ตอนที่ 12
ปวีณาถามด้วยความสนิทสนมน้ำเสียงร่าเริงแจ่มใสเหมือนเดิม แต่เขากลับสนใจน้องสาวด้วยคำพูดที่ถามว่า
“พี่ไม่อยากได้หรอก แล้วเธอล่ะกินข้าวมาแล้วหรือยัง พ่อกับแม่ด้วย ”
“เรียบร้อยค่ะไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่กับพ่อไม่ปล่อยให้ท้องไส้กิ่วหิวหรอกค่ะ กินกันมาจากบ้านเรียบร้อย ” เมื่อเขาฟังน้องสาวพูดแล้วรู้สึกสบายใจ
แล้วฝ่ายปวีณาจึงเอ่ยย้อนถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง
“ตอนนี้พี่บอร์นยังทำงานอยู่หรือเปล่าคะ”
เอ่ยถามแล้ว ปวีณาเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะขยับตัวเอ่ยกับมารดาเป็นกระซิบว่า คุยกับพี่ชายอยู่ มารดาต้องการคุยกับเขาหรือเปล่า พอเห็นคุณปัญญาพรพยักหน้าปวีณาจึงกรอกเสียงลงไปอีกครั้ง
“ทำสิจ้ะพัด” เป็นคำพูดของพี่ชาย แล้วเขาก็คอยเงี่ยหูฟังเสียงของน้องสาวอีกครั้ง
“พี่บอร์นขา คุยกับแม่นะคะ แม่อยากจะคุยด้วย ”
ปัณรุจน์ชะงักเล็กน้อย เมื่อมารดาจะคุยด้วย โชคดีที่ช่วงเวลานี้ ลูกค้าเข้าไปในร้านเต็มหมดแล้ว ถ้าเป็นลูกค้าใหม่ทำได้แค่ยืนรอ
“ ทำอะไรอยู่ล่ะลูก” น้ำเสียงของมารดานุ่มและมีน้ำเสียงน่าฟังยิ่งนัก เมื่อบอร์นฟังน้ำเสียงของมารดาได้ยินเสียงของเธอเขาถึงกับนิ่ง
“นั่งทำงานในร้านคอมครับแม่ บอร์นเป็นลูกจ้างเขา ” เขาบอกอย่างไม่ปิดบัง สีหน้าของนางปัญญาพรฉงนใจเล็กน้อย เคยได้รับข่าวคราวจากลูกชายว่า ทำงานอยู่ในสถานบริการพวกผับบาร์ ซึ่งปัญญาพรเคยท้วงบุตรชายมาคราวก่อนแล้วว่า ไม่ให้ทำงานอย่างนี้ มันอันตราย ฉวยเดี๋ยวโดนลูกหลง เพราะเป็นสถานที่วัยรุ่นหนุ่มสาวมาเที่ยว
นางปัญญาพรกำลังคุยอยู่กับบุตรชาย มือของเธอและน้ำเสียงสั่น อยากจะเห็นหน้าของเขา เป็นปีกว่าแล้ว ปัณรุจน์คงจะโตเป็นหนุ่มมากขึ้น
“แม่เป็นอะไรครับ เหมือนแม่พูดไม่ออกเลย ”
ช่วงหนึ่งที่เสียงของคุณปัญญาพรเงียบหายเหมือนอึกอักพูดอะไรไม่ออกเลย ปัญรุจน์นึกเป็นห่วง
“มะ ไม่เป็นอะไรลูก แม่คิดถึงลูกมาก พรุ่งนี้ก็จะได้เห็นหน้าแล้ว ลูกสบายดีไหม ”
“ สบายดีครับแม่ ”
“ก็เห็นพัดมันบอกแม่ว่าลูกยังทำงานอยู่อย่าหักโหมมากนะลูกแล้วเงินทองให้รู้จักเก็บ ”
เขาพยักหน้ารับ
“เลิกงานกี่โมง แล้วทันมารับแม่กับพ่อแล้วน้องไหวไหม? ถ้าไม่ไหวก็บอกแม่ กับน้อง แม่จะไปหาลูกยังที่พักเอง” แม่จะมาหาเขาถึงที่พัก เขาสงสารท่านกับน้อง จะหาเจอหรือเปล่า จึงตอบว่า
“ไม่ต้องครับแม่ เดี๋ยวบอร์นไปรับเอง อีกประเดี๋ยวบอร์นก็จะเลิกแล้ว ขอไปงีบพักผ่อนตั้งเวลาแต่เช้ามืด จะไปรับแม่กับทุกคน ” พูดไปแล้ว ปัณรุจน์รู้สึกว่าเขาสบายใจ อย่างน้อยพ่อกับน้องที่นั่งอยู่ใกล้ด้วยคงได้ยิน แล้วมารดาคงนำความไปถ่ายทอดแล้ว
วีรพงษ์เดินเข้ามาในร้านพอดี เขาเลยบอกเสียเลย
“พี่พงษ์พรุ่งนี้เช้าแม่แล้วก็พ่อ และน้องสาวผมเดินทางมาจากต่างจังหวัดมาเรื่องเอนทรานซ์ที่น้องผมสอบเข้าได้ และประกาศผลรวมทั้งมหาวิทยาลัยนัดให้มา จะอยู่กับผมสามสี่วันครับพี่ ” วีรพงษ์ยิ้มให้
“งั้นหรือ ดีใจด้วยนะที่พ่อแม่มาเยี่ยม แล้วจะขอลาหยุดงานหรือเปล่าล่ะ พี่ให้เราหยุดได้นะ สามวันเต็มที่เลยเป็นไง พอดีพี่ได้เด็กใหม่คนหนึ่ง จะให้ทำร่วมกับเราเลย เสร็จแล้วค่อยมาทำเต็มที่”
คำพูดของวีรพงษ์สร้างรอยยิ้มให้แก่เขาได้เป็นอย่างมาก ที่วีรพงษ์เข้าใจความรู้สึกของเขา ว่านานทีปีหนที่ท่านทั้งสองจะเดินทางเข้ากรุง เพราะส่วนมากจะใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างจังหวัดเหมือนกับคนอื่นๆที่เป็นชาวบ้านชนบท ทำงานหากินอยู่แถวๆบ้านที่เคยปฏิบัติมา
“ขอบใจครับพี่พงษ์”
ดีใจอย่างมากที่เจ้านายเข้าใจและอนุญาต
เพราะปัณรุจน์ทำงานดี เป็นคนเรียบร้อย ทำงานไม่ขาดตกบกพร่อง มีลูกค้าในร้านฝากความชื่นชมมาให้วีรพงษ์ ในการเทคแคร์ดูแลลูกค้า ทำได้อย่างดีเยี่ยม
ครั้นเขานั้น พอตื่นลุกขึ้นมาได้แค่ล้างหน้าแปรงฟันพอให้เนื้อตัวดูดีเสร็จสรรพ ปัณรุจน์ก็รีบลงไปเรียกแท็กซี่ตรงดิ่งไปที่สถานขนส่งหมอชิตใหม่เลยทันที และไปรอรับประมาณสักยี่สิบกว่านาทีรถทัวร์คันที่บิดามารดาเดินทางมา ก็ถึงสู่ปลายทาง และปัณรุจน์รีบเข้าไปทักทายยกมือพนมไหว้มารดาที่หัวอกของท่านกับบิดา กาจดีใจที่ได้เห็นหน้าลูกชายเขามองไปที่ใบหน้าคมคายของบุตรชายซึ่งทั้งโตและสูงมากสง่างาม ปวีณายกมือไหว้พี่ชายด้วยเหมือนกัน ปัณรุจน์ยิ้มตอบบอกว่า
“เรารีบขึ้นแท็กซี่เถอะครับเพราะพอสว่างแล้ว เดี๋ยวรถติด”
ปัญญาพรและสามีเชื่อตามที่บุตรชายเอ่ย มิไยที่ปวีณาจะเถียงว่า
“แหม พี่บอร์น ทำไมรีบกลับจัง พัดอยากจะมองดูโน่นดูนี่หน่อย ไม่เคยมาเมืองกรุง ก็อยากเห็นโน่นเห็นนี่ ”
“เธออยากจะมาเห็นโน่นเห็นนี่อะไรในเวลาเช้าตรู่อย่างนี้ นี่ไม่ใช่ที่เที่ยวนะยายพัดที่กรุงเทพนะมันอันตราย” พี่ชายดุติงน้องสาวเล็กน้อย ที่ทำตัวเหมือน อี้ก้อเข้ากรุง เห่อสารพัด ทำให้ปวีณาทำหน้ามุ่ยมองหน้าไปทางอื่น
ซึ่งทั้งปัญญาพรและกาจก็เชื่อตามลูกชาย ที่ช่วยปกป้องน้องสาวและเห็นว่าเมืองนี้ใหญ่โตก็จริง แต่แฝงไปด้วยอันตราย
“นี่พัด เชื่อพี่เขาเถอะ ยายพัดพี่เขาอยู่มาก่อนเรา”
กาจตัดบทปวีณาคิดเห็นตามบิดา จึงเงียบไป ถึงที่พักคืออพาร์ทเม้นท์ส่วนตัวของเขาอีกครั้งเมื่อเวลาหกโมงครึ่งพอดี สว่างโร่ได้ยินเสียงยวดยานแล่นผ่านไปมา กับท้องฟ้าที่เปิดคลุมอรุณให้ดูสดใสเมฆลอยอยู่เหนือฟ้า เมืองตึกใหญ่อย่างนี้นายกาจกลับได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของหมู่นกที่โผบินอยู่ใกล้ๆตัว
ส่วนพีรียานั้นร่างบางระหงกำลังกลุ้มอีกครา เพราะวาดวลีเพื่อนสาวคนสนิทมาดทอม เข้ามาแนะนำให้หล่อนเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้าน ซึ่งโดยเฉพาะเข้าไปในเวบไซด์เลือกคู่ ทั้งผลักดันแกมบังคับข่มขู่ว่า
“ถ้าแกไม่ลองเข้าดูสักทีนะ เพี๊ยซ แกก็ไม่รู้ความจริงนะสิ ว่าแกควรเลือกอะไรคนไหน ในนั้นโอ๊ย มีผู้ชายหล่อๆให้แกเลือกตั้งมากมาย ถ้าเกิดแกสนใจ แล้วผู้ชายพวกนั้นสนใจเงื่อนไขพิเรนทร์แบบนี้ของแก ฉันว่าไอ้พวกที่เลือก แหง๋ล่ะมันต้องพวกเห็นเงินแล้วตาโต อันตรายด้วยนะ ”
ดูเหมือนวาดวลีพูดแล้ว จะด้วยความเห็นดีด้วยหรือเปล่า