บทที่ 1 เจอกันครั้งแรก

2088 Words
สองปีที่แล้ว... เสน่ห์ของเมืองกรุงฯ คงเป็นวันยุ่ง ๆ ของใครหลายคน รถเมล์ที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน ลิฟต์ที่เต็มจนต้องต่อคิวยาวไปจนถึงหน้าประตูทางเข้า เช้าที่แสนวุ่นวาย เสียงตะโกนของผู้คน ฝ่าเท้าในส้นสูงของผู้หญิงที่ดังกระทบพื้น “หมอปิ่นจ๊ะ!” กระนั้นความวุ่นวายก็ไม่ได้ทำให้ความสดใสบนใบหน้าของแพทย์สาวจางหายไป เธอหันขวับไปตามเสียงเรียกนั้น “อ้าว! คุณยาย...” เธอทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย คนที่เจอคนไข้มาหลายสิบคนต่อวันนั้นก็คงมีหลงมีลืมบ้าง แต่สำหรับคนไข้ที่เจอแค่หมอเพียงคนเดียวนั้นจำได้ขึ้นใจว่าใครที่มีพระคุณ รักษาอาการเจ็บไข้จนหายเป็นปกติ “ยายผึ้งจ้ะ” “อ้อ ใช่...ยายผึ้ง หนูจำได้ค่ะ แต่ว่ามันติดที่ปากนิดหน่อย” เธอเดินเข้าไปหา ประคองไหล่ของคุณยายเบา ๆ กลัวว่าคนที่เดินกะโผลกกะเผลกคนนี้จะล้ม “ฮ่า ๆ ไม่ต้องมาหลอกยายหรอกจ้ะ ยายไม่ว่าอะไรหากคุณหมอจะลืม” ปิ่นมุกหัวเราะเบา ๆ เธอจะไปหลอกคนอาบน้ำร้อนมาก่อนได้อย่างไร “ว่าแต่ทำไมคุณยายถึงมาที่นี่อีกคะ หรือว่า...” เธอไม่อยากพูดเลย ความสุขของแพทย์อย่างเธอก็คงเป็นการรักษาคนไข้จนหายและไม่มาโรงพยาบาลอีก “เปล่าจ้ะ พอดีผ่านมาทางนี้เลยอยากเอาของมาฝากคุณหมอน่ะ” “หืม...อะไรคะ ไม่เห็นต้องลำบากเลย” “ไม่ได้ลำบากเลยค่ะ คุณหมอดูแลยายมานานมากเลย ไม่ได้เจอคุณหมอเลยนึกถึงค่ะ” “หึ รู้ไหมคะ...การไม่เจอยายเป็นความสุขของหนูมากต่างหาก พอเห็นยายที่นี่หนูตกใจมากค่ะ กลัวว่าคุณยายจะป่วยอีก” “ฮ่า ๆ ยายไม่ป่วยแล้วจ้า” คนอาวุโสกว่าเอ่ยพูดพร้อมกับยื่นถุงผักสดให้กับคุณหมอสาว “ขอบคุณนะคะ” จะไม่รับก็กระไรอยู่ เธอไม่ใช่คนกินผัก แถมทั้งงานและเรียนของเธอทำให้ไม่ว่างพอที่จะทำกับข้าวเอง แต่รับไว้ก็ไม่เสียหาย เป็นน้ำใจและเรื่องราวในชีวิตดี ๆ ของเธอ ทว่า “หมอปิ่น!” เสียงเรียกชื่อคุ้นหูทำให้เจ้าของชื่อหันไปมองตามเสียงเรียก พบว่าเป็นเพื่อนของเธอเอง “คุณหมอไปทำงานเถอะค่ะ” “อ้อ ค่ะ เหมือนจะมีงานด่วน” เธอครุ่นคิดเล็กน้อย เพื่อนชายเรียกเสียงดังพร้อมกับวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา ทำให้ปิ่นมุกเริ่มคิดว่าอีกฝ่ายคงมีธุระเร่งด่วน ...เธอบอกลาคุณยาย ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนที่วิ่งหน้าตื่นมาหา “มีไรนพ” นพณัชยังคงหายใจหอบเหนื่อย การวิ่งหาเพื่อนที่ไม่รับโทรศัพท์นั้นมันเหนื่อยมากจริง ๆ เพราะไม่รู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน “ทำไมไม่รับสาย อาจารย์มาแล้ว”​ “หา!!...” เธอเบิกตากว้าง ยกแขนขึ้นมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “ให้ตายสิ คงไม่โดนเขม่นตั้งแต่วันแรกหรอกนะ” “หึ ไม่แน่ ยิ่งมีคนบอกว่าเขาโหดอยู่” “โอ๊ย! แล้วแกจะพูดเพื่อ...” ปิ่นมุกบ่นเพื่อนรักระหว่างก้าวขาเดินอย่างฉับไวไปที่ลิฟต์ที่ใกล้ที่สุด “ฮ่า ๆ แต่ไม่หรอก แกก็บอกไปสิว่าเจอคนไข้” “เฮ้อ ก็หวังว่าเขาจะไม่กินหัวฉันตั้งแต่เจอกันวันแรกนะ” “ใครจะกินใครกันแน่ ฉันว่าเธอจะกินหัวเขา” “ฮ่า ๆ แกก็พูดเกิน” ปิ่นมุกหัวเราะเบา ๆ ปกติแล้วเธอเป็นคนไม่ยอมใคร แม้นแต่อาจารย์ รุ่นพี่ใด ๆ เอยไม่เคยยอมหากว่าไม่ผิด แต่ก็ต้องดูก่อนว่าอาจารย์แพทย์คนใหม่คนนี้จะมารูปแบบไหน ...ทั้งสองขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นแปด เป็นชั้นของแผนกศัลยศาสตร์หัวใจและหลอดเลือด ทั้งชั้นนั้นจะประกอบไปด้วยห้องพักฟื้นผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยโรคหัวใจขั้นวิกฤต ห้องผ่าตัด ห้องพักแพทย์ รวมถึงห้องพักอาจารย์แพทย์ ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ คนไข้ล้นโรงพยาบาลแทบทุกวัน ที่นี่จึงวุ่นวายตลอด ปิ่นมุกเดินออกจากลิฟต์พร้อมกับเพื่อนชายที่เรียนแพทย์มาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่ง ทั้งสองสนิทกันมาก เรียกได้ว่าถ้าเห็นหมอปิ่นก็ต้องเห็นหมอนพ “นั่นไง เขายืนอยู่นั่น” นพณัชชี้ให้เพื่อนดู ก่อนที่ปิ่นมุกจะยกแขนขึ้นมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ เธอช้าไปสิบนาทีคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง “เอ่อ สวัสดีค่ะอาจารย์ณัฐกฤต” พอไปถึงเธอก็เอ่ยทักเขา ทำให้คนตัวสูงที่หันหลังให้อยู่นั้นค่อย ๆ เอี้ยวใบหน้าหันมามองเธอ แต่ทว่า “ทิพย์?” เขากลับพึมพำชื่อใครบางคนที่หล่อนไม่รู้จัก “คะ?” คนตรงหน้าเลื่อนสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ “ผมคงจำผิดคนไป” เอ่ยพูดเสียงเย็นชาหน่อย ๆ “อ้อ ค่ะ...ฉันชื่อปิ่นมุก จารุณภา เป็นแพทย์เฉพาะทางต่อยอดค่ะ พอดี เอ่อ...คือ” อุตส่าห์เตรียมคำพูดมาซะเยอะ แต่พอเจอสายตาของเขาก็ทำเอาไปไม่เป็น ซึ่งอีกฝ่ายก็จ้องราวกับจะกินเนื้อเธออย่างไรอย่างนั้น แถมเขายังหล่อเป็นบ้า “เธอมาช้า” “เอ่อ ชะ ใช่ค่ะ พอดีว่าเจอคนไข้ที่รักษาหายแล้วเอา เอ่อ ของฝากมาให้ นี่ค่ะ” เธอชูถุงพลาสติกที่ข้างในมีผักนานาชนิดอยู่ “_” ขณะณัฐกฤตนั้นก็เอาแต่มองหน้าของเธอ จนคนถูกมองไปไม่เป็น จะไม่ให้มองได้อย่างไร ก็เธอหน้าเหมือนกับแฟนเก่าของเขาที่เพิ่งเลิกรากันไป “เอ่อ ขอโทษนะคะ ต่อไปนี้จะไม่มีอีกค่ะ” ว่าเสียงหนักแน่น ลืมไปว่าการขอโทษที่ดีไม่ควรแก้ตัว แต่เป็นการปรับตัวต่างหาก “อืม” เขาเองก็ไม่ได้เข้มงวดอะไร เวลานี้ไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นความตายของคนไข้ แต่ถ้าเกี่ยวขึ้นมาละก็...เขาก็ไม่ปล่อยไว้แน่ ๆ “เอ่อ วันนี้...” “วันนี้ผมมีผ่าตัดแทน คุณเข้ามาเป็นผู้ช่วยก็แล้วกัน” เอ่ยพูดเสียงราบเรียบ ก่อนจะยื่นชาร์ตคนไข้ให้เธอ “ลองคิดมา ว่าจะทำยังไง” “เอ่อ อ้อ ค่ะ โอเคค่ะ” ประหม่าเล็กน้อย แม้นว่าไม่ใช่การเข้าห้องผ่าตัดครั้งแรก แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไปในฐานะแพทย์ผู้ช่วยผ่าตัด “เอ่อ ขอเวลาหน่อยนะคะ” “สิบนาที ก่อนผ่าตัด” เขายกแขนขึ้นมองเวลาบนนาฬิกา แต่พอจะเดินจากไปก็นึกอะไรบางอย่างออก “รู้ไหม ถ้ามาเร็วกว่านี้คุณจะได้เวลาเตรียมตัวยี่สิบนาที” “เอ่อ...ค่ะ” พูดไม่ออกเลยทีเดียว ปิ่นมุกเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก่อนที่เธอจะเดินถือชาร์ตคนไข้ไปหาคนเป็นเพื่อน “เอาไงดีแก ฉันได้เข้าห้องผ่าตัด เป็นผู้ช่วย!” เธอพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้นระคนหวาดกลัว “เฮ้ย ดีแล้วนี่ ว่าแต่ทำไมอาจารย์มองมึงอย่างนั้นวะ มองจ้องเหมือนกับมองอะไรสักอย่าง” “นั่นสิ มอง...แปลก ๆ” เธอเอ่ยพึมพำเสียงแผ่วเบา อยู่ ๆ ลำคอก็แห้งผากแถมยังใจเต้นแรงขึ้นมา เธอส่ายหน้าเบา ๆ ไม่อยากคิดเรื่องชู้สาวเลย เขาเป็นอาจารย์ เป็นรุ่นพี่ ดูยังไงก็ไม่เหมาะสม... เวลาต่อมา... ใบหน้าที่เหมือนกันราวกับแกะนั้นทำให้ณัฐกฤตใจสั่น ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มีใบหน้าเหมือนกับแฟนเก่าของตัวเองขนาดนี้ แม้นจะเลิกกันไปหลายเดือน แต่เขาก็ยังจำใบหน้าของเธอได้เป็นอย่างดี “ปิ่นมุก...” เขาพึมพำชื่อเรียกของคนที่เพิ่งเจอเบา ๆ เธอรูปร่างสมส่วน ไม่อ้วน ไม่ผอมจนเกินไป เรียกได้ว่าหุ่นดีเลยก็ว่าได้ ผิวพรรณผ่องใส ขาวอมชมพูเหมือนกับคนที่ผ่านการดูแลตัวเองมาอย่างดี ใบหน้ารีรูปไข่ จมูกเล็กริมฝีปากหน่อย ผมสีดำขลับยาวจนถึงกลางหลัง ใบหน้าของเธอนั้นถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่สลิลทิพย์นั้นชอบแต่งหน้าจัดจ้าน การแต่งกายก็แตกต่างกัน แต่ก็คงพูดได้ไม่มากเท่าไรนัก ด้วยความที่ปิ่นมุกแต่งกายด้วยชุดสุภาพ เป็นเดรสสีขาวคอกระเช้าตัวยาวคลุมเข่า ไม่ได้แต่งตัวเหมือนกับออกไปเที่ยวเลยไม่เหมือนกันเท่าไร “เฮ้อ...” เขาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ชายหนุ่มเพิ่งเลิกกับแฟนสาวที่คบหากันมาหลายปี ทำใจไม่ได้ จนต้องทำเรื่องย้ายโรงพยาบาล จากที่เคยทำงานที่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ทางภาคเหนือ ระหกระเหินกลับบ้านเกิด มาทำงานที่เมืองหลวง หลังจากที่ย้ายไปเรียนที่นั่น เขาก็ไม่ได้ทำงานที่นี่อีกเลย เพราะมีแฟนอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ณัฐกฤตยกแขนขึ้นมองเวลาบนนาฬิกาอีกครั้ง พอใกล้ถึงเวลาเข้าผ่าตัดเขาก็เดินออกจากห้องพัก มองเห็นเฟลโลอย่างปิ่นมุก เขารู้สึกเหมือนกับมีแรงดึงดูดมหาศาลกำลังแผ่กระจายรอบตัวของเธอ หากให้นิยามง่าย ๆ ก็คงเรียกว่าเสน่ห์กระมัง เขาเดินเข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมกับเธอ “คิดได้หรือยัง” “ค่ะ” “อธิบายมาสิ” ชายหนุ่มยืนให้พยาบาลในห้องผ่าตัดสวมชุดผ่าตัดให้ เช่นเดียวกับแพทย์สาว ที่วันนี้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผ่าตัดให้เขา ณัฐกฤตยืนฟังเธออธิบาย แน่นอนว่าเธอพูดได้ดี แต่ทว่า “เธอมีพี่น้องไหม” เขากลับไม่ได้สนใจสิ่งที่หล่อนพูดเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางเอียงคอสงสัย “เอ่อ เปล่าค่ะ ฉันโตมาในสถานสงเคราะห์บ้านเด็กกำพร้าค่ะ” แม้นจะอายหน่อย ๆ แต่ก็ไม่อยากปิดบังอะไร ซึ่งพอณัฐกฤตได้ยินก็เกิดเห็นใจ ไม่ควรเซ้าซี้ต่อ ...ปิ่นมุกมองอาจารย์หนุ่มผ่าตัดคนไข้ด้วยสายตาชื่นชม แม้นว่าเขาจะให้เธออธิบายเคสแต่ก็ไม่ได้ให้ทำ แค่ส่งเครื่องมือให้และเย็บปิดปากแผลบางจุดแค่นั้น มือน้อย ๆ ของเธอนิ่งมาก ไม่สั่นเลยสักนิด “ทำได้ดีนะ” เอ่ยชมระหว่างเดินออกจากห้องผ่าตัดพร้อมกัน ซึ่งคำพูดของเขาทำให้คนได้ยินนั้นใจอิ่มฟูเลยทีเดียว “จริงเหรอคะ” “ครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้เธอเล็กน้อย ทำไมเวลามองหน้าเธอทีไรเขาต้องนึกถึงแฟนเก่าอยู่ทุกที แถมมันทำให้เขามีความสุขอย่างน่าประหลาดใจ แม้นจะรู้อยู่แก่ใจว่าเธอกับสลิลทิพย์นั้นคนละคนกัน “ขอบคุณนะคะ” วันแรกก็ดีเลยเชียว หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริ หลังจากนี้คงดีขึ้นเรื่อย ๆ “เดี๋ยวถ้าคุณว่างวันไหนก็บอกแล้วกัน ผมเลี้ยงข้าวต้อนรับ” ว่าเสียงเรียบ ปกติถ้ามีนักศึกษาในที่ปรึกษาเขาก็มักจะเลี้ยงข้าวเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความใกล้ชิดสนิทสนมเวลาทำวิจัยด้วยกันจะได้ไม่เกร็ง “เอ่อ ฉันว่างให้อาจารย์เสมอ อ๊ะ...ไม่ใช่สิ ฉันหมายถึง เอ่อ เอาเวลาที่อาจารย์สะดวกได้เลยค่ะ” เกือบไปแล้วเชียว เกือบเผลอพูดไม่ดีออกไป ปิ่นมุกเตือนใจตัวเอง แม้นว่าเขาจะหน้าตาดี หุ่นดีมากแค่ไหนก็ต้องตัดใจ เพราะสถานะของตนและเขานั้นไม่ควร “โอเคครับ ถ้างั้นผมแอดไลน์คุณไว้นะ” เขาล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเตรียมจะกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อแอดไลน์แอปพลิเคชันส่งข้อความชื่อดังนี้ แม้นจะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นการขอไลน์เพื่อทำงาน แต่ใจของปิ่นมุกก็เต้นตึกตัก เธอบอกไลน์เขาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ จนทำให้ณัฐกฤตเงยหน้าขึ้นมอง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในห้องผ่าตัดคุณดูไม่สั่นนะ แต่ตอนนี้ผ่าตัดเสร็จแล้วแต่ทำไมสั่น” หล่อนกลืนน้ำลายลงคอ แววตาของเขานั้นไม่ต่างจากเพลิง มันค่อย ๆ แผดเผาเรือนร่างของเธอให้กลายเป็นเถ้าธุลี แผดเผากายสาวให้ร้อนผ่าว ทำไมใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปิ่นมุกได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองในใจ โดยไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD