คนถูกเรียกมองเข้าไปก็ใจเต้นระส่ำขณะพึมพำอย่างลังเล “โรดิออน”
“ขึ้นมาก่อนเถอะครับ ข้างหลังรถติดมากเลย” ร่างสูงใหญ่หลังพวงมาลัยเชิญชวนและหญิงสาวก็ชักช้าอยู่ไม่ได้จึงตัดสินใจดึงประตูและก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับก่อนโรดิออนจะบังคับให้รถเคลื่อนออกไป
“ร็อด...คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน” ลดาเอ่ยถามขณะถอดหมวกขนสัตว์ออกมาปัดรอยหิมะและมองไปยังบุรุษที่นั่งข้าง ๆ วันนี้เขายังคงหล่อกระชากใจในชุดเสื้อยืดสวมทับด้วยแจ็คเก็ตขนสัตว์ตัวใหญ่และกางเกงหนังสีดำด้าน
“ผม...เอ้อ...ผ่านมาทางนี้ พอดีเจอคุณ” โรดิออนกล่าวตอบทั้งที่สายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังถนนสายการจราจรคับคั่ง เขาคงบอกเธอไม่ได้ว่า...วันนี้ตั้งใจผ่านมาทางที่ราฟาอิลคนสนิทบอกชายหนุ่มว่ามาส่งผู้หญิงที่เขาทำให้เธอบาดเจ็บตรงส่วนไหนของมอสโก เขาก็แค่อยากเห็นว่าเธอจะออกมาเดินแถวนี้บ้างไหม ซึ่งก็ช่างโชคดี เธอออกมาที่นี่จริง ๆ
“ยังเจ็บแขนมากอยู่หรือเปล่า?...แล้วทำไมออกมาเดินคนเดียวล่ะครับ?”
“ฉันแค่อยากออกมาเดินเล่นน่ะค่ะ วันนี้หิมะไม่ได้ตกหนักอย่างเมื่อวาน ดีจังนะคะ”
“ครับ...หิมะอาจจะเบาลงบ้างในบางวัน แต่รถติดนี่สิทำยังไงก็ไม่เบาลงเลย...คุณมาจากเมืองไทยใช่ไหมครับ?”
“อ๋อ...ใช่ค่ะ”
ลดาเสยผมที่ปล่อยสยายและยิ้มกลบเกลื่อน เธอยังไม่กล้าเปิดเผยตัวเองเลยว่าเธอเป็นใครและวาจาที่เตรียมใช้ในการต่อรองขอยกเลิกงานแต่งก็ดูเหมือนจะถูกผนึกไว้ในกล่องคำพูด หญิงสาวไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงและเพียงอยากรู้ว่าเขาเป็นเช่นไร จึงต้องปกปิดสถานะแท้จริงด้วยยังกริ่งกลัว
“เมืองไทยมีหิมะตกอย่างรัสเซียหรือเปล่า ผมไม่เคยไปเลยสักครั้ง”
“ประเทศของฉันอยู่ในเขตร้อน อากาศไม่หนาวถึงขนาดนี้หรอกค่ะ มากสุดก็แค่น้ำค้างแข็ง ที่สำคัญฉันเพิ่งมามอสโกเป็นครั้งแรก”
“หรือครับ?...ไม่นึกเลยนะครับว่าวันนี้เราจะได้พบกันอีก ถ้าคุณไม่เคยมามอสโกก็อย่าแค่เดินเล่นเลย...อืม...จะรังเกียจไหมครับถ้าผมจะขอไถ่โทษที่ทำให้คุณบาดเจ็บด้วยการเป็นไกด์พาคุณเที่ยววันนี้?”
2
จูบแรกจากชายแปลกหน้า
“จะเป็นการรบกวนคุณมากไปหรือเปล่าคะ ร็อด?”
“ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมเต็มใจก็แล้วกันครับ”
คนตอบหันมายิ้มกว้างและทันได้สบดวงตาส่องประกายแวววาวของหญิงสาวที่ก็อึ้งไปชั่วขณะเมื่อเห็นความหล่อเหลาบนใบหน้านั้นชัด ๆ ตรง ๆ ลดาปฏิเสธตัวเองไม่ลงว่าความประทับใจเล็ก ๆ แต่แรกเห็นบัดนี้เริ่มพอกพูนมากขึ้นเหมือนแสงสว่างที่เริ่มลุกจ้าทุกขณะ เขาคือโรดิออน แม็กซิมานอฟ และเธออยากปฏิเสธบุรุษผู้นี้แต่แรกมิใช่หรือ หญิงสาวย้ำความคิดกับตัวเองตั้งแต่เดินทางพ้นจากน่านฟ้าประเทศไทยว่าทำยังไงก็ได้ที่จะขอยกเลิกการแต่งงาน ทว่าตอนนี้ความหวั่นกลัวต่างหากที่เกาะกุมความหวั่นไหวต่อชายแปลกหน้าซึ่งอีกไม่ช้าเธอจะต้องเจอเขาในอีกสถานะ
“ลดาอยู่เมืองไทย คุณทำอะไรที่นั่นครับ?”
“ฉันเรียนจบด้านศิลปะค่ะ ฉันชอบวาดรูป อยากมีแกลเลอรี่เป็นของตัวเอง”
“โอ...นั่นเป็นความฝันของคนทำงานศิลปะแทบจะทุกคน ผมเองก็ชื่นชมผลงานที่มีคุณค่าพวกนี้ แต่บางครั้งภารกิจและการเดินทางก็ทำให้ไม่มีเวลาได้ซื้อหางานศิลปะอย่างจริงจัง รัสเซียน่ะเป็นประเทศที่มีศิลปินและศิลปะชั้นยอดอยู่มากมาย ผมไม่รู้ว่าแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานมาจากระบอบการปกครองยุคเก่าหรือเปล่า ตอนนี้รัสเซียใหม่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล ผมว่ามันเหมือนต้นไม้ที่เติบใหญ่จากเถ้าถ่านภูเขาไฟ ถึงทุกอย่างจะระเบิดและกลายเป็นฝุ่นผงปลิวหายไปในสายลม แต่ลูกไม้เล็ก ๆ ก็ยังคงฝังรากอยู่ใต้เถ้าถ่านและรู้ว่าถึงเวลาที่มันจะงอกงามแล้ว...เอ้อ...ผมพูดอะไรมากไปหรือเปล่าครับ ลดา”
“ไม่ค่ะ...ไม่เลย” หญิงสาวทอดน้ำเสียงอันนุ่มนวลและสบกับนัยน์ตาสีเหล็กกล้าบนใบหน้าคร้ามคมซึ่งหันมามองเธอบ่อยครั้งที่แตะคันเบรกเบา ๆ ทำไมเธอต้องมาเจอเขาและแสร้งทำเหมือนไม่รู้ว่าแท้จริงคนที่อยู่ใกล้เวลานี้เป็นใคร ลดาเริ่มสับสนและคิดว่าเธอควรผนึกความเป็นตัวตนไว้เพราะไม่รู้จะบอกให้โรดิออนรู้ได้อย่างไรว่าเธอคือคู่หมายของเขา
“ถ้าคุณชื่นชอบงานศิลปะ คุณต้องชอบสถานที่นี้เป็นแน่”
โรดิออนหันมาบอกหญิงสาวขณะชลอรถที่แล่นฝ่าการจราจรคับคั่งในตัวเมืองกระทั่งมาถึงยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งทำให้เธออ้าปากค้างกับสถาปัตยกรรมอันงดงามบนลานกว้างนอกหน้าต่างรถยนต์
“มหาวิหาร เซนต์ เบซิล (อังกฤษ: Saint Basil's Cathedral; รัสเซีย: Собор Василия Блаженного) ...สัญลักษณ์ของมัสกวา (มอสโก) แน่นอนที่มันช่วยยืนยันคำพูดที่ว่า มัสควา คราซีวายา...มอสโก เป็นเมืองที่สวยงาม”
รอยยิ้มอ่อนหวานระบายอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มเมื่อเขาเคลื่อนรถเข้าไปจอดในบริเวณใกล้กันกับสิ่งที่กำลังอวดความอลังการอยู่ในดวงตาของหญิงสาว ลดาก้าวขาลงจากบีเอ็มดับเบิ้ลยูพร้อมคนขับและแม้ละอองน้ำแข็งสีขาวบริสุทธิ์จะร่วงหล่นลงมาปกคลุมไปทั่วเธอก็ยังคงมองเห็นความงามของสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานเปล่งรัศมีเจิดจรัสท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ