Chapter 2 **โคตรซวยซ้ำซ้อน** 3

905 Words
ต่อมา ทางปั้นหยาก็กลับมาถึงบ้านเช่าด้วยท่าทางอ่อนเพลีย หมดแรง ด้วยการทิ้งตัวลงบนโซฟา แต่ยังไม่ทันจะได้หายเหนื่อย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์มือถือดังจนสะดุ้งเลยทีเดียว “ค่ะแม่” ปั้นหยากดรับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย “วันนี้สัมภาษณ์งาน เป็นยังไงบ้างลูก ผ่านไหม” นี่คือสิ่งที่มารดาห่วงที่สุดสินะ เธอคิด “เอ่อ... ก็... ยังค่ะ ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะแม่ หาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเขาก็รับเองแหละ” “กลับบ้านมาพักก่อนไหมลูก นี่โดนปฏิเสธมากี่บริษัทแล้วเนี่ย” “แค่สิบเองค่ะ อย่าซีเรียสสมัยนี้งานมันหายาก” “ยังไงแม่ก็เป็นห่วง พอเรียนจบก็ขอหยุดรับเงิน แล้วนี่เงินเหลือเท่าไหร่ พอไหม” “แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะคะ หยาหาเองได้ หยาขอพ่อกับแม่มาทั้งชีวิต กว่าจะเรียนจบ ให้หยารู้สึกมีคุณค่าในตัวเองหน่อยเถอะค่ะ นี่ยังพยายามไม่พอเลย อีกอย่างบ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวย จะให้หยาแบมือขอตลอดไปไม่ได้” “ในยามฉุกเฉินก็ให้ได้” “ยังไม่ฉุกเฉินค่ะ หยายังมีเงินเก็บ เพียงแต่ต้องมีงานภายในเดือนนี้ให้ได้ จะได้มีเงินพอใช้” “ถ้าไม่ไหวก็บอกแม่กับพ่อ อย่าหยิ่งนักเลย” “หยาไม่ได้หยิ่ง แค่อยากหายใจด้วยตัวเอง แม่สปอยหยาตั้งแต่เล็กจนโตแล้ว หยาดูแลตัวเองได้ค่ะ” “แล้วบ้านเช่าที่เพิ่งย้ายไปเป็นยังไงบ้างลูก” “ก็ดีค่ะ หลับสบาย เป็นบ้านชั้นเดียว แต่ยังไม่มีเพื่อนบ้าน เพราะละแวกที่หยาอยู่บ้านคนรวยทั้งนั้นเลย” “ก็แล้วทำไมถึงไปเช่าแถวนั้นล่ะ” “เพื่อนหยาแนะนำไง บ้านญาติค่ะ มันไม่เปลี่ยว คนพุกพล่าน โครงการหมู่บ้านใหญ่ มีบ้านตั้งแต่ราคาย่อมเยาว์ไปจนถึงแพงหูฉี่ บ้านที่หยาเช่าก็ไม่แพงค่ะ ไม่หลังใหญ่หรอก” “แล้วโซนที่อยู่เปลี่ยวหรือเปล่า แม่ว่าจะชวนพ่อไปเยี่ยมซะหน่อย” “โอ๊ย! ไม่ต้องมาค่ะ ไม่เปลี่ยวเลย ถ้าเปลี่ยวหยาไม่อยู่หรอก” “ไม่ไหวให้บอกนะลูก หรือไม่ก็กลับมาพักที่บ้านสักเดือนสองเดือนแล้วค่อยไปเริ่มต้นใหม่” “ไม่ต้องห่วงค่ะ แม่แค่อวยพรให้หยาได้งานเร็วๆ ก็พอ” “งั้นขอให้ได้งานเร็วๆ นะลูก แล้วก็เรียนจบแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตให้มีแฟนได้ ขอให้ได้แฟนหล่อรวยสายเปย์เลยนะ โอเคไหม” “โอ๊ยแม่อ่ะอย่าเพิ่งสิ ยังไม่อยากได้หรอกค่ะ ปวดหัว” “ทำไม มีแฟนมันน่าปวดหัวตรงไหน” “ขี้เกียจอ้อน ขี้เกียจออเซาะพูดหวาน รำคาญเวลามีคนมาอ้อนอ่ะ เห็นเพื่อนมีแฟนแล้วรำคาญ งุ้งงิ้งอยู่ได้พูดเสียงสองเสียงสาม” “นั่นเรียกว่าอิจฉา ไม่ได้เรียกว่ารำคาญ” “เหมือนกันนั่นแหละค่ะ” “ระวังไว้ ไม่ชอบแบบไหนตัวเองก็จะเป็นแบบนี้ สาธุมีแฟนสักทีเถอะแม่จะคอยดูว่าเราจะเสียงสองเสียงสาม อ้อนแฟนเราหรือเปล่า” “แม่อ่ะ ไม่คุยด้วยแล้ว แค่นี้นะคะ หยาเพิ่งกลับจากสัมภาษณ์งานว่าจะอาบน้ำซะหน่อย เหนียวตัว” “จ้ะ จำคำตัวเองไว้ด้วยล่ะ” มารดาอดแซวไม่ได้อีกครั้ง “แซวเก่ง แค่นี้นะคะ” สิ้นคำเธอก็เป็นฝ่ายวางสายเสียก่อน แล้วก็ขัดเขินอย่างประหลาด ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรเหมือนกัน “วันนี้มันเป็นอะไรที่... โคตรแย่เลย เสียฤกษ์ตั้งแต่เช้า แล้วบ้าบอต้องไปกันเจอกันอีก พีคสุดคือเขาเป็นประธานบริษัท จ้างแสนหนึ่งก็ไม่ทำ ชิ” ปั้นหยาบ่นอุบด้วยความหงุดหงิด แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขาขับรถออกจากซอยเหมือนกันนี่นาแสดงว่าบ้านอยู่ในซอยนี้ “บ้าน่า! มันไม่ได้บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้งหยา ไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก คฤหาสน์หลังไหนล่ะเนี่ย ขออย่าได้เจอเลย คนอะไรให้เราไปกินมื้อค่ำด้วย ขี้หลีชัดๆ หัวงู” ปั้นหยาว่าให้เขา แต่แล้วอยู่ๆ ความสงสัยใคร่รู้ก็พาให้ตัวเองออกจากบ้าน ไปสอดส่องกลางซอยดูว่าบ้านหลังไหนจะเป็นของเขา ซึ่งก็มีแต่หลังใหญ่ๆ ทั้งนั้นแหละ ขณะที่ปั้นหยากำลังยืนมองบ้านแต่ละหลังอย่างเพลินๆ อยู่นั้น จังหวะเอี้ยวตัว ก็ต้องตกใจเมื่อมีรถเก๋งสีดำจอดอยู่นิ่งๆ มองไม่ออกว่าคนในรถคือใคร แต่คนในรถมองมาที่เธอ เท่านั้นแหละความกลัวก็แล่นจับใจ จนต้องรีบกลับเข้าบ้านปิดประตูรั้วทันที แล้วแอบมองผ่านหน้าต่าง ซึ่งยังเห็นว่ารถจอดอยู่ “มองมาในบ้านด้วย” ปั้นหยาตกใจ ก่อนจะหลบหน้าเข้าไปดังเดิม พร้อมกับปิดผ้าม่าน “เขามาหาเพื่อนมั้ง อย่าคิดมาก” ปั้นหยาปลอบใจตัวเอง จากนั้นจึงเข้าห้องแล้วจัดการธุระส่วนตัวในทันที เพื่อจะได้ลืมๆ เรื่องวันนี้ ส่วนคนที่มาทำให้ปั้นหยากลัวนั้น ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอเห็นหรือเปล่า แต่เท่าที่สังเกตเธอน่าจะรู้ตัว แต่คงไม่เห็นหน้ากัน พอสืบอะไรได้นิดหน่อยแล้วก็กลับบริษัทเพื่อไปรายงานความคืบหน้ากับเจ้านายแสนเจ้าเล่ห์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD