให้ถึงจุดที่ต้องฟ้องร้องกัน อยากให้ทุกอย่างเป็นไปแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น
ดวงตาเจือแววครุ่นคิดมองผ่านออกไปด้านนอกที่ความมืดปกคลุม แต่หนทางก้าวเดินก็ยังมีดวงไฟให้พอให้เห็นทาง เหมือนกับชีวิตของเขาเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
นี่คงเป็นทางเดียวที่เขาจะช่วยอิทธิพลและตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ของอิทธิพลได้ เพราะเขาไม่ลืมว่าพ่อแม่ของอิทธิพลมีบุญคุณกับเขามากเพียงใด หากไม่ได้ท่านทั้งสอง เด็กบ้านแตกอย่างเขาคงจะเปลี่ยนความคิดมารักดีและมีอาชีพดีๆ ได้ยาก
นนท์พาตัวเองเดินลัดเลาะผ่านโต๊ะทำงานแต่จุด พยายามใช้ความมืดกำบังตัวเองให้มากที่สุด ทว่าเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินลงบันไดมาก็ทำให้เขาชะงักก่อนจะแนบร่างเข้ากับผนังห้อง ดวงตาส่ายหาจุดที่สามารถพลางตัวได้ จุดที่จะแน่ใจว่าคนที่เดินลงมาจะไม่มีวันเห็นเขา
แค่คิด แสงไฟก็สว่างวาบพร้อมกับเสียงฝีเท้าลงน้ำหนักเบาแต่ต่อเนื่องนั้นก้าวลงมา
นนท์แนบร่างกับโต๊ะทำงานตัวใกล้สุด สะกดลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ทุกอย่างต้องเงียบ เงียบให้เหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่ความตื่นเต้นใครจะห้ามได้โดยเฉพาะยามที่เห็นข้อเท้าขาวเนียนเพรียวสวยก็รู้ได้ทันทีว่า ‘ผู้หญิง’ ใครล่ะ?
ใจไวเท่าความคิดและดวงตาก็ตวัดมอง
‘ดาราพรรณ’ บรรณาธิการสาวสวยเปรี้ยวเข็ดฟัน แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าจะไร้เครื่องสำอางแต่เขาจำได้ไม่ผิดแน่ เพราะที่เห็นอยู่ตอนนี้ ‘เจ๊ดาว’ ชัดๆ หล่อนอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนขมวดไว้เหนือท้ายทอยอย่างลวกๆ
ดวงตาวาววับเหมือนคนสงสัยอะไรบางอย่างกวาดมองไปทั่วบริเวณที่แสงไฟส่องถึง หล่อนไม่ได้เปิดไฟทุกดวง โดยเฉพาะตรงที่เขาอยู่นี่ก็ลับสายตา ดวงตาสวยเฉี่ยวเหมือนนกรู้มองตรงไปที่ประตูกระจกที่มีสายยูคล้องกุญแจดอกใหญ่เอาไว้
‘รอบคอบ’ นั่นคือสิ่งที่นนท์คิด ถ้าหล่อนรู้ว่าเขาเข้ามาทางประตูหลังบ้าน แล้วไอ้ดินดันเป็นคนบอกช่องทางลับนี้กับเขา มีหวังหล่อนได้ปรี๊ดแตกแน่
แต่ความคิดของนนท์ก็ต้องชะงักกลายเป็นลุ้นและคิดหาทางหนีทีไล่ เมื่อดาราพรรณเดินตรงไปยังสวิตซ์ไฟแผงใหญ่ติดฝาผนัง
แปะ!
เสียงมาพร้อมกับไฟสว่างวาบบริเวณห้องครัว
หัวใจเขาเต้นเร็ว ภาวนาอย่าให้ดาราพรรณเดินไปที่ประตูหลังครัว เพราะเขาแค่งับไว้เท่านั้น หล่อนก้าวเดิน เขาต้องขยับตามไม่ให้หล่อนคาดสายตา ในหัวครุ่นคิดว่าเขาต้องถึงตัวดาราพรรณก่อนที่หล่อนจะกรีดร้องหรือทำอะไรให้คนด้านนอกรู้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกบุกรุก
แต่เขายังไม่ทันขยับ เสียงหนึ่งที่กรีดร้องจากด้านบนชั้น 2 ก็ทำให้คุณ บก. สุดจี๊ดชะงัก
“อึ๊ยยยยย... ใครโทรมาตอนนี้กันนะ”
หล่อนบนเบาๆ ทำหน้าเซ็งสุดขีดก่อนจะถอนใจเฮือกๆ ส่ายใบหน้ากลอกตามองบน เขาเดาว่าหล่อนไม่ชอบเสียงโทรศัพท์นั่น แต่หล่อนก็รีบก้าวเดิน ปิดไฟ และพาตัวเองขึ้นชั้น 2 ทันที