Chapter 3 **คนนี้ข้าจอง** 1

1393 Words
ตกเย็นในวันเดียวกัน เป็นเวลาเลิกงานของท่านประธานอย่างตฤณ แต่ยังไม่กลับบ้านเสียทีเดียว เขาแวะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส พร้อมกับพบปะเพื่อนๆ เพื่อพูดคุยไปด้วยตามประสานักธุรกิจพันล้าน ตุบตับ! ตุบตับ! ตุบตับ! เสียงหมัดหนักๆ ของตฤณ รัวใสกระสอบทรายไม่ยั้ง ตามด้วยเสียงหอบหายใจ กระสอบทรายขนาดใหญ่เหวี่ยงไปมาตามการรัวหมัดเป็นจังหวะ ถือเป็นการออกกำลังกายและได้วิชา เพราะที่นี่คือเวทีมวย ให้ขึ้นไปฝึกฝนการต่อสู้โดยมีครูฝึกผู้ชำนาญการเป็นอย่างดี ตฤณก็มาอาศัยออกกำลังกายเรียกเหงื่อ แต่ได้วิชามวยติดตัวจนเรียกได้ว่าเก่งเชียวแหละ มีครูฝึกสอนทั้งมวยสากลและมวยไทย “เฮ้ย! ตฤณมาเจอกันหน่อยสิเพื่อน” เพื่อนคนหนึ่งเรียกขึ้นขณะที่กำลังก้าวขึ้นเวที ทำให้ตฤณหยุดชะงักหายใจหอบ พร้อมกับเอาหมัดกระแทกกันเพื่อวอร์ม “ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเซ็งขนาดนั้น ขึ้นมาเรียกเหงื่อกันหน่อย” “ฉันเรียกเหงื่อมาเป็นชั่วโมงอยู่แล้ว” “ป๊อดเหรอท่านประธาน ขึ้นมา ไม่ทำให้หมดหล่อหรอกน่า” เพื่อนแกล้งแซว หรือเรียกว่าท้าทายก็ยังได้ เพราะถ้าไม่ขึ้นไปเรียกว่าปอดแหก จะให้เสียชื่อไม่ได้ แรงเชียร์จากเพื่อนๆ และครูฝึกในยิมก็กระตุ้นเสียเหลือเกิน จนตฤณตัดสินใจขึ้นไปบนเวที “กติกาไม่ต้อง ฟรีสไตล์” เพื่อนบอกพร้อมกับเต้นฟุตเวิร์ค แต่ไม่ทันที่จะได้เตรียมตั้งการ์ด ตฤณเหวี่ยงไปหนึ่งหมัดเต็มๆ หน้า ตุบ! “โอ๊ย! ไอ้ตฤณ ข้ายังไม่ได้เตรียมตัว” “ไม่มีกติกา ฟรีสไตล์ จำได้ไหม” “ไอ้บ้า! ตั้งหลักก่อน” เขาพูดไปพลางก็จับจมูกตัวเองไปพลางเพราะไม่รู้ว่าเลือดไหลหรือเปล่า แต่ชั่วอึดใจตฤณก็สอยไปอีกหมัด ตุบ! ตามด้วยต่อยท้อง ตุบ! “โอ๊ย! ตฤณ! ฟิตมาจากไหนวะเนี่ย” “ใจมันฟิตว่ะ” ตุบ! สิ้นคำตฤณก็เสยหมัดเข้าที่ปลายคาง รัวไม่ยั้งอย่างกับนักมวยจะเอาเหรียญทอง เรียกได้ว่าไม่ให้เพื่อนตั้งตัวจนล้มฟุบลงไปกอง หายใจหอบแฮกๆ “เดี๋ยว นับก่อน” เพื่อนบอกเพราะความจุก “เร็วๆ เครื่องกำลังร้อน” ตฤณบอกพร้อมกับฟุตเวิร์ค ขณะที่เพื่อนยังลุกไม่ขึ้น “ฟิตเหลือเกิน! ฟิตเหลือเกิน! ไปเติมพลังกับสาวๆ มาใช่ไหมเนี่ย” “สาวๆ เหรอ ใช่เลยแหละ มีแรงชีวิต รู้สึกสดชื่น” สิ้นคำเขาก็ประคองเพื่อนขึ้นยืนแต่ไม่ได้มีน้ำใจแค่จะซ้ำรอยเดิม ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตฤณรัวสามหมัดใส่ท้องแข็งๆ ของเพื่อนก่อนจะตามด้วยเข่าแล้วสับศอกอีกที “โอ๊ย! ตะ ตะ ตฤณ อ้า!” เพื่อนได้แต่เรียกไปด้วยจุกไปด้วย ก่อนจะถูกน็อกด้วยศอกแล้วล้มตึงไปเลย “โว้วววว” ทุกคนที่ดูร้องขึ้นพร้อมกันไม่ได้ตกใจหรือเป็นห่วงหรอก แต่ตื่นเต้นที่เพื่อนถูกน็อกมากกว่า “นับ 1 2...” ตฤณสั่งทุกคน ทว่าเพื่อนกลับโบกมือปฏิเสธ “มึงไม่ต้องนับ กูจะตายแล้ว” “นี่แค่ยังไม่ถึงยก ยังขนาดนี้” ตฤณพูดพลางนั่งย่องๆ บนส้นเท้า โดยไม่ได้คิดจะพยุงเพื่อนเลย แต่กลับทำสีหน้าเยาะเย้ยอีกต่างหาก “สาวๆ ทำให้แกฟิตหรือไงวะเนี่ย ว่าแต่พูดงี้จะมีแฟนแล้วเหรอ” แหมเนื้อตัวยังเจ็บระบมอยู่เลย แต่อดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ “ทำไมต้องแปลว่าฉันมีแฟนวะ” ตฤณถามยิ้มๆ “อย่าเอะไปนะครับ เลขาใหม่สวยมากกกก จะไม่ให้ชุ่มชื้นหัวใจได้ไง” ก้องการุณผู้ช่วยของตฤณแทรกขึ้น ทำให้ตฤณมองตาขวางก่อนจะลงจากเวที “เฮ้ยจริงดิ!” จากที่ลุกไม่ขึ้น ก็รีบพรวดพราดลุกทันที แต่ก็มีครูฝึกเข้ามาประคอง ซึ่งเจ้าตัวก็ยังจุกอยู่มากจนต้องเอามือกุมท้องเอาไว้ “ไอ้ตฤณ เล่ามา เล่าๆๆ” “เอ็งเอาตัวเองให้รอดก่อน” ตฤณบอกอย่างไม่แยแส พลางถอดนวมออกจากมือ “รอดแล้ว ไม่ตาย แต่อยากรู้ ผู้ช่วยแกบอกจริงเหรอ” “ทำไมสอดรู้สอดเห็น” ตฤณว่าเสียงทุ้ม “แต่วันนี้ท่าทางแกดูแปลกๆ กระชุ่มกระชวย เรื่องจริงใช่ไหม” เพื่อนยังคงเซ้าซี้แล้วถ้าปฏิเสธ เกิดวันใดวันหนึ่งเพื่อนเห็นหญิงสาวเข้าแล้วขายขนมจีบจะทำอย่างไร แบบนี้ต้องแสดงตัวก่อนได้เปรียบ “ก็มีแหละ” ตฤณตอบเป็นนัยๆ “สวยขนาดไหนวะ ถึงขั้นผู้ช่วยแกออกปากเนี่ย” “สวยขั้นเป็นดาราได้เลยครับคุณทศ” ผู้ช่วยของตฤณแทรกขึ้น “เฮ้ย! แบบนี้ต้องไปให้เห็นกับตา แต่จองก่อนเลยได้ไหม ข้าก็โสดมาตั้ง 6 เดือนแล้ว” เพื่อนบอก ซึ่งจริงจังกับทุกเรื่องที่พูด ไม่เคยพูดเล่น ฉะนั้นมีหรือตฤณจะยอม “คนนี้ข้าจอง” ตฤณบอกเสียงเข้ม “อะไรนะ! แกจะจองพนักงานสาวทุกคนไม่ได้” “ข้าจองคนนี้ มีอะไรป่ะ แล้วไม่เคยจองพนักงานโว๊ย บ้าเหรอ” “ทำเสียงดุ! ทำเสียงดุ! ชักอยากจะเห็นจริงๆ แล้วสิ ว่าแต่อายุเท่าไหร่ จบอะไรมา มาสมัครงานกับแกได้ยังไง แล้วชอบตั้งแต่แว๊บแรกเลยเหรอวะ” “อยากรู้อยากเห็นนะเราน่ะ” ตฤณว่าให้เพื่อนอีกครั้ง “อย่ามาชักสีหน้าเคร่งน่า หวงเหรอ ไม่เอาก็ได้ แต่บอกมา” “พรหมลิขิตมั้ง” “โว้วววว” เสียงเพื่อนๆ ในยิมโห่แซวขึ้นมาอีกแล้ว เรียกว่าหมั่นไส้จะดีกว่า “อะไร! ทุกคนไม่รู้จักพรหมลิขิตหรือบุพเพสันนิวาสเหรอ รักแรกพบไรงี้” “เว่อร์มากไอ้ตฤณ ไม่ใช่รักแรกพบหรอก แต่คนอย่างแก พวกเอาแต่ใจ คนไหนสวยก็จะจองเลยไม่ให้ใครมาตัดหน้า” “เอ่อ ฉันจะเอาคนนี้ อย่ามายุ่ง” “ว่าแต่ชื่ออะไรวะ บอกหน่อยสิ สัญญาไม่ยุ่ง” “ชื่อคุณหยาครับ ชื่อจริงปั้นหยา” ผู้ช่วยแทรกขึ้นอีก “ชื่อน่ารักอะไรอย่างงี้ ตัวจริงก็ต้องน่ารักแหงๆ” “ไม่! ไม่น่ารัก! ด่าเก่งมาก” ตฤณโผลงออกมาด้วยความลืมตัว เพราะเขายังจำเรื่องเมื่อเช้าได้ เธอด่าไฟแลบมาก “อะไร ได้ด่ากันแล้วเหรอ” “ก็... เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันเห็นเธอด่าคนอื่นน่ะ” พอได้สติตฤณก็รีบปฏิเสธทันที “แกไม่ได้โดนด่าเองใช่ไหม ระดับท่านประธานก็ว่าไม่น่านะ” “ไม่! ใครจะกล้ามาด่าประธานบริษัทอย่างฉัน” “ด่าไฟแลบแล้วไหงชอบได้ล่ะ ถามจริง” “แกเลิกถามได้แล้วนะ อยากขึ้นเวทีอีกสักยกไหม” “แหม หาเรื่องต่อยซะอย่างนั้น ไม่เอาแล้วยังจุกอยู่เลยเนี่ย” “ขนาดจุกยังสอดรู้สอดเห็นเก่งขนาดนี้ ถ้าปกติดีจะขนาดไหน” “อาบน้ำแล้วกลับบ้านดีกว่า” ว่าแล้วตฤณก็ลุกหนีจากเพื่อนทันที ขี้เกียจอยู่ให้ซักถาม แต่ทศพลก็มุ่งมาถามผู้ช่วยแทน “เรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมเจ้าตฤณมันดูแปลก เหมือนมีความรัก เธอคนนั้นต้องเลิศขนาดไหน” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับคุณทศ แต่ว่าตัวจริงเธอสวยจริงๆ ครับ แล้วนิสัยคุณท่านก็รู้ๆ กันอยู่ อะไรถูกใจก็จะเอาให้ได้แหละ คนโสดนี่ครับทำไงได้” “ไว้ว่างๆ จะไปเยี่ยมที่บริษัทนะ อยากเห็นกับตา” ทศพลกล่าวยิ้มๆ “หึๆ ครับผม ผมขอตัวนะครับ จะได้พาคุณท่านกลับ เอ่อคุณทศโอเคแล้วใช่ไหมครับ ไม่จุกแล้วนะ” “จุก! เจ็บต้นคอด้วย เรียกคนขับรถที่มันรออยู่ข้างนอกมารับข้างในด้วยละกัน” “ฮ่าๆ ได้ครับ ขอตัวนะครับ” ว่าแล้วผู้ช่วยหนุ่มก็รีบออกไปพร้อมกับหัวเราะชอบใจ เหมือนเยาะเย้ยที่ทศพลท้าต่อยกับตฤณ ราวกับอยากจะชนะแต่หมดท่าเสียก่อน ส่วนตฤณก็รีบอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคลจากการออกกำลัง เสร็จเรียบร้อยแล้วก็แต่งตัวแล้วออกไปจากยิมทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD