“แล้วที่ผ่านมา...ทิพย์ไม่รักณัฐเลยเหรอ” น้ำเสียงของคนพูดสั่นเครือ เจ็ดปีที่คบกันมันไม่มีค่าเลยอย่างนั้นหรือ
“รักสิ ฮึก รักแล้วมันกินได้ไหม ทิพย์บอกณัฐแล้วใช่ไหมว่าทิพย์รอไม่ได้ ทิพย์อยากแต่งงาน อยากสร้างครอบครัว แต่ณัฐก็เอาแต่บอกว่าอยากทำงานก่อน ฮึก แล้วจะมาเรียกร้องอะไร” ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ อุดมการณ์ ความฝันของเขามันต้องใช้เวลา ณัฐกฤตไม่อยากโทษเธอเลย และไม่คิดว่าเธอจะเลิกกับเขาเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่น
“ถ้างั้น...อึก ณัฐจะแต่งงานกับทิพย์ก่อน โอเคไหม” เขาไม่อยากเสียเธอไป ไม่มีวี่แวว ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าเธอจะทิ้งเขา ชายหนุ่มทำใจไม่ได้
“ไม่ทันแล้วแหละ ณัฐ...ขอโทษนะ”
“ทิพย์” สลิลทิพย์ไม่อยู่รอฟัง หล่อนลุกขึ้นยืน ทำให้ณัฐกฤตรีบคุกเข่าลงตรงหน้า เขาไม่พร้อมที่จะเสียเธอไปจริง ๆ
“ขอร้อง ฮึก ให้โอกาสณัฐอีกครั้งได้ไหม ขอร้อง...” เขาแทบก้มกราบ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปข้างหน้าหมายจะคว้าข้อขาของเธอ แต่ทว่าคนตรงหน้ากลับยกขาหนี
“ขอให้ณัฐเจอคนที่ดีก็แล้วกัน” สลิลทิพย์เบือนหน้าหนีพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมา เห็นอย่างนั้นณัฐกฤตก็เชื่อว่าเธอยังมีใจให้กับเขา ยังคงรักเขา
แต่ทำไม...ทำไมเธอถึงทิ้งเขาไป
ดวงตาคมพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา มองผู้หญิงที่ตนรักเดินออกจากร้านกาแฟไปอย่างช้า ๆ ตอนนี้สมองของเขามันอื้ออึงไปหมด การ์ดแต่งงานที่เธอเอามาให้ก็ยังคงทำให้อึ้งอยู่ ไม่รู้เลยว่าเธอมีใหม่ไปตอนไหน ยังไม่เลิกกับเขาเสียด้วยซ้ำ ทว่าขณะที่ยืนมองแผ่นหลังของเธออยู่นั้น
บรึ้น!~
ปัง!!
“ทิพย์!!” อยู่ ๆ ก็มีเก๋งอีโคคาร์คันหนึ่งพุ่งชนร่างบางของเธออย่างแรง สลิลทิพย์ลอยหวือกลางอากาศ ก่อนที่ร่างของเธอจะตกกระทบพื้น...
แต่ทว่า
“เฮือก!” มันกลับเป็นแค่ความฝัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นบนหน้าผากกว้าง ร่างหนาหอบหายใจอย่างแรง เขาค่อย ๆ ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ทำให้คนที่นอนข้างกายนั้นรู้สึกตัวตื่น
“ฝันร้ายเหรอคะ” เขาค่อย ๆ หันมามองตามเสียงเรียก แสงสว่างจากไฟหัวเตียงนั้นทำให้มองเห็นใบหน้าของภรรยาสาวไม่ชัดเท่าไรนัก
“ครับ” เขาตอบเสียงแผ่วเบา “นอนเถอะ”
“ฝันเรื่องไรเหรอ” ปิ่นมุกยันตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียงด้วยท่าทีงัวเงีย เห็นสามีนอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึกเธอจะหลับลงได้อย่างไร
“ก็...ฝันไปเรื่อย จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน” ไม่ใช่ว่าจำไม่ได้ แต่ถ้าบอกมันจะดีหรือ...ฝันถึงแฟนเก่านี่ ใครมันจะไปเล่าล่ะ
“หึ แสดงว่าไม่ได้ตื่นช่วง REM sleep[1] น่ะสิ” เป็นหมอทั้งคู่ เวลาพูดคุยกันก็พอรู้เรื่อง ณัฐกฤตหัวเราะเบา ๆ
“คงงั้นมั้ง”
“หึ นอนต่อเถอะค่ะ พรุ่งนี้มีงานเช้าไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่...”
“หรือนอนไม่หลับแล้ว” เธอเอียงคอถามเสียงแผ่วเบา ในบางครั้งแววตาของเขานั้นมักจะทำให้เธอรู้สึกสับสน แววตาเหมือนกับปิดบังอะไรบางอย่าง เป็นแววตาที่เธอไม่เคยหยั่งรู้ว่าเขามีอะไรที่บอกเธอไม่ได้
“ปิ่นก็นอนได้แล้วนะ” ชายหนุ่มขยับตัวลงนอนอีกครั้ง เช่นเดียวกับปิ่นมุกที่ถูกคนตัวโตรวบไปสวมกอด แค่นี้เธอก็อ่อนระทวย ไม่ติดใจถามอะไรเขาอีก
“ฝันดีครับ”
“ค่ะ ฝันดีค่ะ” เธอพึมพำเสียงแผ่วเบา พริ้มตาหลับลงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ต่างจากณัฐกฤตที่ยังคงลืมตาอยู่ มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้น
หรือนี่จะเป็นลางสังหรณ์
คิดได้อย่างนั้นก็ก้มหน้าลงมองคนตัวเล็กในอ้อมกอด หล่อนหลับไปแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอนี้ทำให้เขาตัดสินใจควานหาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหรูที่วางไว้อยู่บนหัวเตียง ชายหนุ่มกดเข้าแอปพลิเคชันส่งข้อความชื่อดัง ค้นหาชื่อที่เขาไม่ได้ติดต่อไปนานนั้น
TP
เป็นอักษรย่อที่รู้ดีว่าหมายถึงใคร
สองจิตสองใจอยากส่งข้อความหา มันควรจบไปนานแล้ว เธอแต่งงานไปนานแล้ว ส่วนเขาก็เพิ่งแต่งงาน ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง เส้นทางที่ไม่ต่างจากเส้นขนานนั้นไม่ควรมาบรรจบกัน แต่ทว่าฝันเมื่อครู่มันทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าหล่อนอาจจะประสบปัญหาไม่ดี คิดได้อย่างนั้นปลายนิ้วมือเรียวก็พิมพ์ข้อความหาเธอทันที
“ทิพย์”
“สบายดีหรือเปล่า”
เวลาเกือบตีสามนี้ไม่คิดว่าหล่อนจะมาตอบหรอก พอกดส่งข้อความเรียบร้อยแล้วเขาก็กดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ แต่ทว่า
ติ้ง!
เสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่กลับดังขึ้น สลิลทิพย์ตอบข้อความของเขาไวราวกับว่ายังไม่นอน และรอคอยข้อความจากเขา ตอบไวอย่างกับกลัวจะพลาดโอกาสนี้ไป...
[1] REM ที่ถูกย่อมาจากคำว่า Rapid eye movement ซึ่งก็คือ การนอนหลับในช่วงหลับฝันหรือการนอนที่มีการเคลื่อนไหวตาไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะหลับไปแล้วแต่สมองก็ยังทำงานอยู่เหมือนในขณะที่คุณตื่น จะเป็นช่วงการนอนที่ส่งผลต่อความจำ ความฝัน การเรียนรู้และการสร้างจินตนาการ